สว้สดีครับคุณ อนันต์
ขอความกระจ่างของการทำนาไม่ไถ และผลผลิตที่ได้ด้วยครับ
ตอบคุณ บังหีม
สรุปโดยย่อการทำนาไม่ไถ
1. เหยียบฟางโดยใช้รถ ลูกหมาพวงล้อยาง(ดังรูป)ถ้าไม่มีรถลูกหมาสามารถประยุกต์ใช้วัวพวงล้อยางลากเหยียบแทนก็ได้ 1-3 ครั้ง ระยะห่างของแต่ละครั้ง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ควรสูบน้ำใส่ในครั้งที่ 2 และ 3 หาก ดินเป็นตม (ดังรูปที่ 2) ก็ไม่ต้องเหยียบในครั้งที่ 3 สามารถเตรียม เมล็ดพันธ์หว่านได้เลย
2. กรณีในการทำนาไม่ไถ ควรปรับที่นาในเสมอ เรียบทั่วไปทั่งนา หากต้องการให้ฟางย่อยสลายได้เร็วระยะระหว่างรอเหยียบด้วยรถในรอบที่ 2 สามารถฉีด หรือปล่อยน้ำหมักชีวภาพเพื่อย่อยสลาย ลดการเกิดก๊าชไข่เน่า
3. หว่านเมล็ดฟันธ์เหมือน ๆ กับการทำนาแบบไถ แบบน้ำตมทั่วไป แต่ ไม่ต้องปล่อยน้ำตมลงแม่น้ำ ลำคลอง ลดปัญหาน้ำเสีย เพราะการหว่านในแปลงไม่ไถไม่ต้องปล่อยน้ำออกก็ได้ (รูปที่ 3)
4. การดูแลรักษาก็ง่ายเพราะโดยธรรมชาติแล้วเมล็ดพันธ์จะเจริญงอกงามดีในพื้นที่ ที่อุดมสมบูรณ์ และต้นข้าวจะไม่มีโรค มากด้วย การใส่ปุ๋ยเป็นไปได้ควรใช้น้ำหมักชีวภาพ ฉีด หรือปล่อยทางช่องน้ำ เวลาสูบน้ำเข้านา หรือใช้ปุ๋ยชีวภาพ (เพื่อน ช่วย เพือน) ของชุมชนอโศก จะดีมาก
5. ระยะแรก ๆ ที่ทำอาจได้ผลผลิตไม่ดีนักหากพื้นที่นา ผ่านการเผ่าฟางข้าวมาก่อน ผ่านการฉีดยาฆ่าหญ้า หรือ ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างมากมาก่อน เพราะแม่ธรณีป่วย เราต้องช่วยฟื้นชีวิต สุขภาพ แม่ธรณีก่อน ระยะต่อ ๆ ไป เมื่อแม่ธรณี สุขภาพดีแล้ว แล้วคุณจะรู้ว่า ให้ได้มากกว่ารับมีจริง
สุดท้ายผลตอบแทน
1. คุ้มที่สุด คือสุขภาพ สิ่งแวดล้อม แผ่นดินเกิดที่ไม่โดยทำร้าย ทำลาย
2. รายได้จะมาเรื่อย ๆ โดยที่คุณลดรายจ่ายลงเรื่อย ๆ
3. ดั่งพระแส พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ชาวนาหลายคนทำนาเพื่อขาย ไม่กินข้าวที่ตนเองทำ เพราะรู้ว่าข้าวที่ทำไม่ปลอดภัย เราจะอยู่เพื่ออะไร เงิน แต่ซื้อยาพิษที่คนอื่นทำมาขายหรือ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ผัก ผลไม้ อื่น ๆ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าปัจจุบันโรคมะเร็งมาก เหลือเกิน
4. เสียอย่างเดียว คือ ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมี หญ้าฆ่าหญ้า ไม่ใช้สารเคมี
5. ถ้าจะเปรียบเทียบให้ชัดก็คือ การทำนาน้ำตมต้องไถนา ไร่ละ 350-400 บาท แต่ถ้าเหยียบคิดเฉลี่ยไร่ละ 30 บาท ปุ๋ยก็น้อยลงเนื่องจากปุ๋ยจากฟางจะสะสมให้คุณไปเรื่อย ๆ เหมือนในอดีตสมัย พ่อ ปู่ ทวด เราทำกัน
6. น้ำหมักคุณสามารถทำเองได้ ใบไม้ใบหญ้า เศษผักผลไม้ และที่สำคัญที่สุดฟางนั้นแหละปุ๋ยล้วน ๆ
ปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้เสมอเนื่องจาก สภาพที่นา สภาพภูมิอากาศ สภาพปัจจัยเกี่ยวข้องอย่างอื่น เราต้องแก้ปัญหาโดยใช้หลักธรรมะ และหลักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถ คิดได้โดยการใช้เหตุผล
อนันต์ ศิรินุพงศ์
สวัสดีครับคุณอนันต์
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างครับ เข้าใจขั้นตอนแล้วครับ
คุ้มที่สุด คือสุขภาพ สิ่งแวดล้อม แผ่นดินเกิด
ที่ไม่โดนทำร้าย ทำลายคือกำไรมหาศาลแล้วครับ
ขอแลกเปลี่ยนครับ
เคยทดลองเลี้ยงในนาข้าว ปลาที่ปล่อย ปลาสวาย ปลานิล ปลาตะเพียน
นาข้าวพอคุ้มทุน ปลาขาดทุน ได้ไรทุนชีวิต
ห็นด้วยอย่างยิ่งที่ต้องคืนชีวิตให้แผ่นดิน เราทำร้ายดินมามากพอแล้ว
///ดินดินดิน โถดินต้องสิ้นชีวิต พวดเรานั้นเคยทำผิดราดสารพิษลงสู่พื้นดิน/////
ครูอนันต์ใส่รูปครูลงไปบ้างตะ
ครูทำไม่ใคร่เป็นนิ
ขอบคุณมาก น่ะครับ
ทำบุญ ลักษณะนี้เป็นบุญทางปัญญา ทำอะไรก็จะมีวิธีหรือทางออกเสมอ ถ้าบวกเรื่องการทำบุญแบบให้อภัยด้วยจะดีมาก ยินดีด้วยครับ ผมถือว่าท่านเป็นครูผมคนหนึ่ง เป็นกำลังใจสู้ต่อไปครับ