“คลื่นแห่งความโกรธ”


ในขณะที่เราโกรธ เราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ แล้วคนที่เราโกรธหรือคนข้างเคียงของเรา เขาเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ แล้วความโกรธมันได้ช่วยคลี่คลายปัญหาที่เป็นเหตุแห่งโกรธนั้นลงได้หรือไม่ หากคำตอบ คือ เราเป็นทุกข์ เขาเป็นทุกข์ หากคำตอบ คือ ปัญหาไม่ได้คลี่คลายลงไปเลย แล้วเราจะโกรธไปทำไมเล่า

คิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยโกรธ

ลองคิดดูสิว่าเราโกรธครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

วันนี้ เมื่อวาน อาทิตย์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว หรือปีที่แล้ว

เราโกรธเรื่องอะไร

ตอนที่เราโกรธ ใจเราเป็นอย่างไร กายเราเป็นอย่างไร

และเราได้แสดงออกไปอย่างไร

เราพูดไปอย่างไร แสดงกิริยาอาการออกไปอย่างไร

ตอนที่เราแสดงออกไป เรารู้สึกเป็นสุข หรือเป็นทุกข์

และคนที่เราโกรธหรือคนรอบข้างขณะนั้น เขาพูด เขาแสดงออกอย่างไร

แล้วเรารู้สึกอย่างไร

ตอนที่เรากำลังอ่านอยู่ขณะนี้ ใจเราเป็นอย่างไร

ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ

ตามลมหายใจของเราดู ๔-๕ ครั้ง

หายใจเข้า.....ฉันเป็นดั่งดอกไม้ผลิบาน

หายใจออก.....ฉันเห็นตัวฉันเป็นคนที่สงบเยือกเย็น

หายใจเข้า.....

หายใจออก.....

ลองค่อยๆ นึกว่าเหตุที่เราโกรธจากอะไร

และเราได้ดับความโกรธนั้นได้อย่างไร

และถ้าเรากลับเวลาไปหาอดีตได้

เราจะแก้ไขตัวเองอย่างไร

วามโกรธ....

เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

แม้คลื่นสงบลง

แต่ฝั่งก็ถูกกัดกร่อนลงไปทีละน้อยๆ ๆ

ความโกรธ

หมือนนิทาน "ตะปู" ที่ให้ข้อคิดเรื่องความโกรธได้ดีเลยทีเดียว 

จริงๆ แล้วเราโกรธเขา หรือโกรธตัวเราเอง

ในขณะที่เราโกรธ เราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

แล้วคนที่เราโกรธหรือคนข้างเคียงของเรา เขาเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

แล้วความโกรธมันได้ช่วยคลี่คลายปัญหาที่เป็นเหตุแห่งโกรธนั้นลงได้หรือไม่

หากคำตอบ คือ เราเป็นทุกข์ เขาเป็นทุกข์

หากคำตอบ คือ ปัญหาไม่ได้คลี่คลายลงไปเลย

แล้วเราจะโกรธไปทำไมเล่า

ใยเรามิหันหน้าเข้าหากัน ปรับทุกข์ สุขร่วมกัน

ใยมิจับมือกันมาช่วยกันคลี่คลายปัญหานั้นร่วมกัน

อย่างนี้เราก็จะเป็นสุข เขาก็เป็นสุข และปัญหาก็ได้ช่วยกันแก้

นี่คือการจัดการความโกรธร่วมกัน

 

ท่านติชนัทฮันท์ พระภิกษุนิกายเซ็น ชาวเวียดนาม บอกว่า

เวลาที่เธอโมโห                                                

ขอให้กลับมาหาตัวเอง ดูแลความโกรธให้ดี                                    

และหากมีคนทำให้เธอเป็นทุกข์                             

ก็จงหันมาดูแลความทุกข์ ความโกรธของตนเอง            

อย่าพูดหรือทำอะไร                                         

เพราะสิ่งที่เธอพูดหรือทำด้วยอารมณ์เดือดดาลนั้น           

อาจทำให้สัมพันธภาพของพวกเธอย่ำแย่ลง

 

เวลาที่เธอโกรธ                                                

หายใจเข้า...ความโกรธนั้นคือตัวฉัน

หายใจออก...ฉันโอบกอดความโกรธของฉันด้วยความอ่อนโยน

ความโกรธเหมือนเปลวไฟที่เผาไหม้ตัวเราเอง

คนที่ฝึกปฏิบัติตนให้ตื่นรู้อยู่เสมอ

จะไม่ปล่อยให้เปลวไฟเผาไหม้ตัวเอง

แต่จะเชื้อเชิญพลังอีกด้านหนึ่งขึ้นมา

นั่นคือ พลังแห่งสติ ขึ้นมาโอบอุ้ม พลังแห่งความโกรธ

 

การเชื้อเชิญ พลังแห่งสติ ขึ้นมาโอบอุ้ม พลังแห่งความโกรธ

เหมือนกับแม่ที่ได้ยินลูกน้อยกำลังร้องไห้

คุณแม่ที่ดีจะไม่ดุด่า หรือ ตีลูกน้อย

แต่แม่จะอุ้มลูกขึ้นมาและโอบกอดลูกในอ้อมแขน

กล่อมให้หยุดร้อง

เวลาที่แม่กล่อมลูก พลังแห่งความอ่อนหวาน ความนุ่มนวลของแม่จะแผ่ซ่านเข้าไปในตัวลูก

ลูกจะรู้สึกดีขึ้น

นั่นก็เหมือนกับพลังแห่งสติ ที่เข้าไปโอบอุ้มพลังแห่งความโกรธ

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องยาก พูดนะง่าย

แต่การฝึกฝืน ฝึกทำสิ่งที่แผกต่างออกไป

นี่คือมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าอุดมไปด้วยปัญญา

ปัญญาที่สามารถเอาชนะความโกรธได้

นี่คือความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ความโกรธ#สติ
หมายเลขบันทึก: 203975เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2008 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เป็นคนนึงที่ฉุน (โกรธง่าย)คนนึงคะ แต่จะหายช้าหายเร็วขึ้นอยู่กับว่าโกรธใคร ฮา....พยายามฝึกตัวเองมาตลอดคะ ไม่รู้ดีขึ้นมั้ย 555 ต้องให้คนรอบข้างบอก เวลาโกรธก็พยายามคิดถึงเรื่องดีๆเรื่องอื่นๆแทน มันก็ดีขึ้น หรือบางทีได้ระบายด้วยการปลูกต้นไม้ก็ดีขึ้นนะคะ

สวัสดีครับ

       สำหรับวิธีระงับโกรธของผม

      1. มองให้เห็นความโกรธก่อน  เมื่อเห็นความโกรธแล้วก็พยายามไม่เอาความคิดเข้าไปรวมกับความโกรธ

      2. จ้องมองความโกรธอย่าให้แสดงออกมาด้วยวาจาและการกระทำ   เมื่อจ้องมองแล้วความโกรธไม่หาย   ผมก็พิจารณาว่า "โกรธหนอ   โกรธหนอ"

      3. เห็นแล้ว  จ้องแล้ว  พิจารณาแล้วยังไม่หายโกรธ  ผมก็เปลี่ยนกิจกรรมไปทำอย่างอื่น หรือเปลี่ยนที่ไปอยู่ที่อื่น

                ขอบคุณครับ

อนุโทนาด้วยครับ

ผมก็พยายามฝึกฝนตัวเองอยู่ครับ

สวัสดีค่ะ คนเมืองน่าน

เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา พาลูก ๆ ไปแข่งขันว่ายน้ำที่จ.น่านมาค่ะ เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่ไปน่าน ทั้งๆ ที่บ้านก็อยู่แป้ สังเกตดู จ.น่าน จะมีน้ำท่าที่อุดมสมบูรณ์ ไปครั้งที่หนึ่ง 16 ปีที่แล้วไปหน้าแล้ง แต่ดูเขียว สดชื่น ครั้งนี้ เห็นข้าวโพดกำลังงามทีเดียว ที่บ้าน กะว่า เสร็จเกี่ยวข้าวแล้ว จะปลูกถั่วเหลืองหรือข้าวโพดดี คิดดูก่อนค่ะ คุยเรื่อง ความโกรธเนอะ เปิ้นเป็นคนโมโหง่ายมาตั้งแต่เด็ก ขนาดที่เคยเอาอีโต้ฟันหน้าผากพี่สาวจนเป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้ ฟันนิ้วมือตัวเองขาดไปครึ่งนิ้วต่อแทบไม่ติด เป็นแผลเป็นหน้าเกลียดจนทุกวันนี้ พอเริ่มทำงาน อยู่ในสังคม ถึงคิดได้ว่าความโกรธ ความโมโห ทำให้เราสูญเสีย ที่ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ จึงหาวิธี ที่จะไม่ให้โกรธ โมโหง่าย ตอนแรกต้องข่มใจ  ทำเป็นไม่โกรธ  แต่ที่ไหนได้  ในใจร้อนเป็นไฟ เสแสร้งไปเรื่อย ๆ ค่ะ สุดท้าย หายตอนไหนก็ไม่รู้ เฉย ๆ ใครจะว่าอะไร ก็ไม่ค่อยจะโกรธ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไร้สาระ ที่จริงแล้ว ความโกรธ หายไปได้ เพราะความรักที่มีต่อทุก ๆ คนที่เรารัก และความรักตัวเองด้วย เดี่ยวนี้ เห็นคนอื่นโกรธ โมโห เหมือนคนบ้าเลย คิดดูเอาเองว่าเมื่อก่อนเราบ้าขนาดไหน ตอนนี้เปิ้นเลยมีความสุข ทั้งใจ และกาย อยู่อย่างพอเพียง และเพียงพอ กอบโกยความสุขให้ได้มากที่สุด ไม่เบียดเบียนใคร พยายามไม่ทำในสิ่งที่ต้องมาพูดทีหลังว่าเสียเวลา เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไร เปิ้นกับคนที่เปิ้นรัก จะไม่มีโอกาสที่จะกอบโกย ความสุข ความน่ารัก ให้กัน เช่นวันนี้

ดีใจที่ได้รู้จัก จาก คนเมืองแป้

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับสำหรับบันทึกที่งดงามดั่งดอกไม้บาน

พรุ่งนี้อย่าพลาดชมเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านพลัมนะครับhttp://www.manytv.com/channels/OPrM/vyfIauVM/vTFFcJjD1rmvJ0rKCx.php

 

ขอบคุณครับ

ศุกร์นี้ผมไม่พลาดอยู่แล้วครับ

มีเรื่องราวของสังฆะหมู่บ้านพลัมในประเทศไทย ที่ฝึกตนเรียนรู้ภายในอย่างลึกซึ้ง คืนนี้อย่าลืมติดตามชมเรื่องของหมู่บ้านพลัม ทางช่อง 9 หลังสี่ทุ่ม ครับ

เหตุแห่งความโกรธของคนเรานั้น สิ่งหนึ่งที่มักเกิดบ่อยๆ คือ การไม่ได้ดั่งใจ หลายๆ ครั้งเราคาดหวังไว้อย่างนั้น แต่ไม่ได้ตามที่สมหวัง นอกจากจะเกิดอาการผิดหวังแล้ว อาการโกรธก็มักจะสอดแทรกเข้ามาเสมอ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท