ขอระบาย..เถอนะ..อึดอัดแต่เช้าเลยวันนี้


นาฬิกามีไว้เพื่ออะไร

    วันนี้ต้องขออภัยผู้ที่เข้ามาอ่านเพราะเป็นเรื่องที่ไม่อยากระบาย  แต่ก็อดไม่ได้เพราะไม่รู้จะไประบายกับใคร..จะระบายกับต้นไม้ก็ไม่ดี..เฮ้อ..ระบายกับตัวหนังสือนี่แหละเด็ดสุด

....เรื่องของเรื่อง..

....ก็คือฉันไม่ได้เป็นข้าราชการไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ไม่ได้เป็นทั้งนั้น..(แล้วเป็นอะไรละ) ก็เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละเพียงแค่มีความรู้บ้างเล็กน้อย..บังเอิญได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับส่วนราชการเข้า ณ ที่แห่งหนึ่ง  ซึ่งร่วมงานกันมาไม่นานนัก  ทำภายนอกสำนักงานน่ะ  แต่มีใครคนหนึ่งแนะนำว่าการทำงานร่วมกับข้าราชการนะ ต้องมาลงชื่อการเข้าปฏิบัตงานในแต่ละวัน หลังเลิกงานก็ต้องลงชื่อด้วยประมาณนั้น...

....ก็ OK. ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเราอยู่แล้วละ ก็เริ่มมาลงชื่อเข้าทำงานตามคำแนะนำ..ของคนคนนั้น..

ยังลงเวลาไม่ถึงเดือนเลย....ตัวเราเองมาถึงสำนักงานเวลาไหนก็จะเงยหน้ามองนาฬิกาข้างฝาสำนักงานทุกครั้งพร้อมลงเวลา..กำกับ..มาถึง 8.00น.  ก็ลง 8.00น.  มาถึง 8.05 น.ก็ลง  8.05 น... มาถึง 8.15น.ก็ลง  8.15น. ทุกครั้งที่มาลงชื่อก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงาน

....จนวันนี้คิดว่าตัวเองสายมาก เพราะเช้ามาต้องทำธุระหลายอย่าง ทั้งงานบ้าน  งานสวน..มองดูนาฬิกาโอ้ 8.00 น.แล้วข้าวเช้ายังไม่ได้ทานเลย..กลัวจะผิดเวลาเขา ก็ต้องรีบเดินทาง มาถึงที่สำนักงาน 8.15 น. มองดูนาฬิกาข้างฝามิให้ผิดเพี้ยน..พร้อมจรดปากกาลง แล้วก็ออกจากสำนักงานมา

.....กำลังปฏิบัติภาระกิจ..9.00 น. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยปรากฎ  ยังงง..ว่าใครโทร.มาแต่เช้า..

ปลายสายเป็นเสียงใครคนหนึ่ง....พูดออกมาว่า"......ถ้าคุณ(ใช้คำพูดที่สุภาพหน่อย) ลงเวลามาทำงานอย่างนี้คนอื่นเขาจะลงเวลายังไง (ยังงง..ก็ที่ว่างมีให้เขียนตั้งเยอะ)..เขาก็สายกันหมดนะซิ..ทีหลังจะลงเวลาให้เลื่อนเวลาขึ้น....."

    ขอโทษเถอะนะพี่น้อง...ฉันไม่เข้าใจ...เช้าวันนี้ฉันไม่เข้าใจจริงๆ...ฉันอยากปลดนาฬิกาเรือนนั้นออกจากข้างฝา มันบอกเวลาฉันผิดรึเปล่า...หรือฉันทำสิ่งใดไปนี้...หวังว่าส่วนราชการอื่นคงไม่เป็นแบบนี้..หรือเป็นแบบเดียวกันหมด...

    ฉันคงไม่สามารถทำอย่างที่..ปลายสายโทร.มาต่อว่า...ได้

แล้วฉันจะทำอย่างไรดี...ในเมื่องานที่รับผิดชอบยังไม่เสร็จสิ้น...ต้องจำยอมตามน้ำไปรึเปล่า...

.....โอ้เช้านี้..ฉันเป็นอะไรไป...ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องให้เราต้องได้คิด...เฮอะ..สมองของฉันคงต้องทำงานอีกครั้ง

....เพราะเธอผู้กินเงินเดือน..ภาษีของประชาชน..

