ผมมีข้อสังเกตซึ่งคิดไว้นานมากแล้วครับ
คือผมสังเกตว่า เพลงที่มีคำว่า หวีด หวิว มักจะเป็นเพลงที่ไพเราะ กินใจ
คนที่โรแมนติกขนาดที่เอาเสียงลมที่พัดผ่านยอดไม้ ผ่านหุบเขา มาแปรเป็นบทเพลงได้ ย่อมไม่ใช่ธรรมดา
จึงไม่น่าแปลกใจที่บทเพลงซึ่งเขียนจากเสียงของลมจะละเมียดละไม พลิ้วไหว และงดงามราวบทกวี
เท่าที่รวมรวมได้ตอนนี้ มีสี่เพลงนะครับ
เพลงแรก หวีด หวิว หวิว จากวงดนตรีที่ชื่อ กอหญ้า
เสียงหวีดหวิวของเพลงนี้คือเสียงลมที่พัดผ่านต้นหลิว และเสียงของจิ้งหรีด เพลงนี้บรรยายถึงความเรียบง่ายของธรรมชาติอย่างหมดจดเหลือเกิน ลองฟังท่อนประสานเสียงตอนท้ายนะครับ มันคือเสียงแห่งอดีตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจริงๆ
ฟังได้ที่นี่ครับ
http://www.music.oldsonghome.com/listen.php?song_id=948
เพลงที่สอง หวีดหวิว ของพงษ์สิทธิ คัมภีร์
http://truemusic.truelife.com/home/beta/player_song.php?songguid=20060811170647573185
เพลงนี้พี่ปู บรรยายถึงเสียงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในหัวใจ เหน็บหนาว และรวดร้าว ทั้งฉัน ทั้งเธอ
ท่อนที่ผมชอบที่สุดคือ
"เป็นเพียง ความฝัน ในคืนวัน อันเหน็บหนาว
เพราะสองเรา ต่างปวดร้าว พอกัน"
เพลงที่สาม ครูบนดอย ขับร้องโดย ธารทิพย์ ถาวรศิริ
ผมสันนิษฐานว่า เพลงนี้น่าจะเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของคำ หวีดหวิว ที่ใช้ในเพลงรุ่นหลังๆ
ในเพลงนี้คำ หวีดหวิว คำเดียว บรรยายถึง ความงดงามของธรรมชาติ สายลมพัดผ่านหุบเขา นอกจากนี้ยังใช้อุปมาถึงความเหงา เหน็บหนาวและโดดเดี่ยวของครูสอนหนังสือเด็กบนดอยสูง
เพื่อน พี่น้องครูทั้งหลายใน gotoknow คงชอบเพลงนี้ครับ เปิดฟังได้ที่นี่
http://www.music.oldsonghome.com/listen.php?song_id=3264
เพลงสุดท้าย ไหวเอน โดยสุรชัย จันทิมาธร
http://www.ijigg.com/songs/V2CDADD4PA0
แม้จะไม่มีคำว่า หวีด หวิว แต่ขออนุญาตอนุโลมเอาเพลงนี้เข้าในกลุ่มด้วย
อย่างน้อยในเนื้อเพลงมีคำว่า หวิว หวี่
มหาเทพแห่งเพลงเพื่อชีวิตท่านนี้ ใส่มิติของ "เวลา" เข้าไปในสายลม เสียง หวิว หวี่ จึงเป็นเสียงที่สายลมพัดผ่านกาลเวลา และเสียงของจิตใจที่พลิ้วไหว เอนไปกับแรงพัดไกวนั้น
ข้อน่าสังเกตคือ ในบรรดาสี่เพลงที่บันทึกความรู้สึกจากสายลม มีสองเพลงที่ขับร้องโดยผู้หญิง หนึ่งเพลงเป็นเพลงคู่ เพลงที่ผู้ชายร้องมีแต่เพลงของพี่ปูเท่านั้น (ไหวเอน ต้นฉบับนั้นน้าหงา ร้องคู่กับ คุณรัชนีย์ อรุณสวัสดิ์) ดูราวกับว่า ศิลปินส่วนใหญ่นั้นเห็นตรงกันว่า สตรีนั้น ละเอียดอ่อน พลิ้วไหว และเป็นตัวแทนของธรรมชาติอันพิสุทธิ์
ใครพบ คำ หวีด หวิว ในเนื้อเพลงไหน ก็กรุณาบอกด้วยนะครับ
ข้างล่างนี้เป็นเพลง ไหวเอน ในแบบ ร้องคู่ครับ
ขอไปฟังก่อนมาเม้นทีหลังนะคะ
ทักทายเจ้าค่ะ
ไม่หวิว ไม่หวี่ แต่โบยลิ่วแทนได้เปล่า
สายน้ำ น้ำไหลล่องโรย
สายลม ลมโชยโบยลิ่ว
สายฝน ฝนหล่นลมปลิว
ปลิวกระจาย เปียกกายเปียกใจ
[คุณเป้ สีน้ำ]
ศุ บุญเลี้ยง เล่าให้ฟังใน concert พูด พร่ำ ฮัมเพลงรัก ว่า เมื่อแรกที่เป้เขียนเพลงนี้ เนื้อร้องช่วงท่อนฮุกมีอยู่ว่า ฝากน้ำให้ไหล ถึงเธอ ฝากลมบอกเธอ ฉันเหงา ฝากฝนให้หล่นลง เบาๆ ฝากรักแนบเนา ข้างกายและใจ พี่จุ้ยบอกว่า เปลี่ยนเป็น ฝากสายน้ำไหล ถึงเธอ สื่อความได้สุภาพมากกว่า (ฮา)
ฮาจริง ล่อแหลมมากอะพี่
ในคืนเหน็บหนาว ฉันเดินเงียบเหงา อยู่บนถนน
ไม่มีผู้คน ไม่มีรถรา มีเพียงแสงไฟ..
