หนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับเยาวชน


น้ำลง

 

                น้ำลดลงเร็วกว่าที่นุตคาดคิด

                 บริเวณโรงรถซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต่ำสุดของบ้านเริ่มแห้ง  พ่อกับแม่และพวกเราวุ่นวายกับการเก็บ กวาด ขัด จัด ข้าวของที่ยกหนุนสูงพ้นน้ำ  ให้เข้าที่เข้าทาง  ตั้งแต่เช้าจนพลบค่ำ

                พวกเราเมื่อยล้า นอนแผ่ คนละทิศละทาง บนพื้นกระเบื้องที่ตอนนี้ดูขาวสะอาดตายิ่งกว่าก่อนน้ำท่วม

                แม่เข้าครัวเพียงลำพัง พ่อยังเก็บของรอบๆ บ้าน โดยอาศัยแสงไฟที่เล็ดลอดออกมาจากภายในบ้าน

                เสียงเปเป้ เห่ากรรโชกอยู่ที่โรงรถ  พี่ณัฐซึ่งกำลังดูถ่ายทอดคอนเสิร์ตหงุดหงิดรำคาญ   ไล่นุตให้ไปดู

                มันคงเห่าเต่าอีกล่ะมั้ง  นุตนึกได้ว่าครั้งนึงมันเคยเห่าเต่าด้วยเสียงแบบนี้

                ไม่ต้องออกมา เปิดๆ ปิดๆ ประตูบ่อยๆ เดี๋ยวยุงเข้า พ่อเดินไปดูเอง  พ่อร้องบอก ขณะที่กำลังตักน้ำในโอ่งลาดพื้นปูนทางเดินข้างบ้าน

                โฮ่ง...โฮ่ง...โฮ่ง..............

                เปเป้ เห่าอะไรฮื้อ ?”

                โฮ่ง...โฮ่ง...โฮ่ง..............

                เปเป้  เปเป้....  พ่อพยายามปรามให้เปเป้หยุดเห่า

                นิธ เปิดไฟหน้าบ้านหน่อย  เปเป้มันเห่าอะไรไม่หยุดซักที  พ่อมองไม่ค่อยเห็นแล้ว มันมืด

                เมื่อไฟหน้าบ้านสว่าง  สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาพ่อ บนเก้าอี้ที่พ่อวางไว้และเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบคือ  งูเห่าสีดำมะเมื่อม ขนาดข้อแขนของพ่อ นอนขดตัว ชูหัว แผ่แม่เบี้ย พร้อมจะฉกทุกสิ่งทุกอย่าง  ที่เข้าไปใกล้ตัว  

                ถึงแม้พ่อจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวคอยแก้ปัญหาให้ทุกคนในบ้านได้ตลอดเวลา  แต่ ณ เวลานี้ ถ้าแสงไฟสว่างพอ จะได้เห็นพ่อที่ยืนตัวแข็งทื่อ หน้าซีด ขนลุกไปทั้งตัว

                พ่อได้สติ  ค่อยๆ เขยิบถอยออกมา  ร้องบอกให้ทุกคนในบ้านรู้ว่าพ่อกำลังเผชิญอยู่กับอะไร

                แม่หยิบไม้กวาดหยากไย่ที่อยู่ใกล้มือที่สุด ส่งให้พ่อ  เขี่ยไล่เจ้าตัวที่ไม่พึงปรารถนาออกไปจากโรงรถ  

                แล้วงานวันนี้สำหรับพ่อก็ยุติลง

                ในที่สุด  แม่เบี้ย  ก็มาหานิธจริงๆ  พี่นิธรำพึงเสียงอ่อยๆ

                เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อเดินสำรวจรอบโรงรถ ทุกซอกทุกมุม จนมั่นใจว่าปลอดภัยดีแล้ว  จึงจัดข้าวของอีกเล็กน้อย  ของชิ้นสุดท้ายที่พ่อเรียกพวกเรามาช่วยกันเก็บโดยใช้เชือกผูกแขวนไว้กับขื่อในโรงรถ  คือเรือสำปั้น ที่เป็นพาหนะสำคัญยามน้ำท่วมนั่นเอง

                ชีวิตประจำวันเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ พวกเรามีความสุขสนุกสนานที่ได้เดินไปไหนต่อไหน และวิ่งเล่นบนผืนแผ่นดินอีกครั้ง

                ป้าใหญ่เดินสำรวจมะม่วงนานาพันธุ์  อกร่อง เขียวเสวย น้ำดอกไม้ โชคอนันต์ เจ้าคุณทิพย์  สามฤดู  แก้ว ฯลฯ รวมทั้ง ขนุน น้อยหน่า และกล้วยอีกหลากหลายชนิด  ที่สู้อุตส่าห์ปลูกไว้เมื่อ ๓-๔ ปีก่อน  บางต้นได้กินผลแล้ว  บางต้นเริ่มออกดอกออกช่อ  พวกมันกำลังยืนต้นตาย  ใบเหลืองร่วงเกลื่อน