 

 

คำสำคัญ (Tags): #มนุษย์
หมายเลขบันทึก: 225328เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 10:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)
  • ชอบจังเลยบันทึกนี้
  • ขอบคุณมากๆ เลย
  • อดทนต่ออีกนิดครับ
  • ขอให้กำลังใจ
  • เพื่อเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
  • ..แท้ต้องไม่ท้อ...(จำมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง จำชื่อไม่ได้)

สวัสดีค่ะ

* เรื่องนี้ก็เคยพบบ่อยๆ เรื่องนี้คุยยาวค่ะ

* คนทำถูกเพียงคนเดียวแต่เป็นคนผิดในความรู้สึกของคนทำผิดหลายๆ คน...ประเภทพวกมาก

* เช่นเวลารับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนอื่น กำหนดเวลา ๑๒.๐๐ น. เรามาตรงเวลาเพียงคนเดียวนั่งรอ ๓๐ นาทีผ่านไป เพื่อนร่วมโต๊ะก็ยังไม่มา ทั้งที่โต๊ะอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเราลงมือรับประทานได้สักหน่อยเพื่อนร่วมโต๊ะก็มาพร้อมกับพูดเสียงดังๆ ว่ากินไม่คอยใครเลย ทำนองว่าเราผิด ซะงั้น

* อย่าคิดอะไรมาก ทำในสิ่งที่ถูกต้องและทำต่อไป

* อย่าท้อแท้.....เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ที่ทำงานพี่ก้อเป็นน้อง เป็นเรื่องธรรมดาของระบบราชการไทยไปแล้ว

ทุจริตโดยสุจริต มีจริงในข้าราชการไทย พี่ก้อโดนมาแล้ว

สวัสดียามเช้าค่ะ..

คุณหนุ่มกร-หน้าตาดี(ซะงั้น)

คุณพรรณา และlilly (ชื่อเพราะจังค่ะ)

...ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ..

ในสิ่งที่ไม่ใช่...แล้วยอมรับว่าใช่..มันทำใจลำบากจริงๆ

ไม่ทราบจะแนะนำอย่างไรดี

สำหรับคนที่รับราชการมามากกว่า ๒๐ ปี

เพราะหากแนะนำความจริง (ของชีวิต)

ก็คง จะโกรธและรับไม่ได้ (คงยังไม่ถึงเวลา)

หากแนะนำ ให้ทำแบบที่ไม่อยากจะทำ ก็คงไม่ได้ (ก็คน ยังมีความหวังกับชีวิตนี่)

เอาอย่างไงดี

เอายังงี้

หาคนในสำนักงาน ที่เราคิดว่าเขาเข้าท่าเข้าทางที่สุด

แล้วลองดูสิ ว่าเขาลงเวลาอย่างไร

ก็ทำตามเขาคนน้น

ซึ่งน่าจะเป็นมาตรฐานขั้นต้นที่เราคงพอจะรับได้

ตอนกานท์กวี หนุ่ม ๆ (ตอนนี้ก็ยังไม่แก่)

กานท์กวีรับราชการอยู่ที่อำเภอหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมา

ตอนนั้น มีงานวันครู

ข้าราชการจะต้องมีการลงชื่อ ที่อำเภอ

กานท์กวี ไปตั้งแต่เช้า ไปถึง มีข้าราชการอำเภอ ลงชื่อแล้ว

ในอันดับที่ ๒-อันดับที่ ๔

ด้วยความสงสัย จึงถามว่า

อันดับที่ ๑ เว้นไว้ให้มนุษย์ตนไหน

คำตอบคือ อันดับที่ ๑ เว้นไว้ให้นายอำเภอ

ผลก็คือ ในวันนั้น ปรากฏว่า อันดับที่ ๑ เป็นของนายกานท์กวี

แต่นั้นเป็นเหตุการณ์ เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว

เมื่อรู้โลกมากขึ้น บางอย่างไม่ใช่มีหนทางเดียว

มิใช่มีมิติเดียว

เหตุการณ์ในวันนั้นก็คงไม่เกิด

อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่า คุณทิกเกอร์

คงไม่หมดไฟ คงไม่ดับความหวัง ไปจากวงราชการ

วงราชการของเรายังต้องการคนอย่างคุณทิกเกอร์อยู่

ด้วยรัก จากพี่ผู้เดินก่อน

เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนครับ (ยิ่งช่วงเวลาหรือสถานการณ์อย่างนี้ยิ่งเปลี่ยนไปมากครับ)....

ถ้าพุดถึงเรื่องเวลา สุดท้ายทุกคนก็ต้องโดนเวลากลืนกินอยู่ดีครับ

เขียนบันทึกดีดีให้อ่านอีกน่ะครับ ...เป็นกำลังใจให้ครับ

สวัสดีค่ะคุณกานท์กวี

..ยังไมถึงกับหมดหวังกับวงราชการหรอกค่ะแม้ตนเองจะไม่ใช่ข้าราชการ

ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ..ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ

เพิ่งรู้ว่า..การลงเวลาแบบนี้ก็มีด้วย..แล้วจะลงไปเพื่ออะไร

เพื่อพัฒนาชีวิต..

