เชื่อมร้อยใจ ...... วาดฝันปั้นสุข เมืองชุมพล
การขับเคลื่อนงานสร้างสุขภาวะ ภายใต้โครงการพัฒนาชุมชนเป็นสุขที่ภาคใต้ ดับบ้านดับเมืองเรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้ ของจังหวัดชุมพร นั้นดำเนินการในระดับห้าตำบล ( ต.ละแม, ต.นาขา ,ต.พะโต๊ะ ,ต.ตะโก ,ต.นากระตาม ) ได้นำหลักการบูรณาการหรือข้าวยำ ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวใต้มาเป็นแนวในการขับเคลื่อนงานสร้างสุข เพราะข้าวยำนั้นมีส่วนประกอบหลายอย่างกว่าจะเป็นข้าวยำได้ ตั้งแต่ ตะไคร้ ใบขมิ้น ย่านพาโหม ใบยอ บัวบก ถั่วพู และพืชผักอีกหลายชนิด มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง ถั่ว ปลาแห้ง ฯลฯ เครื่องแกง น้ำบูดูหรือน้ำเคย และข้าวสวย นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน และมีเทคนิคการคลุกเคล้าคืออย่างใส่ข้าวให้มากต้องผสมเครื่องเคียงก่อนใส่ผัก ราดน้ำเคยพอประมาณจึงจะกินอร่อย แต่หากข้าวยำขาดส่วนประกอบใดส่วนหนึ่งก็ไม่มีรสชาติข้าวยำ และหากเปรียบเทียบกับการขับเคลื่อนงานพัฒนาหรืองานสร้างสุขภาวะ หากแยกส่วนกันทำ ต่างคนต่างทำ หรือ ทำที่เรื่องที่ละประเด็นไซร้แล้ว หนทางสุ่สุขก็มิเกิดขึ้นได้ เพราะสถานการณ์ปัญหาหรือทุกขภาวะในพื้นที่นั้นมีความซับซ้อน หมุนเคลื่อน แปรเปลี่ยน เชื่อมโยงถึงกัน ( เป็นพลวัต ) และหากร่วมแรง แบ่งสรรกันทำ แบ่งบันกันสร้างเปรียบเสมือนข้าวยำนั้นไซร้แล้วสุขก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ...... สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การสร้างสุขของคนทำงานขับเคลื่อนแต่สร้างสุขต้องอยู่ที่คนในพื้นที่ ที่ต้องรู้จักเลือกจะรับหรือเลือกไม่รับ
และหลักคิด “ การพัฒนาอย่างบูรณาการสร้างสุขภาวะเชิงพื้นที่เป็นตัวตั้ง ” ( ศาสตราจารย์นายแพทย์ ประเวศ วะสี ) ซึ่งมีองค์ประกอบของมรรคผล ๘ ประการ ดังนี้
๑.การมีสัมมาอาชีวะเพื่อเศรษฐกิจพอเพียงเต็มพื้นที่
๒.การอนุรักษ์และเพิ่มพูนสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการใช้อย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
๓. มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
๔.มีสังคมเข้มแข็ง
๕.มีการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรม
๖. มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณหรือศาสนธรรม
๗.มีสุขภาพดี
๘.มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องที่จะรักษาดุลยภาพท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
ความเป็นมาและเป็นไปของทีมทำงานสร้างสุขชุมพร
คณะทำงานประชาสังคมจังหวัดชุมพร เกิดจากรวมตัวของแกนนำระดับจังหวัด ซึ่งมาจาก องค์กรชาวบ้าน ข้าราชการเกษียณ นักธุรกิจ องค์กรเอกชน ข้าราชการหัวก้าวหน้า ได้รวมตัวกัน และมีการก่อตั้งเมื่อ ปี 2546 เพื่อดำเนินงานตามโครงการถักทอเครือข่ายพลังชุมชนพลังแผ่นดิน ฯ และได้มีการพัฒนากระบวนการทำงานและการขับเคลื่อนทางสังคมผ่านทางโครงการ/ กิจกรรมต่าง ๆ ลำดับเหตุการณ์และการขับเคลื่อนได้ดังนี้ ปี พ.ศ. 2546 – 2547 ดำเนินงานโครงการถักทอเครือข่ายพลังชุมชน- พลังแผ่นดิน ฯ โดยการสนับสนุนจากสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ( LDI. ) , ปี พ.ศ. 2547 – 2548 ดำเนินงานรณรงค์ พรบ.สุขภาพ และจัดกิจกรรมสมัชชาสุขภาพ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ ( สปรส.) และขับเคลื่อนงานเวทีสาธารณะการเมืองภาคพลเมืองทั้งระดับจังหวัดและระดับภาค , ปี พ.ศ. 2549 - 2550 ดำเนินงานสมัชชาสุขภาพ และงานสมัชชาคุณธรรม โดยการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมแห่งชาติ และสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการก่อตั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร
ทิศทาง และเป้าหมายของคณะทำงาน ฯ 1) สร้างการเรียนรู้พร้อมการปฏิบัติการเพื่อพัฒนาและยกระดับกระบวนเรียนรู้การเมืองภาคประชาชน ให้เกิดพลังการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย 2) เชื่อมร้อยคนและองค์กรภาคประชาชน ให้เป็นขบวนภาคประชาชนระดับจังหวัดและให้มีสถานการรับรองทางสังคม
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ได้แก่ 1.) เพื่อเสริมสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการจัดการความรู้ของสังคม ให้นำไปสู่การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 2.) เพื่อเชื่อมร้อยคนและองค์กรภาคประชาชนให้เกิดพลังหนุนเสริมการขับเคลื่อนงานพัฒนาท้องถิ่น และ สรรค์สร้างประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานให้พัฒนากระบวนการ การเมืองภาคประชาชน 3.) เพื่อเป็นหน่วยเชื่อมประสานความร่วมมือกับองค์กรเอกชน กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ ให้เกิดการส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นสู่ความยั่งยืน
กลไกโครงสร้างในการดำเนินงาน จัดให้มีกลไกโครงสร้างการดำเนินงานของจังหวัด ซึ่งมาจากตัวแทนจากอำเภอต่าง ๆ และจัดบทบาทหน้าที่เป็นฝ่ายต่าง ๆ ตามความถนัด ประกอบด้วย ฝ่ายประสานงาน ฝ่ายงานธุรการ ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายติดตามและประเมินผล ฝ่ายวิชาการและวิทยากรกระบวนการ ฝ่ายสื่อประชาสัมพันธ์ และจัดความสำพันธ์แนบราบให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หนุนเสริมและพัฒนาซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ยังจัดให้มีคณะที่ปรึกษา ซึ่งมาจากนักพัฒนาเอกชน นักวิชาการ นักธุรกิจเอกชน นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ เพื่อให้คำปรึกษาหารือและสนับสนุนกระบวนการขับเคลื่อนงานของคณะทำงานประชาสังคมจังหวัดชุมพร
ปัจจุบัน ขับเคลื่อนงานพัฒนาดังนี้ 1) โครงการดับบ้านดับเมือง เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้ 2) งานเครือข่ายยุทธศาสตร์สังคมชุมพรและงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการสังคมเชิงบูรณาการในพื้นที่ ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาสังคมที่ 11 จังหวัดชุมพรและพัฒนาสังคมฯ จังหวัด 3) งานส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรม ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรม 4) งานสมัชชาสุขภาพ ร่วมกับสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ 5) กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดชุมพรและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ความพยายามในการเชื่อมประสานงานสร้างสุขในพื้นที่
การขับเคลื่อนงานสร้างสุขภาวะของจังหวัดชุมพร นั้นกลไกคณะทำงานเครือข่ายฯ กำลังเรียนรู้และฝึกฝนกับบทบาทหน้าที่ให้เป็น....หน่วยที่ทำหน้าที่ดังนี้
หนึ่งหน่วยประสานและสร้างสัมพันธภาพใหม่ คน องค์กร กลไก หน่วยงาน ในพื้นที่ให้เกิดการพบปะ พูดคุย ปรึกษาหารือ กำหนดทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน โดยใช้แผนสุขภาวะหรือกิจกรรมสร้างสุขภาวะเป็นเครื่องมือ และการเชื่อมร้อยองค์กรชุมชน
สองหน่วยจัดกระบวนการเรียนรู้ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกขภาวะและทุนทางสังคมของพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มทักษะขีดความสามารถแก่แกนนำชุมชนผ่านเวทีเรียนรู้ ผ่านการเรียนรู้ตัวอย่างหรือต้นแบบ ผ่านข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ฯลฯ