                ป้าใหญ่ไม่สบาย นอนซมไปหลายวัน พ่อบอกพวกเราให้แวะเวียนไปเยี่ยม  ป้าใหญ่ป่วยใจจึงทำให้กายป่วยไปด้วย

                ปลูกใหม่เนอะป้าใหญ่

                คราวนี้เลือกพันธุ์ดีๆ เลย

                ป้าใหญ่มือเย็น

                ป้าใหญ่ปลูกอะไรก็เป็น

                แป๊บเดียวก็โตเนอะ...เนอะ...ป้าใหญ่เนอะ

                ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใครช่วยกันปลอบป้าใหญ่

                วันต่อๆ มา พวกเราก็ได้เห็นป้าใหญ่ ถือจอบ เสียมพร้อมกระป๋องคู่ใจใบเล็กๆ  เดินท่อมๆ รอบๆ บ้าน  ขุด และหยอด ถั่วเขียว  ถั่วฝักยาว  ถั่วนั่ง  ถั่วแดง  ถั่วพู  สารพัดถั่ว  ไปตามแถวที่ป้าใหญ่เล็งแล้วว่าน่าจะขึ้นดี

                แม่ก็ขยันซื้อต้นอะไรต่อมิอะไร ทั้งไม้ดอก ไม้ผล มาให้ป้าใหญ่ช่วยปลูก  เรื่องรดน้ำจึงตกเป็นภาระของพ่อและลูกๆ

                หลังจากน้ำลดไม่นาน รอบๆ บ้านนุตก็เขียวชอุ่มไปด้วยต้นถั่ว  พืชผักสวนครัว  ไม้ดอก  ไม้ใบ  ดูแล้วสบายตา สบายใจ

                นุตเพลิดเพลินๆ อยู่กับความเขียวชอุ่ม  แล้วก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่า น้ำรอบๆ บ้าน  น้ำในทุ่งหญ้าเวิ้งว้าง  หายไปไหนหมด  นุตจะได้เห็นบรรยากาศตอนน้ำท่วมอีกมั้ยเนี่ย

                วันหนึ่ง  แม่ขับรถกลับมาจากทำงาน พอ มาถึงบ้านก็เปิดกระโปรงท้ายรถแล้วร้องเรียก  

                 ณัฐ   นันท์    นิธ    นุต.....   แม่มักจะเรียกลูกเป็นชุดอย่างนี้เสมอ  แต่จะมีนุตคนเดียวที่มา  ยกเว้น กรณีกลับมาจากตลาด พี่นิธก็จะมาก่อนเป็นคนแรก

                มาเลือกกันคนละต้น  ใครเอาต้นไหน  พันธุ์อะไร  อกร่อง น้ำดอกไม้  เขียวเสวย  เจ้าคุณทิพย์   แม่มีต้นมะม่วงชนิดเปลี่ยนยอดมา ๔ ต้น สูงราวๆ  เมตรนึง   วางนอนเรียงกันอยู่  นุตสังเกตดูก็ไม่เห็นมันจะต่างกันยังไง   พ่อมากระซิบกับนุตว่า แม่โม้....ไม่งั้นก็โดนหลอก   มะม่วงอะไรก็ไม่รู้

                แม่กำหนดจุดปลูกให้  ๔ จุด  นุตคว้าต้นที่แม่บอกว่าเป็นเขียวเสวย ได้ก่อนใครก็จองจุดที่ใกล้บ้านที่สุด   คนที่ทำหน้าที่ขุดหลุมก็คือพ่อ  พวกเราก็มีหน้าที่นำมาวางและไปขนดินมากลบ

                พ่อยกเอาภาษิตจีนมาพูด โดยไม่อธิบายให้ฟังว่า

                อยากมีความสุขสามนาทีให้ใส่เสื้อใหม่    อยากมีความสุขสามชั่วโมงให้กินเหล้า   อยากมีความสุขสามวันให้ไปเที่ยว  อยากมีความสุขสามเดือนให้แต่งงาน   อยากมีความสุขตลอดกาลให้ปลูกต้นไม้

                เรามีความสุขทุกครั้งที่เห็นการเติบโตของต้นมะม่วง  ตั้งแต่มันออกตุ่ม เริ่มเป็นตา ผลิใบอ่อน  แต่ละรุ่น ๆ  แทบจะไม่พ้นสายตาของเราเลย

                 มีการทับถมกันว่าต้นของใครโตเร็วกว่าใคร บ้างเป็นบางที  แต่สิ่งที่เรารู้สึกเหมือนกันก็คือ คอยลุ้นว่า  แต่ละต้นจะออกลูกมาเป็นมะม่วงชนิดที่แม่จาระไนไว้หรือไม่

                หมายเหตุ  ณ วันนี้  มะม่วงทั้ง ๔ ต้น เติบโตคลุมบริเวณรอบๆ บ้านจนครึ้มไปหมด  เป็นเขียวเสวย    ต้น กับอะไรก็ไม่รู้อีก ๒  ต้น

 

หมายเลขบันทึก: 216142เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2008 21:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

- สวัสดีค่ะ

- ชอบอ่านเรื่องสั้นแบบนี้ค่ะ

- จะคอยติดตามอ่านอีกนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท