การสะท้อนของแสง


การสะท้อนของแสงก็เหมือนกับการสะท้อนของวัตถุหรือคลื่นที่พื้น คือ มุมที่วัตถุหรือคลื่นสะท้อนจากพื้นขึ้นมาจะเท่ากับมุมที่วัตถุหรือคลื่นตกกระทบพื้น ซึ่งจำได้ง่ายๆ คือ มุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ

reflection law

การสะท้อนของแสงเกิดขึ้นได้ดีบนวัตถุที่มีผิวเรียบ โดยวัตถุนั้นเป็นได้ทั้งวัตถุที่มีลักษณะแบนราบ ผิวโค้งนูน และ ผิวโค้งเว้า ซึ่งถ้าผิวของวัตถุมีลักษณะแบนราบขนาดของภาพที่ได้จากการสะท้อนทิ่ผิวของวัตถุนี้ก็จะมีลักษณะและขนาดเหมือนกันกับวัตถุ เพียงแต่จะสลับข้างจากขวาเป็นซ้ายและซ้ายเป็นขวาเท่านั้น

แต่ถ้าผิวของวัตถุที่แสงตกกระทบมีลักษณะโค้งมนอย่างผิวโค้งนูน ภาพที่ได้จากการสะท้อนจะมีลักษณะคล้ายกันกับวัตถุอยู่ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือขนาดของภาพเมื่อเทียบกับวัตถุ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าวัตถุเมื่อระยะห่างระหว่างวัตถุกับพื้นผิวโค้งนูนนี้อยู่ใกล้กันมากกว่าระยะโฟกัสของผิวโค้ง

ในทางกลับกัน ถ้าพื้นผิวที่แสงตกกระทบมีความโค้งเว้า ภาพที่ได้จากการสะท้อนที่พื้นผิวลักษณะนี้จะทำให้ภาพหัวกลับจากวัตถุ คือ ภาพจะกลับจะบนลงล่าง (ล่างขึ้นบน) และกลับซ้ายเป็นขวา (ขวาเป็นซ้าย) ขนาดของภาพก็เปลี่ยนไปด้วยขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างวัตถุกับพื้นผิวโค้งนี้ ภาพที่ได้จะมีขนาดเล็กกว่าวัตถุเมื่อระยะห่างระหว่างวัตถุกับพื้นผิวโค้งมีค่ามากกว่าระยะโฟกัสของผิวโค้ง และจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อระยะนี้มีค่าน้อยกว่าความยาวโฟกัสของพื้นผิวโค้ง

ตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ความรู้ในเรื่องของการสะท้อนของแสงได้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

·         กระจกที่มีผิวแบนราบ ใช้ส่องหน้าตอนแต่งหน้าและตัดผม ใช้ในการตกแต่งภายในเพื่อเพิ่มความโปรดโปร่งของห้อง ใช้เป็นชิ้นส่วนสะท้อนภาพในกล้องเพอริสโคป (Periscope) สำหรับใช้ในเรือดำน้ำ ใช้เป็นตัวสะท้อนแสงในเครื่องอ่านรหัสแถบ และใช้ทำกล้องสลับลาย (Kaleidoscope)

·         กระจกที่มีผิวโค้งนูน ใช้ทำเป็นกระจกมองข้างสำหรับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นำไปติดตั้งตามทางแยกเพื่อเพิ่มมุมมองให้กว้างขึ้นทำให้เห็นยานพาหนะ หรือ คน ที่กำลังมาในอีกเส้นทางหนึ่ง ติดตั้งอยู่บนโทรศัพท์มือถือด้านเดียวกันกับเลนส์ของกล้องบนโทรศัพท์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเห็นตำแหน่งของหน้าตัวเองระหว่างถ่ายภาพได้ กระจกที่มีผิวโค้งนูนยังทำหน้าที่ปรับขนาดของภาพและลดความบิดเบือนของภาพภายในกล้องดูดาวฮับเบิล (Hubble Telescope)

·         กระจกที่มีผิวโค้งเว้า ใช้ทำเป็นโคมไฟติดตั้งตามบ้านและยานพาหนะเพื่อกระจายแสงให้ทั่ว ใช้รวมแสงลงบนตัวแปลงแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าหรือความร้อน และใช้ทำเป็นของเล่นเพื่อสร้างภาพจริงหัวกลับให้ลอยขึ้นมา

หมายเลขบันทึก: 206870เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2008 15:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท