สมัยก่อนผมเรียนแร่ หิน ดิน ปุ๋ย การดูแลพืช ผมก็เรียนแบบแยกส่วน เป็นเรื่องๆ และก็รู้(บ้าง)เป็นเรื่องๆ
กว่าผมจะเข้าใจระบบนิเวศการเกษตรแบบองค์รวมก็หลังจากจบปริญญาเอกมาหลายปี
และเข้าใจค่อนข้างใกล้กับความจริงของระบบการเจริญและการผลิตพืชมากหน่อยก็ตอนมาทำงานวิจัยเชิงประจักษ์กับเครือข่ายปราชญ์อีสานนี่แหละ
ผมได้ทำโครงการศึกษาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินและที่ดินในภาคอีสานที่พบว่า
ปัจจุบันเราเหลือความสามารถของดินในการให้ผลผลิตเพียง ประมาณ ๓๐% ของดินเดิม
นี่ยังไม่นับรวมความสูญเสียระบบนิเวศที่ผมกำลังจะพูดต่อไป
จึงทำให้ผมเข้าใจปัญหาพื้นฐานของระบบการเจริญเติบโตของพืช ในระบบนิเวศต่างๆ ทั้งสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเสื่อมโทรม
ผมได้พบว่าภายใต้ระบบการพัฒนาการเกษตรแบบ “ควบคุมธรรมชาติ” ทั้งถางป่า เผาทำลาย ไถพรวน ใช้สารเคมี ได้ทำลายระบบนิเวศเกษตรจนแทบไม่มีระบบธรรมชาติเหลือให้พึ่งพา และต้องไปพึ่งพาระบบภายนอก ทั้งพลังงาน และสารเคมี
เช่นเดียวกับร่างกายที่อ่อนแอจะทำงานได้ก็ต้องพึ่งสารกระตุ้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นประสาท
หรือ แม้การกระตุ้นศพให้ดิ้นได้ด้วยกระแสไฟฟ้า ก็ใกล้เคียงครับ
ระบบธรรมชาติเดิมที่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในระบบนิเวศที่ถูกทำลาย มีตั้งแต่
1. การทำลายระบบนิเวศของสัตว์ขนาดต่างๆที่ทีการควบคุมกันเอง จนไม่มีชนิดใดที่เด่นมากจนเป็นปัญหากับระบบนิเวศ
· พอเราทำลายก็ทำให้มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดไม่มีตัวควบคุม แพร่ขยาย จนเป็นผลเสียต่อระบบนิเวศ และการผลิตต่างๆ
· ทำให้เราต้องไปพึ่งพาสารปราบศัตรูพืช ที่นอกจากจะทำลายสัตว์บางชนิดแล้ว ยังทำลายระบบที่พอเหลืออยู่บ้างให้ย่อยยับลงไปอีก
· ทำให้ระบบการผลิตขาดที่พึ่งอย่างสิ้นเชิง และต้องหันไปพึ่งยา และสารเคมีเป็นสรณะ
· เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตอย่างถอยกลับหลังยาก โดยเฉพาะกับคนที่มีระบบคิดแบบสวามิภักดิ์กับระบบเคมี และบริษัทค้าสารพิษเหล่านี้
· บริษัทเหล่านี้ก็จะยิ่งทำให้เกษตรกรต้องพึ่งพาเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ แบบคนติดยาเสพติดที่ไม่มีใครเสพน้อยลง นอกจากจะเลิกได้ หรือตายไปซะก่อน
· นี่คือ ที่มาของความยากจน ข้อที่ ๑
2. การตัดตันไม้ เผาทำลายวัสดุคลุมดิน
· เป็นการทำลายระบบสำรองการผลิตอินทรียวัตถุและธาตุอาหารพืช
· ทำให้ต้องดิ้นรนหาอินทรียวัตถุมาเพิ่มให้กับดิน
· เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตเชิงวัสดุปรับปรุงดิน
· นี่คือ ที่มาของความยากจน ข้อที่ ๒
3. การไถพรวนดิน แค่มีวัตถุประสงค์หลักในการทำลายพืชที่ขึ้นในธรรมชาติ
· ได้ทำลายระบบการไถพรวนดินในธรรมชาติ และทำลายโครงสร้างดิน จนต้องไถพรวนบ่อยๆ ให้รู้สึกว่าดินร่วน ปลูกพืชได้ง่าย
· ทำให้ต้องเสียค่าเครื่องมือ ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน ค่าแรงในการไถ
· นี่คือ ที่มาของความจนในข้อที่ ๓
4. การเน้นการใช้ปุ๋ยเคมีเข้มข้นสูง และราคาแพงเพื่อเร่งการเจริญของพืชพันธุ์ที่ต้องการธาตุอาหารมากๆ เร็วๆ
· ทำให้มีการสลายตัวของอินทรียวัตถุในดิน และปลดปล่อยธาตุอาหารมามากขึ้น จนดินดูดซับไม่ทัน พืชก็ดูดใช้ไม่ทัน
· ทำให้มีการชะล้างธาตุอาหาร สูญเสียไปค่อนข้างสูงมาก เช่นไนเตรท อาจสูญหายถึง ๘๐%
· นี่คือ ที่มาของความยากจนข้อที่ ๔
5. การปลูกพืชที่แปลกปลอมกับพื้นที่ และระบบนิเวศ
· ต้องดูแลมาก เสียค่าใช้จ่ายทั้งแรงงาน วัสดุ ปุ๋ย ยา
· นี่คือ ที่มาของความยากจนข้อที่ ๕
ฉะนั้น ตราบใดที่เกษตรกรยังสวามิภักดิ์กับระบบการใช้สารเคมี และการลงทุนสูงในการทำการเกษตร ก็ไม่มีทางหายจนได้โดยง่าย นอกจากจะฟลุ๊ก จริงๆ แบบ ถูกลอตเตอรี่
· ไปปลูกพืชที่บังเอิญไม่มีใครปลูก
· ได้ผลผลิตดี
· ตลาดต้องการมาก
· ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
· ได้ราคาพอๆกับขายทอง ละก็
หายจน (อย่างน้อยก็ชั่วคราว) แน่นอน
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
คนที่ถูกลอตเตอรี่ มีกี่คน
คนที่โดนลอตเตอรี่กิน มีกี่คน
คิดได้แล้ว เลิกเสี่ยงโชค หันมาสร้างโชคกันดีกว่าครับ
โดยการหันกลับไปพัฒนาและพึ่งพาระบบนิเวศกันดีไหมครับ
แล้วเราน่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมครับ
"แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
คนที่ถูกลอตเตอรี่ มีกี่คน
คนที่โดนลอตเตอรี่กิน มีกี่คน "
เข้ามาชมรูปใหม่ของอาจารย์...
รู้สึกว่า อาจารย์จะเปลี่ยนบุคคลิกไปเลย....
ใคร่จะพิมพ์ว่า รูปใหม่หล่อกว่าเดิม ...
เจริญพร
negative-sum game นี่น่ากลัวนะครับ
พอจบเกมส์มีแต่คนเสีย
แล้วใครชนะ ไม่มีเลย
แต่เราก็ยังนิยมเล่นกันจังนะครับ
ในเชิงระบบนิเวศเกษตรก็เป็นครับ
เราคิดว่าเราได้ แต่ถ้าคิดต้นทุนทั้งหมด แล้วมีแต่เสีย
จนเกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ก็เรื่องนี้แหละครับ
ขอบคุณครับที่เข้ามาเติมเต็มครับ
นมัสการท่านมหา
ผมลองแสดงบทนักวิชาการหลังจากแสดงบทชาวนามานาน
ไม่ทราบเข้ากรอบไหมครับ
วันก่อนก็พาดพิงท่านไปอยู่นะครับ
จะใช่สิทธิพาดพิงไหมครับ
อาจารย์ขจิตครับ
ขอบคุณมากที่มีเวลามากเหมือนเดิมเลยครับ
เรื่องนี้ถ้าทำให้ดู ยังไม่ดูก็คงต้องปล่อยให้ตายกันบ้าง
ที่เหลือค่อยเอามาเลี้ยง
คงได้แค่นั้น ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ที่อาจารย์กล่าวมาเข้าใจและก็เห็นด้วยค่ะแต่เรื่องของการไถพรวนถ้าไม่ใช้วิธีไถพรวนอาจารย์พอจะมีข้อแนะนำบ้างไหมคะ เหมือนกับที่อาจารย์ขจิตบอกชาวบ้านไม่ยอมเปลี่ยนทัศนคติชาวบ้านที่หนูรู้จักยังไม่ทราบตัวอย่างที่ไม่ใช้วิธีไถพรวนค่ะ
ครับ
โปรดกลับไปอ่านเรื่องที่เขียนมาก่อนหน้านี้ครับ
โดยเฉพาะเรื่อง การทำนาแบบ ไม่ไถ ไม่ดำ ไม่หว่าน ที่มีหลายวิธีด้วยกันครับ
หรือสงสัยก็โทรมาคุยได้ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอขอบคุณมากค่ะ