subah
รุ่งฤดี รุ่งฤดี หลังยาหน่าย

เรื่องที่อยากเล่าให้พ่อฟัง


เรื่องที่อยากเล่าให้พ่อฟัง

เรื่องเล่า ที่อยากเล่าให้พ่อฟัง

 

หลังจากที่ลูกสาวพ่อได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่ม แกนนำ จริยธรรมเมื่อวันที่ 28ก.พ. -1 มี.ค. ที่อุทยานเขาปู่ เขาย่า พัทลุงมีการบ้านให้ส่ง เรื่องเล่าความดีคนละ 1เรื่อง

 วันนี้ลูกได้หยุด 1วัน คิดว่าน่าจะเขียนเล่าได้สักเรื่องนะ

ในชีวิตการทำงานพยาบาล ไม่กี่วันจะครบ 16 ปีเต็มได้ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทั้งดีและที่เป็นประสบการณ์ให้เรา ได้เจอผู้คนมากมายที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาล ทั้งที่เป็นผู้ป่วยและครอบครัว ผู้มาดูแลทุกคน

 ตั้งแต่เด็กชีวิตของลูกสาวพ่อคนนี้ เกี่ยวข้องมากับอาชีพเดียวที่รู้จัก คืออาชีพครู ชอบไปโรงเรียน ชอบกิจกรรมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอาชีพนี้ เพราะว่าบ้านเราอยู่หลังโรงเรียน จำได้ตอนเล็กๆ ประมาณ 5-6ขวบกว่า ยังไม่ได้ไปโรงเรียนแต่เพราะว่า พี่สาวเป็นคุณครู จึงมักจะมีน้องสาวตัวเล็กๆ คนนี้ไปร่วมกิจกรรมกับเด็กนักเรียนอยู่เสมอ จนโตขึ้นมาคิดว่าอาชีพที่ต้องเป็นให้ได้คือ อาชีพครู เพราะว่าเรารัก และเคารพครูทุกคนของเรามาก

 แต่ในความเป็นจริงพ่อรู้ไหมว่าลูกสาวพ่อ ไม่ได้เป็นครูอย่างที่ตั้งใจไว้หรอกค่ะ แต่อาชีพนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกับครูมากเป็น ผู้ให้ เหมือนกัน แต่ ให้ ในคนละด้านกัน ลูกคิดว่าพ่อคงจะภาคภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้นะคะ

 

ลูกยังจำได้วันที่ พ่อล้มป่วยครั้งแรก ตอนนั้นลูกยังเรียนมัธยมปลายอยู่ มันคงเป็นจุดหันเหชีวิตให้ต้องมาทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะทำได้ เพราะว่าเป็นคนที่กลัวเรื่องเลือด เรื่องบาดแผลมาก แต่โรคของพ่อทำให้เราต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ต้องไปพ่นยา ให้ ออกซิเจน ให้น้ำเกลือ จนพยาบาลที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน รู้จักครอบครัวเรากันเกือบทุกคน

 ที่โรงพยาบาลทำให้ลูกได้เห็นว่าพยาบาลที่ใส่ชุดขาว หมวกขาวนี่เขาทำอะไรกันบ้าง และก็เป็นโชคดีของลูกสาวพ่อคนนี้ ที่ได้พบเจอกับ พี่ๆ พยาบาลที่ใจดี และให้การดูแลคนป่วยด้วยใจจริงๆ พูดจามีความจริงใจ แนะนำ ตักเตือน แต่ไม่ใช่สีหน้าที่ตำหนิ ทำให้เราได้เห็นแบบอย่างที่ดีมา  และตั้งแต่นั้นมาลูกสาวพ่อคนนี้ ก็มีความตั้งใจเป็นอย่างมาก ที่จะต้องเรียนพยาบาลให้ได้ และต้องเป็นพยาบาลโรงพยาบาล มอ ด้วย เพราะว่าตอนที่หมอที่บ้านส่งตัวพ่อไป มอ เพื่อจะส่องกล้องวินิจฉัยให้รู้ว่า พ่อเป็นมะเร็งปอดแน่หรือไม่ ตอนนั้นพ่อถูก admit ที่นั่น