เพื่อปรับปรุงตัวเอง..

เพื่อไม่ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาตรวจสอบ ตำหนิได้

..นาฬิกาไม่มีความหมายจริงๆ..

สวัสดีค่ะ คุณ muangkhan ยินดีที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

สวัสดีค่ะ คนพลัดถิ่น~natachoei(หน้าตาเฉย)

"สัตว์โลก...ย่อมเป็นไปตามกรรม"

จริงแท้แน่นอนค่ะ..

สวัสดีค่ะ ครับ..พอลล่าและอ.ขจิต มาให้กำลังใจนะคะ สู้ๆๆๆๆ ครับ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

*แวะมาอ่านความคิดเห็นค่ะ

* ถูกใจคุณกานท์กวีตอนนั้น " มีงานวันครูข้าราชการจะต้องมีการลงชื่อ ที่อำเภอกานท์กวี ไปตั้งแต่เช้า ไปถึง มีข้าราชการอำเภอ ลงชื่อแล้วในอันดับที่ ๒-อันดับที่ ๔ ด้วยความสงสัย จึงถามว่า อันดับที่ ๑ เว้นไว้ให้มนุษย์ตนไหนคำตอบคือ อันดับที่ ๑ เว้นไว้ให้นายอำเภอ ผลก็คือ ในวันนั้น ปรากฏว่า อันดับที่ ๑ เป็นของนายกานท์กวีแต่นั้นเป็นเหตุการณ์ เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว.... "

*...มนุษย์ตนไหน

* เอาเป็นตนๆ เลยนิ

* ใจเย็นๆ นะคะ วันนี้พันธมิตรเขาขึ้นทางด่วนไม่เสียเงินกัน

* ก็ว่าจะเอาอย่างบ้าง....

* อิอิค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • ที่ทำงานใช้วิธีการพิมพ์ชื่อไว้เลย อยากลงมาเท่าไหร่ก็เชิญกันตามสบาย
  • ขอเพียงแต่อย่าเลยเวลาทำงาน เพราะเขาจะมาขีดเส้นแดง (ตรงเวลาแป๊ะ)
  • เลยไม่ค่อยมีปัญหาใครมาก่อนมาหลังค่ะ
  • อยู่ร่วมกันต้องรักษาน้ำใจกันนะคะ
  • แอบเข้าดูอีกครั้ง
  • ได้อ่านเม้นของผู้อาวุโสหลายท่าน
  • ..ยังไม่ถึงกับหมดหวังกับวงราชการหรอกค่ะแม้ตนเองจะไม่ใช่ข้าราชการ  ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ..

  • ดีใจครับ ที่คุณทิกเกอร์ ยังไม่หมดหวัง

  • เรามีเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมทางเยอะ ครับ

สวัสดีครับ

คงต้องเปลี่ยนการลงเวลาในสมุดเป็นเครื่องตอกบัตร..เหมือนงานเอกชนทั่วๆ ไปทำกัน (อยากให้ทำจัง)

หรือเปลี่ยนเป็นเครื่องสแกนลายนิ้วมือ...

หรือไม่งั้นก็...เปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร

อิอิ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

อดทนไว้...เธอมีค่าพอ  อย่าท้อแท้

 

เป็นยังงี้ไหมคะ..คือว่าเขามาก่อนแต่ยังไม่มาลงชื่อ..

ถ้าไม่ใช่แน่นอน..คุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง..สม่ำเสมอ..ไม่ต้องกังวลค่ะ..

อย่าโทษนาฬิกา..

ได้ระบายแล้ว..หายโกรธหรือยังคะ..น่านะ..โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ..

สวัสดีค่ะ

  • ขอเป็นกำลังใจให้ ค่ะ
  •  ระบบทุกระบบดีค่ะ  แต่ที่แย่ คือผู้ที่อยู่ในระบบ แล้วทำตัวแย่จนระบบแย่ไปด้วย
  • เข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • บางทีหากปล่อยเวลานี้ให้ผ่านไป นาน  ๆ  ๆ ๆ  แล้ววันหนึ่งได้กลับมาอ่านบันทึกนี้ น้องอาจจะยิ้มและหัวเราะก็ได้
  • ไม่ผิดที่จะ เที่ยงตรง
  • ไม่ผิดที่จะ ถูกต้อง
  • ไม่ผิดที่จะ สงสัย
  • แต่สิ่งหนึ่งที่ราชการมี แต่ที่ทำงานอื่น(อาจ)ไม่มี
  • นั่นคือ   การผ่อนปรนและการให้เกียรติแก่ผู้ที่อาวุโสกว่า
  • สักวัน....น้องคงเข้าใจ
  • แวะมาให้กำลังใจค่ะ
  • มองภาพนี้สิค่ะ
  • น้ำที่ใสๆ สะท้อนอะไรๆ ให้เรามองได้ทั้งหลายมิติค่ะ

เป็นกำลังใจคะ

ลงตามที่มานะคะ ทำถูกต้องตามความจริงคะ

ให้ทำทำงานพิมพ์ชื่อไว้เลย มาถึงทำทำงานก็ชื่อตามที่พิมพ์

แบบนี้ก้ไม่ดี โกงเวลาได้

ผู้ใหญ่ผู้บังคับบัญชาว่าอย่างไรคะ

จริงอย่างที่พูดกันมาแหละครับ  ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว  ยังงี้มันเข้าข่าย  โกงเวลา  ครับ  พี่น้องครับ 

ก็อย่างว่าละนะ

แต่ละที่ก็แตกต่างกันไป

อย่างที่ทำงานเราน่ะ

ทุกคนมาเช้านะและเลิกค่ำกัน

แต่มาลงเวลา 7.00 น เริ่มต้น

กลับ16.30 น.

แต่ทั้งที่ความเป็นจริง

บางคนมาเช้ากว่านี้ และ เลิก ทุ่มสองทุ่มโน้น

โชคดีหน่อยที่เพื่อนร่วมงานน่ะเข้าใจกัน

เลยม่ะค่อยมีปัญหาเรื่องอย่างนี้ไง

สวัสดีครับ

เพื่อนผมคนหนึ่งพึ่งเข้ารับราชการก็เจอปัญหาเดียวกันนี้ครับ ในวันแรกๆ ก็ลงเวลาตามจริง แต่ก็ได้รับการ "ตักเตือน" จาก "เจ้าถิ่น" ผู้อาวุโสประจำสำนักงานนั้น ว่าให้ชำเลืองดูคนอื่นๆ ด้วย อย่าพยายามแตกแถว ถึงตอนนี้เพื่อนผมจึงสังเกตุเห็นว่าทุกคนไม่ว่าใครจะเข้างานช้าหรือเร็วเท่าใด ก็ลงเวลา 7.30 น. ทุกวัน

เพื่อนผมรู้สึกผิดต่อมโนธรรมของตัวเองมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่มาระบายความกลุ้มใจให้ผมฟัง ผมได้คุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่รับราชการก็มีเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน ดูเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว เพื่อนบางคนก็เฉยๆ บางคนก็รู้สึกผิด

สุดท้ายเพื่อนผมคนนี้บอกผมว่า เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลง "วัฒนธรรม" องค์กร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ และยิ่งถ้าขืนดันทุรังทำเหมือนเดิมก็จะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เพื่อนผมจึงเปลี่ยนแปลงที่ตนเอง เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ มาเช้า หรือ สาย กว่า 7.30 (ที่เขียนเวลาเข้างาน) หน่อยจะเป็นไรไปในเมื่อยังมาทันเวลางานปกติ และในเวลางานก็ทำงานเต็มที่เต็มเวลาที่ทางราชการกำหนด เท่านี้ความรู้สึกผิดในใจก็ไม่มีแล้ว และก็ไม่เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานอันจะเกิดปัญหาที่ยุ่งยากมากมายตามมาทีหลัง

เป็นกำลังใจให้ครับ...สู้ สู้

หายหน้าไปหลายวันเลยไม่ได้ทักทายเพื่อนๆชาว G2K

ขอบคุณคุณพิทักษ์, คุณสายธาร,คุณลดา,คนของกาลเวลา

พี่เพ็ญศรี(นก),Brigh lily,คุณประกาย,คุณทศวรรษ

ครูนิดหน่อย และคุณดินดอน

ดีใจมากมากที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน

ปัญหาย่อมมีแนวทางแก้ไข..ได้อ่านหลายๆแนวความคิด

ก็ได้นำเอาไปปรับใช้เพื่อให้มิให้เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นปัญหาในการทำงาน

แม้จะมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ลึกๆ แต่คนเราหากต้องการให้งานประสบความสำเร็จ

เรายังจำเป็นต้องทำงานกันเป็นทีม บางคนทัศนะคติไม่ตรงกัน..แต่เราเอางานเป็นหลัก

เขาเก่งและมีความสามารถงานจะสำเร็จก็ต้องอาศัยเขาเป็นส่วนหนึ่ง เราก็ต้องเก็บความรู้สึกไม่ดีของเราเอาไว้..เพื่อให้งานของเราสัมฤทธ์ผล

แล้วเราจะมีความสุขกันโดยถ้วนหน้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท