ชุมชนสมัยก่อนโลกาภิวัตน์นั้นจะมีลักษณะวัฒนธรรมเดิมๆอยู่มาก เช่น เมื่อถึงวันพระก็หยุดงานในไร่นา แล้วก็ทำอาหารคาวหวานไปทำบุญที่วัดกัน ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะนอนที่วัด ทำการบำเพ็ญภาวนา คุยเรื่องธรรมะ ปรับจิตปรับใจในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก่อนเข้าพรรษาก็จะมีงานบวชไม่ได้เว้นแต่ละปี เมื่อออกพรรษาก็ทำบุญใหญ่ พระที่บวชเมื่อต้นพรรษาก็ลาสิกขากัน บางคนศรัทธามากก็จะภาวนาอยู่กรรม 7 วันก่อน โดยต้องเข้าไปนอนอยู่ในป่าช้าเพียงองค์เดียว เพื่อล้างจิตใจ ทำการบำเพ็ญภาวนาสูงสุดตามประเพณีโบราณ
การบวชจึงเป็นเรื่องใหญ่และพ่อแม่ก็หมายมั่นว่าลูกผู้ชายจะต้องให้บวชให้ได้
การบวชนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแต่มีเจตนาจะบวชด้วยศรัทธาหรือต้องการทดแทนบุญคุณบุพการีก็ตาม ผู้ใหญ่ในตระกูลก็จะไปกราบพระอาจารย์ที่วัดใกล้บ้าน หรือวัดที่ศรัทธา พร้อมขันธ์ 5 แสดงเจตนา ระบุวันที่ พระอาจารย์ที่วัดซึ่งสามารถเป็นอุปัชฌายะได้ ก็ตกลงกัน
มาวันนี้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในชุมชน พระที่วัดน้อยลง วัดไม่มีพระ จนร้างราไปก็มี พระไปไหนกันหมด ?
แต่มีเหตุผลหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีมานี้เองคือ การบวชยากมากขึ้น จากสมัยก่อนเกือบทุกวัดพระอาจารย์ หลวงตา หรือหลวงปู่ ที่วัดสามารถเป็นพระอุปัชฌายะได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้เสียแล้ว พระองค์ใดจะต้องการเป็นพระอุปัชฌายะจะต้องผ่านการสอบก่อน หากไม่ผ่านก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ปัจจุบันมีพระที่ผ่านการสอบในแต่ละอำเภอมีไม่มากนัก จึงเท่ากับลดโอกาสชาวบ้าน โดยเฉพาะที่มีฐานะยากจนจะบวชจะต้องเดินทางไปบวชที่อื่น ห่างไกลออกไป และอาจจะไม่ได้มีความศรัทธาต่อพระอุปัชฌายะองค์นั้นด้วย จากคุณค่าเดิม ความสัมพันธ์แบบเดิมๆ ในเรื่องนี้เปลี่ยนไปแล้ว ความยากลำบากมากขึ้นเป็นอุปสรรคหนึ่งของการบวช
“หลวงตามี” พระสูงอายุรูปหนึ่งกล่าวว่า อาตมาจะไม่มีทางบวชได้เลยหากสมัยก่อนมีกฎเกณฑ์อันนี้ อาตมาเป็นนักดื่มเหล้าขนาดหนักมากที่สุด ดื่มทุกวันจนเสียที่นาไป 20 ไร่ เพราะดื่มเหล้าแล้วเมา ก็อยากดื่มอีก ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไม่มีเงินซื้อก็ขายนาไปในราคาไร่ละ 10 บาท เพราะขายตอนเมา จนที่นาหมด และหมดเพราะเหล้าจริงๆ พระอาจารย์ที่วัดเห็นจึงดึงชีวิตเข้าวัด จับอาตมาบวชง่ายๆที่วัดนี้ หากไม่บวชอาตมาก็คงตายเพราะเหล้าไปนานแล้ว
นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ชุมชนบ้านนอก ชุมชนนั้นมีวัฒนธรรมแบบนี้ และการอนุญาตให้บวชก็เป็นการพิเคราะห์ของพระอาจารย์ที่วัดใกล้บ้าน เชื่อว่าคนที่มีประวัติร้ายๆแบบหลวงตามีเกิดใหม่ได้เพราะวัด เช่นเคยพบพระที่เป็นโจรปล้นมาก่อน เป็นนักเลงหัวไม้มาก่อน เป็นคนติดยาเสพติดมาก่อน เมื่อถึงที่สุดกลับอกลับใจได้ก็เข้าวัด วัดเป็นที่บำบัดคนเลวให้เป็นคนดีของสังคมชนบท วัดเป็นสถาบันที่สร้างสังคมให้ดี วัดเป็นปราการที่สำคัญของคุณค่าของคนของสังคม
มาวันนี้ วัดเกือบจะเป็นเพียงสถานที่ประกอบพิธีกรรมเท่านั้น และยิ่งมีระเบียบนี้ออกมา ก่อให้เกิดความยุ่งมากมากขึ้นในการก้าวเข้ามาสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ทั้งๆที่เรารู้ว่านั่นคือมาตรการที่ต้องการสกัดสิ่งไม่ดีบางประการก็ตามแต่ผลกระทบก็มีอีกด้านหนึ่งเช่นกัน
ต่อไปพระจะหายไปหมดวัดหรือไม่หนอ..
สวัสดีครับท่านบางทราย
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
.....ที่ผ่านมาแอมแปร์ได้เห็นว่าในวันพระมีผู้ชายเข้าวัดน้อยมาก ล่าสุดวันเข้าพรรษา มีพ่อแอมแปร์เป็นผู้ชายคนเดียว เลยต้องนำสวดมนต์ (โดยมีแอมแปร์เป็นผู้เยาว์ที่สุด หากไม่นับสามเณร)
ที่นครฯ เท่าที่ทราบ พระที่อยู่ประจำวัดก็มีน้อยลง ที่สึกไปก็มาก ขณะเดียวกันคนพุทธที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้านติดแดนใต้ก็เดินทางมาบวชที่นี่เป็นจำนวนโขอยู่ในแต่ละปี
บันทึกนี้ทำให้แอมแปร์ตัดสินใจได้ว่า จะเล่าเรื่องสามเณรเนปาลที่มาเรียนภาษาไทยที่บ้านสักที เพราะดูจะมีอะไรเนื่องๆกันอยู่ ....ของเราจะลดน้อยถ้อยลงไป (? ) .....ของเขากำลังพยายามสืบทอดอย่างไม่ย่อท้อ เขาคงเข้าใจแล้วว่าต้องสืบทอด....
แอมแปร์มองสถานการณ์ในวัดอย่างคนนอกวัดนะคะ นานๆจะไปวัดสักที เพราะไม่ถนัดเรื่องพิธีกรรมใดๆ แม่บ่นเอาเหมือนกันว่าไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เราไปทำบุญ
แอมแปร์บอกว่าไม่ได้คิดมากอะไรเลย แต่กำลังวิเคราะห์ : )
รู้สึกจะว่าบ่นเรื่อยเจื้อยไปอีกแล้วค่ะพี่บางทราย : )
สวัสดีครับ ท่าน สะ-มะ-นึ-กะ
สวัสดีครับครูเสือ ครูเสือ
สวัสดีครับท่าน บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
สวัสดีครับน้อง ดอกไม้ทะเล
ท่าน สะ-มะ-นึ-กะ
สวัสดีครับพี่บางทราย
กลับมาตามอ่านหลังจากหายไปนาน...งานสุมหัวครับ..ผมว่าคงจะจริงอย่างที่พี่บอก เพราะเราออกกฏเกณฑ์กันมากเกินไปเอาทางโลกไปยุ่งกับทางธรรม...ทุกอย่างอยู่ที่ความตั่งใจนะครับ และกฏหลักๆก็มีเรื่องศีลห้าที่เป็นพื้นฐาน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว...นอกนั้นเป็นเรื่องของพิธีกรรมและเรื่องปลีกย่อยอื่นๆ
ผมเองก็บวชได้พรรษาเดียว...คือหลังเรียนจบและก่อนมาทำงาน...ยังโชคดีที่พ่อแม่พาเข้าวัดตั้งแต่เล็กๆ...หาเวลายากครับ
โอชกร
บทเพลงแห่งสมณะ
...ชีวิตสมณะsound
จากเรือนเหมือนนกที่จากคอน
ไม่อาวรณ์เมื่อจรจากมา
สร้างชีวีให้มีคุณค่า
แสวงหาแต่หนทางพระนิพพาน
มีผ้าแค่เพียงสามผืน
ทั้งหลับตื่นมีแต่ความชื่นบาน
สมบัติมีแค่อัฐบริขาร
เลี้ยงสังขารด้วยอาหารสาธุชน
ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ
ทั้งคันถะวิปัสสนาทุกแห่งหน
รักธรรมวินัยยิ่งกว่าชีวิตตน
หวังหลุดพ้นวัฎฎะชนะมาร
เที่ยวจาริกทำประโยชน์ให้แก่โลก
ดับทุกข์โศกโรคทางใจในสังสาร
ดั่งอาทิตย์สลายมืดห้วงจักรวาล
ทุกส่ำสัตว์สุขสราญด้วยธรรมกาย
นี่แหละคือชีวิตสมณะ
ที่สละกายใจน้อนถวาย
แต่องค์พระสัมมา จวบจนกว่าชีพวาย
ทุ่มทำงานถึงวันสุดท้าย....ชนะมาร
.................ตะวันธรรม
สวัสดีครับน้อง โอชกร - ภาคสุวรรณ
สวัสดีครับครูเสือ ครูเสือ
ได้ฟังเพลงหรือยังครับ