 ตอนนั้นพ่อเคยพูดกับแม่ว่า อยากให้ลูกของเราได้มาเรียนที่นี่บ้าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มันช่างยิ่งใหญ่มาก ในสายตา ในความรู้สึกของชาวบ้านธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง และแล้วความตั้งใจของพ่อก็ประสบผล ลูกได้เรียนที่ มอ จริงๆ วันประกาศผลสอบพ่อถึงกับร้องไห้ ดีใจ ที่ลูกสาวคนสุดท้องของพ่อ ได้เรียนเป็นพยาบาลสมความตั้งใจ

 ยังจำวันแรกที่พ่อเหมารถรับจ้างคนข้างบ้านไปส่งได้ เราไปกันทั้งครอบครัว พ่อแม่ พี่สาวและหลานๆ วันนั้น พ่อพาพวกเราไปเลี้ยงฉลองกันที่ แหลมสมิหลา ซึ่งในเวลานั้นถือว่าสุดยอดในชีวิตของครอบครัวเราแล้ว

 นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ลูกได้มีโอกาสเที่ยวกับพ่อ เพราะว่า หลังจากนั้น พ่อมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังตลอด ต้องเข้านอนโรงพยาบาลใกล้บ้านเกือบทุกอาทิตย์ ระหว่างที่ลูกเรียนพยาบาลอยู่ ปี1 ปี 2 ที่ มอ ลูกกลับบ้านตลอดทุกอาทิตย์และได้มีโอกาสไปดูแลพ่อ กับแม่ ผู้ซึ่งเฝ้าดูแลพ่อตลอดระยะเวลาที่พ่อป่วย ไม่ว่าพ่อผู้ซึ่งเจ็บป่วยเองที่เหนื่อยง่าย ทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา จะหงุดหงิด เอะอะ อาละวาดกับแม่แค่ไหน แต่แม่ผู้ซึ่งรักพ่อมาก ไม่เคยปริปากบ่นให้พวกเราลูกๆ ได้รู้เลยว่าแม่ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน ถ้าเราไม่ได้มาดูแลเอง ไม่ได้มาเห็นเอง เราคงไม่รู้

 จนเมื่อลูกเรียนอยู่ปี 2 ช่วงที่ปิดเทอมลูกก็ยังไปดูแลพ่ออยู่ตลอด ยังจำได้ที่โรงพยาบาลจังหวัด ตอนนั้นพ่อป่วยหนัก ปอดติดเชื้อ ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ ลูกหยุดเรียนและได้มีโอกาสไปนอนเฝ้าพ่อ ที่นี่คนไข้เยอะมาก และที่เฝ้าไข้ก็แคบ แต่อาการหนักแบบนั้นหมอไม่ให้อยู่ห้องพิเศษ ต้องนอนในห้องรวม จำได้ว่าแม่มีเก้าอี้ผ้าใบเก่าๆ สีแดง 1 ตัว เอาไว้นอนเฝ้าข้างเตียง ส่วนลูกสาวพ่อ ตอนนั้นเรียนพยาบาล ปี 2 นอนเฝ้าพ่อตัวเองบนหนังสือพิมพ์ที่ใต้เตียงของพ่อ ยังจำได้ ไม่ลืมภาพที่พยาบาลเดินเข้ามาใกล้เตียงแล้วบอกให้เราหลีกไปตอนนั้นประมาณ ตี2 บอกว่าจะมาฉีดยาฆ่าเชื้อให้ ท่าทางที่เขาแสดงเหมือนเราเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ จนไม่อยากแม้จะเรียกดีๆ ขนาดต้องใช้เท้าเขี่ยให้หลีกทางให้

