SOPA
นาง โสภา อิสระณรงค์พันธ์

จุดอ่อนการเลี้ยงลูก 4


ถ้าวันๆหนึ่งในความคิดของเด็ก คิดว่าจะช่วยคนอื่นได้อย่างไร และทำความคิดให้เป็นจริง เด็กจะลดความเห็นแก่ตัวไปได้มาก และเห็นว่าการทำดีเป็นเรื่องไม่ยาก

ความดี

       ถ้าวิเคราะห์พระราชดำรัสของพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัว จะพบว่าท่านทรงเน้นเรื่องของความดี  โดยยึดหลักว่า ถ้าคิดดี  ทำดีได้แล้ว  ความสุขจะตามมาเอง  เราในฐานะพ่อแม่ต้องตอบตัวเองให้ชัดว่าความเป็นเด็กดีนั้น คือ อะไร   ถ้าเราชัดเจน  เราจึงจะพูดกับลูกได้ชัดเจน  ไม่คลุมเคลือ  

 

       จากการทำสัมมนาพ่อแม่หลายกลุ่มพบว่า  การเป็นเด็กดีนั้น  หมายถึง

1. เด็กที่รับผิดชอบตนเอง  ช่วยตัวเอง  ทำหน้าที่ของตนเอง  โดยไม่ทำตัวเป็นภาระแก่ผู้อื่น

2.    รู้จักบุญคุณ  ตอบแทนบุญคุณผู้ที่ช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือพ่อแม่

3. ไม่ทำตัวให้ผู้อื่นเดือดร้อน  ลำบาก  ซึ่งต้องมีความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น( empathy)

4. ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน  การที่จะช่วยผู้อื่นได้นั้น  เด็กจะต้องช่วยเหลือตนเองให้ได้ก่อน  และยิ่งเด็กทำงานเป็นหลายอย่าง  จะยิ่งช่วยคนอื่นได้หลายรูปแบบเช่นกัน

ถ้าวันๆหนึ่งในความคิดของเด็ก  คิดว่าจะช่วยคนอื่นได้อย่างไร  และทำความคิดให้เป็นจริง  เด็กจะลดความเห็นแก่ตัวไปได้มาก    และเห็นว่าการทำดีเป็นเรื่องไม่ยาก    จึงต้องให้เด็กเห็นต้นแบบ  มีโอกาสฝึกฝน หัดทำ จนทำได้คล่อง   เมื่อทำดีบ่อยๆแล้วพบว่าในเวลาที่เด็กคิดจะทำไม่ดี   เด็กจะทำด้วยความยากลำบาก

 

ความเก่ง

      พ่อแม่มักมองเรื่องความเก่ง คือ การเรียนเก่งเท่านั้น   แต่ความจริงแล้ว ความเก่งมีหลายด้าน เช่น ด้านคำนวณ ด้านดนตรี ด้านกีฬา ด้านจิตใจอารมณ์ ด้านการแก้ปัญหา  ด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์  ด้านศิลปะ ด้านจิตวิญญาณ  เป็นต้น

       ในช่วงวัยอนุบาล  เป็นช่วงที่ต้องฝึกฝนให้เด็กช่วยตัวเองตามพัฒนาการให้มากที่สุดเพราะเส้นใยสมองกำลังพัฒนา  จะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถ    มีการตั้งกติกาและฝึกให้เด็กทำตาม    จึงเป็นช่วงที่ฝึกเด็กให้รู้จักอารมณ์ต่างๆทั้ง โกรธ หงุดหงิด ดีใจ เสียใจ อิจฉา ฯลฯและหัดยั้งใจ ควบคุมอารมณ์เหล่านั้น   โดยอาศัยพ่อแม่ที่มีจิตใจมั่นคง  หนักแน่น  ไม่ใจอ่อนแต่ก็เข้าใจความเจ็บช้ำน้ำใจ   วัยอนุบาลนี้จึงมีความสำคัญในการฝึกความเก่งด้านการควบคุมอารมณ์   ซึ่งเป็นรากฐานของปัญหามากมายถ้าฝึกไม่ได้ผล  เช่น เข้าวัยเรียนแล้วไม่อยากไปโรงเรียนก็อาละวาด    อยากเล่นเกมจนหนีเรียน   ไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเพราะคุมความอยากไม่ได้ เป็นต้น