สายลมหวีดหวิว พริ้วพาเหน็บเนื้อ เหน็บเหลือข่มใจ
เหน็บหนาวภายใน เหน็บหนาวในใจ เหน็บหนาวเหลือเกิน
ในคืนเมฆหนา ฉันเดินจนล้า จะเดินไปไหน
ฉันเดินมาไกล ไม่มีแสงไฟ เมื่อไกลถนน
ท้องฟ้ามืดมิด ชีวิตมืดนัก ความรักมืดมน
เสียงใจพร่ำบ่น เหมือนคนรำพัน ฉันเหงาเหลือเกิน
*ในคืนเหน็บหนาว หัวใจเจ็บร้าว เรื่องราวความหลัง
ก็เป็นเช่นทาง ที่ยังทอดยาว จากวันสู่คืน
ตราบชั่วชีวิต ทิศทางแสวง แข่งขันหยัดยืน
จะมีใครยื่น น้ำใจให้กัน เท่าฉันให้เธอ (ซ้ำ *)
..จะมีใครยื่น น้ำใจให้กัน เท่าฉันให้เธอ..
ฤทธิพร อินสว่าง
ขอบคุณพี่ตู่ครับ
มีหวีดหวิว ในเพลงนี้จริงๆ ด้วย
ระลึกได้ว่า เพลง หวีด หวิว หวิว ของวงกอหญ้านั้น
ก็เป็นพี่ตู่นี่แหละ ที่ชักนำให้ผมฟัง
เวลาผ่านมา สิบห้า สิบหกปีแล้ว นับช่วงเวลานั้น
สุธี ที่รัก
ตื่นตอนเช้า เหมือนจะมีลมหนาววูบเล็ก ๆ พัดมา แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะใช่จริงหรือคิดไปเอง
เพลง ๆ นึงผ่านเข้ามาในหัว ทำให้คิดถึงน้องปัณณ์ และคิดถึงสุธี
เป็นเพลงที่ทั้งหนาวทั้งเหงา แต่ไม่รวดร้าว เพราะมันสว่างและอุ่น ไปพร้อม ๆกัน
...อีก 1 "หวีดหวิว" ที่เอามาฝาก ถ้าอยากฟังจะส่งให้ทางเมล์นะ
ด้วยความระลึกถึง
โลกเปลี่ยวเหงา by จำรัส เศวตาภรณ์
จากขอบฟ้าที่มีหมู่ดาว ค่ำคืนหนาว หวีดหวิว เสียงลม
ฉันยังเก็บเรื่องราวเก่า ๆ เอามาชื่นชม
มีบางตอนช่างเจ็บปวด ร้าวรวดใจเหลือข่ม
เหงาลึก ๆ อารมณ์ก็ยิ่งร้าวราน สานทำนองรำพันวันฟ้ากระจ่าง
กรุ่นไอหนาวคราวเธอจากไป จดจำไว้แนบใจมิจาง
ฉันยังคงเดียวดายสู้ทนอยู่บนหนทาง
วันเธอมามอบรักให้ ร่วมเดินไปเคียงข้าง ดูเลือนรางภาพนั้นเหมือนฝันผ่านไป
แต่ความสัมพันธ์มั่นรักในสองเรา จะไม่ซบเซาจากหัวใจ
ด้วยสัญญาว่ารักกันเรื่อยไป เก็บหัวใจให้ทั้งดวง
จากปลายฟ้าวาดดาวและรุ้งรวง ดั่งภาพฝันของเราตลอดไป
หมอกลอยคว้างน้ำค้างพร่างพรม แว่วเพลงลงลำนำย้ำใจ
นึกทบทวนอีกครั้งความหลังมีเธอชิดใกล้
ยามนี้ฉันช่างเปลี่ยวเปล่าเศร้าก็ยังยิ้มได้ เพราะคิดถึงดวงใจยามเธอยิ้มมา
ขอวอนฟ้าพาเวลานั้นหวนคืน
เป่าใบไม้แทนคำกล่าวลา ห่างสุดตาดังอยู่บนโลกอื่น
ภาพอดีตติดตาดังผ่านไปเพียงชั่วคืน
ดังเธอคงอยู่ตรงหน้า ฝันแม้เวลาตื่น ปลุกชีวีให้คืนฟื้นโลกหลับไหล
ขอบพระคุณพี่ตู่ครับ
เป่าใบไม้แทนคำกล่าวลา
ประโยคนี้กินใจจังเลย
อยากฟังพี่ ถ้าจะกรุณาส่งมาทางเมล์ จะเป็นพระคุณครับผม
พิมพ์ผิดไปนิด ความสวยเลยหายไป แก้ไขหน่อย
บรรทัดแรกของท่อนรองสุดท้าย
"หมอกลอยคว้างน้ำค้างพร่างพรม แว่วเพลงลมลำนำย้ำใจ"
ส่งไปให้แล้วนะ