 ภาพนั้นมันสะท้อนกลับมาตอนที่เราทำงานแล้ว บางเตียงจะมีญาติมาเฝ้าข้างเตียงและดึกๆ ก็แอบนอนใต้เตียง รู้ว่าเขาคงเหนื่อยและเพลียมาก เพราะต้องดูแลคนไข้มาทั้งวัน เราบอกแล้วว่าไม่ต้องเฝ้าหรอกนะ พยาบาลดูแลให้เอง กลับไปพักเถอะ แต่บางคนไม่ยอม บางคนแก่ๆ รุ่นแม่ รุ่นยายมายกมือไหว้ ขอร้องให้เขาได้เฝ้าเถอะ เขาเป็นห่วงกัน อยู่บ้านก็ดูแลกันมาไม่เคยห่างกัน เราก็ต้องยอมและที่สุด มันก็เป็นอุปสรรคในการทำงานของเราอีกจนได้ (เขาว่ากันแบบนั้น)  ทำงานก็ไม่สะดวก แต่มันมีหลายวิธี ไม่ใช่หรือ ที่เราจะพูดกับเขาดีๆ กระทำกับเขาเหมือนเป็นคนๆหนึ่งที่มีสิทธิเท่าเทียมกับเรา เป็นคนๆหนึ่งที่มีความรัก อยากดูแลญาติของเขาเหมือนกับเรา ให้ความมั่นใจกับเขาว่า ไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหน เราพยาบาลจะไม่ละเลยญาติของเขา เราจะมาดูแลทันที ที่เขาร้องขอ หรือบางครั้งไม่ได้ร้องขอ แต่เราก็มีหน้าที่เดินไปตรวจดูอาการ ดูว่ามีใครที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นระยะๆอยู่แล้ว แค่นี้แหละที่เขาต้องการ

 ลูกจำได้ เมื่อไม่นานมานี้ มีป้าคนหนึ่งมาขออนุญาตเฝ้า ข้างเตียงสามี ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ใส่เครื่องช่วยหายใจ รู้สึกตัวดี ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เนื่องจากตอนกลางวันอาการสามีไม่ค่อยดีนัก เลยอยากดูแลให้มากที่สุดในระยะสุดท้ายของชีวิต

 ลูกเพิ่งมารู้ทีหลัง โดยป้าคนนั้นมาเล่าว่า ถ้าคืนนั้นไม่ขอเฝ้าไข้เอง จะไม่รู้เลยว่าพยาบาลที่นี่ทำงานกันหนักมาก ไม่มีเวลาได้พักกันเลย เดินตลอด มีงานทำตลอด รู้สึกเห็นใจพยาบาลมาก และบอกว่าเข้าใจเลยที่ไม่ให้ญาติเฝ้า เพราะพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างดี ป้าบอกว่าคืนนี้ป้าจะไม่เฝ้านะ เพราะว่าร่างกายรับไม่ไหว ไม่ได้นอนทั้งกลางวันและกลางคืน และได้เห็นแล้วว่า ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ตามกำลังที่พยาบาลจะทำได้

 คืนเดียวกันนั้นลูกอยู่เวรบ่ายเป็นวันที่ยุ่งมาก มีคนไข้หนักทั้งหมด 13-14ราย ทีมที่ลูกดูแล มีใส่เครื่องช่วยหายใจ 4 ราย และมีเตียงหนึ่งที่ อาการหนักมาก หยุดหายใจ ต้องช่วยชีวิตกันหลายรอบและที่สุดก็เสียชีวิตตอนเวลาเที่ยงคืนของในเวรของลูกวันนั้น

 เหตุการณ์ในวันนั้นยุ่งมาก ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือกันอย่างดี ไม่มีใครมาทำหน้าหงิกงอใส่กัน ผู้ป่วยที่เสียชีวิตวันนั้น ก็ได้รับการดูแลอย่างสมศักดิ์ศรี ทั้งจากทีมญาติ ที่มีพ่อ พี่สาว และภรรยาของผู้ป่วย หลังจากที่ได้คุยกับทีมแพทย์แล้ว ญาติก็ได้บอกให้แพทย์ยุติการ CPRตั้งแต่หัวค่ำ และให้ผู้ป่วยได้เสียชิวิตอย่างสงบ เราทีมพยาบาลก็ไม่ได้ละเลยมีการให้ข้อมูลและอาการของผู้ป่วยแก่ญาติเป็นระยะๆ  ตลอดเวลาที่ไปทำกิจกรรมพยาบาล ตั้งแต่ต้นเวรจนปลายเวร มีอย่างหนึ่งที่ลูกรู้สึกว่าตัวเองมีก้อนมาจุกที่คอพูดอะไรไม่ออกตอนที่ได้ยินภรรยาของผู้ป่วยพูดโทรศัพท์ บอกอาการของพ่อ(ผู้ป่วย) กับลูกที่ไม่ได้มาด้วยในวันนั้น และบอกให้ลูกอ่านหนังสือสอบด้วยนะ พ่อรู้ไหมว่ามันทำให้ลูกนึกถึงแม่ในตอนนั้นมาก ตอนที่รู้ว่าพ่อใกล้จะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อบอกกับแม่ว่าอย่าให้ลูกรู้ก่อนนะ เพราะว่าลูกกำลังจะสอบวันพรุ่งนี้แล้ว เดี๋ยวจะมีผลกับการเรียนของลูก พ่อแม่ไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย คิดถึงแต่ประโยชน์ของลูกๆ