สามหน่วยจัดการความรู้ โดยการพัฒนาพื้นที่รูปธรรมให้เป็นแหล่งเรียนรู้และการเอื้ออำนวยให้แกนนำชุมชนเป็นผู้ถ่ายทอด เผยแพร่องค์ความรู้ หรือนำความรู้หรือข้อมูลจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่ง หรือการสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการทำงานด้วยการสรุปบทเรียนหลังการทำกิจกรรมและถอดบทเรียน
สี่เชื่อมโยงและหนุนเสริม โดยเวทีเครือข่ายฯ ที่พบปะ แลกเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนพ้องนอกพื้นที่นอกเครือข่าย รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้าหนุนเสริมพื้นที่หากมีประเด็นเนื้องานที่สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ของพื้นที่
สิ่งที่ควรรู้ก่อน... การเชื่อมประสานความร่วมมือเพื่อสร้างสุขในพื้นที่
ก่อนที่จะขับเคลื่อนงานสิ่งที่ต้องศึกษาเรียนรู้ข้อมูลของพื้นที่ให้มากพอสมควร ด้วยการพบปะ พูดคุย ซักถาม ร่วมวงสนทนาในพื้นที่ ( ต้องเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด ) วงน้ำชากาแฟ งานบุญประเพณี เข้าหาผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งมีดังนี้
หนึ่งต้องรู้สถานการณ์และบริบทของพื้นที่นั้น ๆ เช่น สภาพพื้นฐาน ปัญหา ศักยภาพ ทรัพยากร อาณาเขต ฯลฯ
สองต้องรู้ความสัมพันธ์ของคนหรือแกนนำในพื้นที่เป็นอย่างไร ใครเป็นใคร ทำอะไร มีบทบาทอย่างไรและระดับความสัมพันธ์หรือระดับความรุนแรงของความขัดแย้ง
สามต้องรู้กลุ่มองค์กร หน่วยงานใหนทำอะไร มีบทบาทหน้าที่หรือระดับความสำคัญต่อพื้นที่เป็นอย่างไร โดยเฉพาะหน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นทางการ ยิ่งต้องศึกษาบทบาทหน้าที่ขอบเขตภารกิจของงาน วัฒนธรรมองค์กร และบุคลิกลักษณะของผู้นำองค์กรหรือผู้ที่มีบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสำพันธ์กับประเด็นงานที่จะต้องประสานความร่วมมือ “ รู้เขา รู้เรา ”
สี่ต้องรู้ประเด็นงาน หรือ กระบวนการขับเคลื่อนงานพัฒนาในพื้นที่ มีอะไร เป็นอย่างไร
หากรู้ในประเด็นข้างต้นมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้การกำหนดแนวทาง กระบวนการ วิธีการ ในการประสานความร่วมมือได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้ารู้ไม่พอก็ไม่ควรผลีผลามดำเนินการ ค่อย ๆ ศึกษา เก็บ รวบรวมข้อมูลได้ในทุกจังหวะของการทำงานหรือประสานงาน ....
ข้อควรระวัง และควรปฏิบัติในการประสานความร่วมมือ
๑. อย่ารื้อฟื้นความหลังในสิ่งที่ไม่ดีหรือข้อบกพร่องที่ผ่านมา ...หากไม่เข้าถึงหรือไม่รู้จิตรู้ใจ เพราะจะเป็นการสร้างศัตรูมากกว่าสร้างมิตร ควรพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ ภาพฝันในอนาคต
๒. อย่าพูดโดยปราศจากข้อมูล ความจริง หรือรู้ไม่ชัดแจ้ง เพราะจะทำให้เสียเครดิต ควรพูดในสิ่งที่รู้และมีข้อมูล หากจำเป็นต้องพูดก็เพียงการเสนอความเห็น .... คิดว่า ........
๓. ควรยึดหลักการ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ( พบกันคนละครึ่งทาง ค้นหาแนวทางร่วมกันได้ ส่วนที่ไม่สามารถร่วมกันได้ก็ต้องพักไว้ก่อน รอคอยเวลาและโอกาสต่อไป)
๔. ควรพิจารณา จังหวะและโอกาสให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น อาจจะเป็นปัญหาที่เร่งด่วน เรื่องที่เป็นนโยบายหรือเป็นกระแสของสังคม เรื่องที่โดนจิตโดนใจของผู้เข้าร่วม
๕. ควรเจรจา ต่อรอง อย่างมีศักดิ์ศรี มีท่วงทำนอง ท่าทีที่เป็นมิตร และอย่าใจร้อน รีบด่วนตัดสินใจ
๖. ควรคำนึงถึงคนและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ มากกว่ายึดติดกับโครงการหรือหน่วยงาน/องค์กรเป็นหลัก ( บางครั้งอาจขัดใจหรืออึดอัด ฝืนความรู้สึกบ้าง ก็ต้องอดทน )
๗. ..............................โปรดช่วยกันเติมต่อ ถ้าผ่านพบมาแล้ว