คุณครูหลายท่านที่พบที่ออสเตรเลีย มักจะพูดอยู่เสมอว่า ในฐานะนักวิจัย เรามีหน้าที่อย่างหนึ่งที่จะหาที่ทาง ที่ทำให้เรา 'feel comfortable' ในการทำงานวิจัยนั้นๆ
แรกๆ ก็ให้คิดว่า คำ comfortable ดูจะหมายถึงความสะดวก การ "มี" วัตถุสิ่งของอย่างพรั่งพร้อมที่จะทำให้เรา "รู้สึก" 'feel' ว่าจะไม่ลำบากลำบน
พออยู่นานๆ ไปชักจะไม่เห็นว่าคำ comfortable จะหมายถึงอย่างนั้น
เพราะเราก็เห็นผู้คนที่แวดล้อมเราทำงานกันอย่างคร่ำเคร่ง เอาจริงเอาจัง ในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด บางครั้งถึงขั้นลำบากลำบน จนเคยคิดจะถามเขาว่า ถ้ามันลำบากอย่างนี้ คุณจะทำไปทำไมกัน (วะ)
แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ พวกเขาสนุกกับมัน ทำงานในส่วนของตนแบบมืออาชีพพยายามอย่างเต็มที่และ "รู้สึก" มันส์ ไปกับงานของตัวเอง
บางครั้ง เมื่อบางคนในทีมงานบ่นถึงการทำงานว่า I feel uncomfortable มันกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ในการทำงาน เขาต้องมาปรับ มาแก้ มาหาสาเหตุ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาที่คนหรือมีปัญหาที่ของ หรือเป็นเรื่องเวลา หากมันเป็นอะไรที่แก้ไม่ได้คนบ่นก็พร้อมจะย้ายงานไปหาที่ทางที่เขา feel more comfortable โดยที่ทีมงานไม่ขัดข้องและไม่ขัดแย้ง
คิดไปคิดมาได้มาถึงบางอ้อ ว่าสงสัยเราแปลความของคำ comfortable ยังไม่ครอบคลุมพอ
คำ "สบาย" ในที่นี้ไม่น่าจะหมายถึงการมีอย่างพรั่งพร้อม, ไม่น่าจะหมายถึงปราศจากความลำบาก แต่สบายในความหมายที่คุณครูฝรั่งมักจะพูดถึง เล็งตรงไปที่ความ"ไม่อึดอัด" ในการทำงาน โดยเฉพาะในหัวข้อวิจัยนั้นๆ
ไม่อึดอัดเพราะใจเรามันชอบ ไม่อึดอัดเพราะมันคือสิ่งที่จะอยู่กับเราอย่างน้อยวันละแปดเก้าชั่วโมงไปอีกหลายปีในช่วงชีวิตการทำงานของเรา
พอมีการงานหรือมีงานวิจัยที่ทำแล้วไม่อึดอัด ก็เปรียบเสมือนไม่มีงาน มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เป็นวิถีชีวิตที่เราชอบและสนุกไปกับมัน
คิดถึงประโยคในวันแรกที่คุณครู John Spencer พูดให้ฟังได้ว่า
"คุณมีหน้าที่หาที่ทางและเรื่องราวในเรื่องที่คุณต้องการจะรู้, พวกเราจะพยายามเต็มที่ในการช่วยสนับสนุนคุณ"
คิดถึงประโยคที่อาจารย์หมอจีรศักดิ์ นพคุณ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สมัยผมเป็นนักเรียนท่านขอยืมเอามาจะละครทีวีเรื่องหนึ่ง เอามาช่วยปลุกปลอบใจนิสิตผู้สิ้นหวัง ณ เวลานั้นว่า
"การได้ทำในสิ่งที่รัก คือความสุข, สามารถรักในสิ่งที่ทำ... คือความสำเร็จ"
ที่แท้คำ comfortable ก็คือ ฉันทะ+สัปปายะ นี่เอง
แปลบาลีเป็นไทยก็น่าจะหมายความว่า ให้ความรักนำทาง+พาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูล ในการทำงาน
(ดูความหมายของคำได้ที่ http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=286)
งานที่ comfortable ของผมคือการได้เป็นครูที่สอนเรื่องชุมชนให้กับนักศึกษา ผมโชคดีที่เลือกเรื่องวิจัยที่มันเกื้อต่องาน
บางครั้งชีวิตความเป็นอยู่ในระหว่างเก็บข้อมูลวิจัยในพื้นที่ชนบทที่ต้องตะลอนไป ต้องเปลี่ยนที่อยู่แทบทุกสัปดาห์ หรือข้อจำกัดทางกายภาพหลายๆอย่างในการทำวิจัยจะสร้างความลำบาก มากบ้าง น้อยบ้าง
แต่ผมก็ยัง feel comfortable อยู่ครับ
พี่ก็เป็นปุคคลสัปปายะของมัทนั่นเอง
ขอบคุณครับผม อ.มัทนา
มัทก็เป็นกัลยาณมิตรของพี่และของผองเพื่อนในไซเบอร์สเปซเช่นกัน