 แต่พ่อรู้ไหมว่าถ้าย้อนกลับไปได้ วันนั้นลูกจะยังไม่กลับ มอ จะอยู่กับพ่อ จนถึงวาระสุดท้ายของพ่อ  แม้ว่าตอนนั้นจะยังทำหน้าที่ของพยาบาลที่ดีไม่ได้ แต่ขอทำหน้าที่ของลูกที่ดีก็ยังดีนะพ่อ แต่ไม่ต้องห่วงนะพ่อ ตอนนี้ลูกได้มีโอกาสได้ดูแลคนที่พ่อรัก และรักพ่อมากที่สุดอีกคน คือแม่ของเรา ลูกจะไม่ปล่อยให้โอกาสได้ดูแลคนที่เรารักต้องตกเป็นของคนอื่น อีกนะพ่อ

 พ่อรู้ไหมว่าเวลาที่ลูกทำงาน ลูกสาวของพ่อต้องเจอกับคนป่วยที่มีสภาพเหมือนกับพ่อ เจอคนดูแลเหมือนแม่ เจอคนที่มีสภาพเหมือนครอบครัวเราตอนนั้น ทำให้ลูกคิดถึงพ่อมาก และรู้สึกเข้าใจและเห็นใจคนเหล่านั้นมาก บางครั้งที่เขาหงุดหงิด ที่เขาแสดงท่าทางบางอย่างที่ไม่ดีใส่พยาบาล สิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งที่พ่อเคยทำมาแล้วทั้งนั้น คนเคยแข็งแรง ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง เคยมีอำนาจสั่งให้ใครทำอะไรก็ได้ แต่มานอนป่วยช่วยตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องมีบ้างที่จะ หงุดหงิด รับไม่ได้ กับโรคของตัวเอง

เราพยาบาลต้องเข้าใจเขา เหล่านั้น แต่ลูกคิดว่าลูกรับมือได้กับสิ่งเหล่านี้ ขอเพียงเราให้การพยาบาลด้วยใจจริง ไม่เสแสร้ง พูดจากับเขาดีๆ เสมือนหนึ่งเขาเป็นญาติเรา เป็นคนที่เรารู้จัก แค่นี้ลูกคิดว่า เขาคงสัมผัสได้ถึงสิ่งดีๆ ที่เราทำให้เขา เหมือนที่ครั้งหนึ่งที่ครอบครัวของเรา สัมผัสได้ถึงการดูแลที่ดีจากพี่ๆ พยาบาลที่โรงพยาบาลเล็กๆ ใกล้บ้านเราในตอนนั้น ที่พ่อป่วยใช่ไหมพ่อ

 สุดท้ายอยากจะบอกพ่อว่า ลูกภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกสาวของพ่อ และยังระลึกถึงพ่ออยู่ตลอดเวลา จำท่านั่งหอบของพ่อ ท่านอนฟุบใส่ออกซิเจน ท่านั่งกินข้าวไปพลางหอบไปพลาง เอามือมาจัด สายออกซิเจนให้ตรงจมูก แอบเอายาเป็นกำๆ ใส่ใต้หมอน บางครั้งใส่ในกระโถน และบอกพยาบาลว่ากินยาแล้วทุกครั้งที่พยาบาลถาม ภาพของแม่ที่คอยดูแลจัดหาอาหารที่พ่อชอบมาให้ คอยหยิบโน่นหยิบนี่ พับกระดาษทิชชูใส่ถุงให้ ไว้เช็ดน้ำมูก น้ำลาย ภาพเหล่านี้จะเป็นความทรงจำที่ลูกไม่มีวันลืม และในชีวิตการทำงานตลอด 16 ปีที่ผ่านมาก็ยังได้เห็นภาพแบบนั้นมาตลอด

 

ลูกไม่กล้าสัญญากับพ่อว่าจะเป็นพยาบาลที่ดีเพราะอาจมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้  แต่ที่จะทำได้คือดูแลผู้ป่วยและญาติ อย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ และจะนึกถึงประสบการณ์การเจ็บป่วยของคนในครอบครัวของเรา ว่าเราต้องการการดูแลแบบไหนคนอื่นก็คงไม่ต่างจากเราใช่ไหมค่ะพ่อ

 เรื่องที่จะเล่าให้พ่อฟัง วันนี้มีแค่นี้นะคะ ไว้โอกาสต่อไปลูกคงมีเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอมาในชีวิตทำงานของลูกมาเล่าให้พ่อฟังอีก แม่สบายดีค่ะพ่อ พวกเราทุกคนรักและคิดถึงพ่อนะคะ

                                            ลูกสาวของพ่อ

                                               9/3/52  17.27 น

หมายเลขบันทึก: 247326เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2009 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

จะให้พี่กระติกเรียกว่าน้อง..............อะไรเอ่ย

 

ขอบคุณมากค่ะที่เข้าไปร่วมแบ่งปันความรู้สึก

อ่านแล้ว อยากร้องไห้

ตอนนี้พี่มีสิ่งที่หล่อลี้ยงใจคือ

  อย่างน้อย ก็ได้ใช้วิชาชีพที่เรียนมา  เข้ามาดูแลพ่อ 

 กระทั่งการ CPR ก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วม

สุดท้าย ก็คงทำใจให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่เราบอกญาติผู้ป่วยรายอื่นๆ  แตกต่างกันคือ  ครั้งนี้ เราบอกแม่  น้อง และตัวเราเอง

 

ขอบคุณค่ะที่เข้าไปร่วมแบ่งปัน

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

เรื่องราวบางเรื่องมันอยู่ในความทรงจำของเรามาตลอด

บางเรื่องอาจจะมีประโยชน์กับใครได้บ้างไม่มากก็น้อย ได้มาร่วมแบ่งปันความรู้สึกในยามที่ ใจเหนื่อย เข้าใจความรู้สึกพี่กระติกค่ะ สู้ สู้ และสู้ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

พี่กระติกลองเอาบทความที่พี่เขียนถึงพ่อ ทุกตอน อ่านให้ท่านฟังซิคะ ท่านคงอยากฟังทุกเรื่องราวของเรา และรอฟังอยู่นะคะ

ร้องไห้เถอะค่ะ ถ้าร้องแล้วเรารู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่มีใครเข้มแข็งไปทุกเรื่องหรอกนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพของตัวเองด้วย หาเวลางีบบ้าง เพื่อเก็บแรงกายแรงใจไว้คุยกับท่าน ดูแลท่านต่อไปค่ะ

เรียกว่า น้องบ๊ะ ก็ได้ค่ะ

                                                                               ขอบคุณค่ะ

P คุณ subahค่ะ

คนเรามีกำลังใจก็มีแรงฮึดนะคะ..

มิตรรักจากใจมิตรรักแห่งนี้..มีรอยยิ้มและกำลังใจเสมอเสมอ

ขอบคุณค่ะ..ยินดีที่ได้รู้จัก...หวังว่าเราคงจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันต่อไปนะคะ....

ขอบคุณและขอบคุณค่ะ

อ่านเรื่องราวแล้ว...ขอร่วมภาคภูมิใจกับคุณพ่อด้วยคนนะคะ..พ่อคงดีใจและหลับอย่างสบายนะคะ

ขอขอบคุณP นะคะ ที่แวะมาบ้านนี้

ขอบคุณอีกครั้งที่ได้รู้จักกัน และก็หวังว่าเราทุกๆคนใน gotoknow จะเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไปค่ะ

บางครั้งการสูญเสียสิ่งหนึ่งทำให้เราได้กลับมาอีกหลายอย่าง แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้มา เราจะไม่อยากแลกกับการสูญเสียสิ่งที่เรารักมากที่สุดก็ตาม

ขอบคุณค่ะ

แวะมาส่งกำลังใจค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท