ส่วนใหญ่ถ้าชาวบ้านถูกจับก็จะถูกฟ้องคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกพร้อมกับขับไล่ออกจากพื้นที่
แต่ในยุคที่กระแสโลกร้อนขยายวงไปทั่วโลก แนวคิดนี้ได้มีการนำมาใช้กับการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วย
วันนี้จะยังไม่พูดถึงความเหมาะสม ความเป็นธรรม สิทธิชุมชน หรือความถูกต้องทางกฎหมายว่าป่าบุกรุกคน หรือคนบุกรุกป่า
แต่จะยกกรณีตัวอย่างที่มีชาวบ้านบุกรุกทำลายพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า นอกจากจะถูกฟ้องคดีอาญาแล้ว ยังถูกฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกรายละหลายล้านบาท
สวัสดีครับคุณ เหลา ผมว่ามันยังน้อยไปครับท่าน
สวัสดีค่ะ
ถ้าเป็นนายทุนบุกรุกเหมือนที่เป็นข่าวบ่อยๆแล้วถูกดำเนินคดีแบบนี้ ก็คงเป็นอย่างที่ บังวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- ว่าล่ะครับ ชดใช้ค่าเสียหายแค่นี้ยังน้อยไป แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ต้องหารายใหญ่ถูกดำเนินคดีแพ่งแบบนี้
แต่กรณีการบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาปู่–เขาย่า ซึ่งอยู่ในแถบเทือกเขาบรรทัด ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตรัง สตูล และนครศรีธรรมราช ผู้ถูกดำเนินคดีเป็นชาวบ้านซึ่งอ้างว่ามีการประกาศเขตอุทยานฯทับที่ดินทำกินชาวบ้าน ที่ทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน ในขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ระบุว่าเป็นผู้บุกรุกทำลายป่า จนกระทั่งมีการจับกุมดำเนินคดี ปักป้ายตรวจยึด และโค่นทำลายสวนยาง สวนผลไม้ไปแล้วหลายราย
ภาพมันก็เลยเป็นเหมือนเหรียญสองด้าน ดังความเห็นของอาจารย์ชายขอบ กับ ครูคิม ครับ
กระผมอยากข้อคำปรึกษาหน่อยครับ
คือ ที่นาปลูกข้าวแล้วตอนนี้ต้นข้าวก็โตแล้ว
* แต่วันนี้ถูกบุคคลหนึ่งนำรถมาไถทิ้งเสียหายไป 18 ไร่ และไม่สามารถจะปลูกข้าวไหม่ทดแทนเพราะอยู่ระหว่างคดี
* แล้วพอแจ้งตำรวจครั้งแรกตำรวจไม่รับแจ้ง
* ต้องไปรอบสองจึงรับแจ้ง จนข้าวเสียหายไปหลายไร่อย่างที่กล่าวมา
* พอไปแจ้งรอบสองจึงรับเรื่อง ก็มีการประเมินค่าเสียหาย
* โดยเขาคิดให้ 18 ไร่ เป็นเงิน 1แสน 8 พันบาท โดยบอกว่าไร่หนึ่ง ประเมินว่า จะได้ข้าว 10 กระสอบ
*อยากทราบว่าขันตอนการคิดค่าเสียหายเขาคิดกันเพียงเท่านี้เองหรือครับ
แล้ว *ค่าแรง ค่าเงิน ค่าจ้าง ค่าเสียเวลา ที่เราลงทุนไป เขาไม่คิดหรอครับ
* แล้วเราจะสามารพแก้ไข ค่าเสียหายที่ตำรวจคิดไว้แล้วได้ไหมครับ
กรุณาช่วยหน่อยน่ะครับ
(เรื่องเพิ่งเกิดวันนี้เองครับ)
ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เหมาะสมหรือไม่กับการไม่รับแจ้งความครั้งแรก........