เมื่อวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมอาสาสมัครอ่านหนังสือเสียงเดซี
ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช ด้วยความอยากเริ่มต้นและมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือจากพี่หนิง
ที่แนะนำให้ฉันรู้จักกับคุณเนตรนภาที่รับผิดชอบการจัดทำหนังสือเสียงให้กับ “นักศึกษาลักษณะพิเศษ”
การอบรมวันแรกเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับคนพิการทางสายตา
โดยวิทยากรจาก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับคนพิการมีมากมายสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.rs.mahidol.ac.th
กิจกรรมหนึ่งระหว่างการพักทานอาหารว่างในตอนบ่ายก่อนการบรรยายเรื่องการใช้โปรแกรมเพื่อบันทึกเสียงในการจัดทำหนังสือเสียงเดซี
ทางวิทยากรได้ทดลองให้อาสาสมัครปิดตา โดยให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ คอยช่วยเหลือนำทาง
น้องสาวฉันปิดตาก่อนโดยมีฉันเป็นผู้ช่วยเหลือ
ฉันเดินนำลิ้วๆ พาน้องฉันซึ่งถูกปิดตาไปเข้าห้องน้ำ
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมน้องฉันต้องโวยวายว่าให้ฉันเดินช้าๆ หน่อย
ทั้งๆ ที่ทางเดินก็เพิ่งเดินมาเมื่อเช้าและฉันก็บอกไปแล้วว่ามันเป็นทางตรง
ก็แค่เดินตรงๆ เท่านั้นเอง...ไม่เข้าใจจริงๆ จนถึง ๕ นาทีต่อมาฉันจึงเข้าใจพร้อมหยดน้ำตา
ฉันถูกพี่เก๋ หรือคุณเนตรนภา พาเดินออกจากห้องสัมมนาพร้อมกับผ้าปิดตา
ความชัดเจนในการมองเห็นของฉันถูกปกคลุมด้วยความมืดจากผ้าปิดตา
มีเพียงแสงที่ทำให้รู้ว่าเป็นเวลากลางวันเท่านั้นที่ฉันสัมผัสได้
ฉันจับข้อศอกพี่เก๋เดินไปตามทางเดินที่ถูกนำไป สัมผัส ฟังเสียงบอกทาง
“กำลังจะลงบันได” “ประตูขวามือ” “ทางต่างระดับ”
บางครั้งมีลมร้อนปะทะใบหน้า บางครั้งเป็นลมเย็นของเครื่องปรับอากาศ
รวมทั้งแสงที่กระทบตาทำให้ฉันทราบว่าได้เดินออกมานอกอาคารแล้ว
ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ใกล้ๆ ยิ่งได้ยินยิ่งรู้สึกกลัว...
ระยะทางช่างยาวไกลเหลือเกินกับการเดินบนความมืด และความหวาดกลัว
เมื่อกลับมาถึงที่นั่ง ฉันเปิดตาออกพร้อมความรู้สึกแปลกๆ
และเมื่อถูกถามถึงความรู้สึกฉันตอบพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“กลัว หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ”
ฉันจะเชื่อใจได้อย่างไรว่า บนภาวะของความมืด คนที่เดินทำทางฉันจะไม่พาฉันเดินตกบันได
ดังนั้นหัวข้อการบรรยายในช่วงบ่าย
จึงเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือคนตาบอดในการนำทางอย่างถูกวิธี
เพื่อสร้างความมั่นใจของทั้งผู้นำทางและผู้เดินตามในความมืด
การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ยังเป็นสุภาษิตสอนใจที่ควรระลึกถึงเสมอ
ฉันคงไม่อาจบอกว่าเข้าใจความรู้สึกของคนมองไม่เห็นได้
แต่อย่างน้อยฉันก็เข้าใจความรู้สึกของน้องสาวที่ถูกฉันลากไปมาเมื่อ ๕ นาทีที่แล้ว
ขอโทษนะที่เดินไว
โลกแห่งความมืดช่างน่ากลัวเหลือเกินสำหรับฉัน
การรับรู้เหลือเพียงจากกายสัมผัสและโสตประสาท
แม้ช่องทางการรับรู้จะเหลือน้อยไม่เท่าเทียม
แต่โอกาสในการเรียนรู้ไม่ควรถูกปิดกั้น
มาอ่านหนังสือให้คนตาบอดกันไหม...
เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและน่าชื่นชมครับ...
ขอบคุณครับผม...
สวัสดีคะ พี่อาจารย์ขจิต
พี่เก่งจัง เดินคนเดียวเลย แล้วไม่กลัวเหรอคะ...
ขอบคุณนะคะที่แวะมาทักทาย
ช่วงนี้งานเยอะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
สวัสดีคะ พี่ดิเรก
น่าสนใจ น่าสนุก และรู้สึกดีมากเลยคะ
ขอบคุณที่แวะมาคะ
กลางวันแดดร้อน เย็นๆ ฝนตก รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
---^.^---
น้องพิมพ์น่าร๊ากกกกกก
ได้เทรนเนอร์ดีด้วยนะคะเนี่ย... ทั้งพี่เก๋ มสธ. และทีมจากราชสุดา คิดว่าเป็นครูนุชมังคะ
เอ๊ะ...รูปคุ้นๆ ใน คคห ที่ 1 อ่ะ
ตามเก็บลิขสิทธิ์ได้ไหมเนี่ย...(ขอสาลี่เมืองสุพรรณนะน้อง)