เมื่อวาน (26 มิ.ย.52) ได้เข้าฟังการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันของภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย อาจารย์หมอปัตพงษ์ เกษมสมบูรณ์ และ อาจารย์หมอสมเดช พินิจสุนทร กับ Professor จากญี่ปุ่น คือ Dr.Yuko Takeda, M.D.,Ph.D.FACP แห่ง Mie University, Faculty of medicine, Department of Community Medicine (บันทึกไว้แล้วครั้งหนึ่งที่ Learning to QE: ผลลัพธ์สุขภาพตามตัวชี้วัดดี จะดีจริงหรือ?) โดยอาจารย์หมอปัตพงษ์ ฯ ได้นำเสนอแนวคิดของทางประเทศไทยในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั่นมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ให้แนวทางไว้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Philosophy of the "Sufficiency Economy") ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับทุกเรื่องที่เป็นการพัฒนาประเทศ ที่นักพัฒนาทั้งหลายได้น้อมนำมาใช้เป็นกรอบแนวคิด ใช้เป็นแนวทางกันอย่างกว้างขวาง ขยายผลไปยังต่างประเทศอีกหลายประเทศ องค์กรระหว่างประเทศเองก็ได้สนใจที่จะเข้ามาเรียนรู้เพื่อนำไปขยายผลอย่างต่อเนื่อง
(คลิ้กเพื่อดูรายละเอียดต่อและอ้างอิงภาพ)
ในส่วนของภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน ได้จัดทำโครงการที่ให้นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 ได้ลงไปสัมผัสกับชุมชนจริง ๆ ได้เรียนรู้พูดคุยกับชาวบ้าน รวมถึงได้ทำการศึกษาวิถีชุมชน โดยพบว่า นักศึกษาแพทย์สามารถเข้ากับชุมชนและชาวบ้านได้รวดเร็ว ได้เรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้านอย่างแท้จริง มาถึงตอนนี้ก็ได้สรุปในประเด็นการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนว่าต้องเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนให้มีแนวคิดต่อเป้าหมายของการพัฒนาที่ประชาชนและใช้ชุมชนเป็นฐานหลักของการพัฒนา
ในส่วนของ Professor Dr.Yuko Takeda ก็ได้นำเสนอในแนวคิดของโรงเรียนแพทย์ที่จะจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศญี่ปุ่นว่ามีวิสัยทัศน์ที่มุ่งจะให้เกิดการเสริมพลังอำนาจ (Empowerment) แก่กลุ่มประชาชนในการที่จะดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อคงามต้องการของตนเองได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างสรรค์อะไร ๆ ได้เองในอนาคตได้อย่างยั่งยืนกว่าที่ภาครัฐจะต้องทำให้ตลอดไป สำหรับการกล่าวถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้นเกิดขึ้นครั้งแรก ๆ ในช่วงปี 1987 ใน Brundtland Report ต่อมาก็ได้มีการนำไปใช้และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนมาถึงปี 1992 โดย UNCED (United Nations Conference on Environment and Development) ได้สรุปไว้ว่ามี 27 หลักการเพื่อการพัมนาอย่างยั่งยืน (คลิ้กอ่านรายละเอียดต่อ) สำหรับการศึกษาเพื่อการพัฒนานี้ท่านได้แนะนำให้เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ ESD: Education for Sustainable Development ของ UNESCO
สำหรับคำถามที่วงเรียนรู้ได้ตั้งขึ้นคือใครมีประสบการณ์ที่จะเล่าแลกเปลี่ยนกันบ้าง ก็ได้มีเพื่อนนักศึกษาคือคุณดวงใจ วิชัย จาก สอ.บ้านเปือย อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ได้เล่าเรื่องการพัฒนาสุขภาพชุมชนที่เป็นการทำเกษตรปลอดสารพิษ ซึ่งโดยสรุปคือเมื่อชาวบ้านเขาคิดเอง ทำเอง โดยมี จนท.เป็นเพียงพี่เลี้ยงร่วมเรียนรู้ ไม่ชี้นำทั้งหมด จะพบความยั่งยืนของชาวบ้านในการดำเนินงานและการขยายผล
สำหรับผมมองว่าการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือการเปลี่ยนแนวคิดของการสอน เป็นการร่วมเรียนรู้ไปกับผู้เรียน การทำให้ผู้เรียนได้เห็นความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้อย่างให้เกียรติกันในระหว่างการพัฒนา หากเมื่อจบการศึกษาไปทำงานก็ยังไม่ลืมกระบวนการเรียนรู้ร่วมไปกับชุมชน ไม่ทำตัวเป็นผู้สอนให้ชุมชนทำตามที่เราคิด หรือไม่ชี้นำชุมชนในฐานะที่คิดว่าตัวเป็นผู้รู้มากกว่า ต้องเรียนรู้ไปกับเขาและพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ดังตัวอย่างที่ได้เคยทำงานกับคนพิการ และ ศวพถ.
สวัสดีคะ พี่ชายขอบ
ยกตัวอย่างงานคนพิการ กับการทำงานของศวพถ ทำให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น คะ เราเรียนรู้ไปด้วยกัน และ เชื่อมั่นว่าแต่ละคนมีดีไปคนละอย่าง แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง และคนอื่นในกลุ่ม แต่ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดเลยคือความจริงใจ และ ซื่อสัตย์ต่อกัน
สวัสดีครับคุณก้ามปู
สวัสดีครับอาจารย์
ขอรายงานความคืบหน้างานที่ศวพถ. ไปสัญจรที่ปากพะยูนว่
ขณะนี้ทาง สกว.ให้ทำโครงการแก้ปัญหาขยะในชุมชนเทศบาลปากพะยูน
โดยผ่านงบประมาณมาทาง ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรชุมชนพัทลุง เป็นโครงการเชิงวิจัยครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับอาจารย์พี่บ่าว
ติดตามอ่านอยู่ แต่ไม่ค่อยทิ้งรอยไว้ครับ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแบบย่อ ผมก็เคยใช้ประกอบการสอนครับตามรูป
ของมูลนิธิชัยพัฒนา
สวัสดีครับ อาจารย์ Panda