       ช่วงวัยเรียน    เป็นช่วงที่ฝึกทักษะหลายด้าน จากเดิมที่ทำคนเดียวมาทำงานร่วมกับผู้อื่น  ต้องอยู่ในกติกาการเล่น  การเรียนและการใช้ชีวิตประจำวัน       จะเป็นช่วงพัฒนาความสามารถหลายอย่าง เช่น  ดนตรี กีฬา การเล่น  หัดแก้ปัญหา อ่าน เขียน คำนวณ ทำกับข้าว การเดินทาง  การทำขนม  วาดรูป ศิลป ร้องเพลง เป็นต้น      จึงเป็นช่วงที่ฝึกเด็กหัดยั้งกายให้ฝืนตัวเองอยู่ในกติกา  โดยสิ้นสุดวัยนี้จะได้ความสามารถหลายอย่างติดตัวมาด้วย  เกิดเป็นความภาคภูมิใจ อดทน มุมานะ  ฝึกซ้อม ตรงเวลา ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้   จะพัฒนาได้ดีต้องอาศัยพ่อแม่ที่มีสายตายาว   จิตใจมั่นคง   หนักแน่น ฝึกฝนมากกว่าดุว่า  ไม่ใจอ่อน  ให้โอกาส  ส่งเสริมแต่ไม่ซ้ำเติมเมื่อทำพลาด  ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดูโดยยุติการพร่ำบ่น  พร่ำบอก  คอยเตือน คอยช่วยเหลือหรือทำแทน   มาให้ลูกรับผลของการกระทำของเขาเอง  ชมและให้กำลังใจเป็นระยะ   บอกถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้นของลูกที่เราเห็นและชื่นใจ เช่น ความอดทน  ความใจดี ความตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ เป็นต้น

       ช่วงวัยรุ่น    ป็นช่วงที่ควรฝึกในเรื่องความคิด  เนื่องจากสมองจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง  จนสามารถคิดวิเคราะห์แบบซับซ้อนได้   ปล่อยให้เด็กได้พบกับปัญหาหลายรูปแบบ  มีโอกาสไปหลายที่ ได้เห็นสิ่งต่างๆรอบตัวในวงกว้าง   และเมื่อพบปัญหาจะได้ช่วยฝึกหัดคิดแก้ปัญหา   หัดคิดหาทางออกหลายๆทางและหัดเลือกทางที่เหมาะสม   ได้คิดก็ดีกว่าไม่ยอมคิด  ตัดสินใจผิดในระยะแรกๆ  ฝึกบ่อยๆต่อไปก็ตัดสินใจถูกได้เพิ่มขึ้น    เมื่อลูกคิดทำดี  พ่อแม่ควรนำพาทำให้ลูกได้ทำในสิ่งที่คิดดีนั้นให้ได้   วัยรุ่นจึงเป็นช่วงที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้มากมาย  พ่อแม่สามารถใช้โอกาสนี้ในการฝึกสอน  ให้โอกาสหัดทำ โดยเปลี่ยนเทคนิคจากการบทบาทเป็นห่วงเป็นใย  ปกป้อง  มาเป็นไว้วางใจ ให้ความเชื่อถือ  ให้โอกาสฝึกฝนด้วยตนเอง

 

       การค้นคว้าหาความรู้ด้านเด็กอย่างต่อเนื่อง  ศึกษาปัญหาในแต่ละวัยที่พบบ่อย  มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวีธีการเลี้ยงลูก  การวิเคราะห์ตนเองและวิธีการที่ใช้  ความร่วมมือระหว่างพ่อแม่  บรรยากาศที่สบายๆเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ  จะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาเด็กยุคใหม่  และเป็นงานที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาช่วยกัน  เพราะเด็กๆเหล่านี้จะเป็นอนาคตของพวกเราทุกคนค่ะ

หมายเลขบันทึก: 246378เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 22:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ยอดเยี่ยมเลยครับ ได้เคล็ดวิชาการดูแลลูกหลายกระบุง จะนำไปปรับใช้ และบอกต่อครับ

ดีมากๆเลย พี่สาวเราเก่งมากๆ หลานเราก็อยู่ในภาพด้วย ปลื้มๆๆ ก๊อปไปไว้ในบ้านดีกว่า เผื่อคนอื่นๆด้วย ฮ่าๆ

พี่สาวส่ง link มาให้ค่ะ

เปงบทความที่ดีนะคะ

"เมื่อลูกคิดทำดี พ่อแม่ควรนำพาทำให้ลูกได้ทำในสิ่งที่คิดดีนั้นให้ได้"

อ่านแล้ว อยากให้พ่อแม่นำไปคิด จะเป็นประโยชน์มาก มาก

เรียน ท่าน SOPA บางท่านเลี้ยงลูก ผ่านทาง มือถือ หรือ Computer อะท่าน

สนใจบันทึก กลุ่มนี้

ถ้าไม่รังเกียจ แยกเป็นอีกblogได้ไหมครับ

จะขอนำเข้าplanetโรงเรียนพ่อแม่ เพื่อเผยแพร่ให้กว้างขึ้น

ว่างๆเชิญไปเยี่ยมพวกเราบ้าง ที่ชุมชนโรงเรียนพ่อแม่

 

http://www.gotoknow.org/planet/parent#/posts

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท