ผมมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม มหกรรมการจัดการความรู้การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อ 26-27 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีกิจกรรมหลายอย่างที่ผมในฐานะของผู้เข้าร่วม มองแล้วไหลลื่นได้เป็นอย่างดี งานช่วงต่าง ๆ ดูดีไม่มีติดขัด คงเป็นเพราะทีมงานที่จัดทำได้ดี และมีการเตรียมการมาดีมาก
ตามที่ผมดู ผมว่าผู้เข้าร่วมก็ได้ แรงบันดาลใจ ความรู้ ทัศนคติใหม่ ๆ และมีความเชื่อมั่นกันพอสมควรทีเดียว วันที่ 27 ระหว่างที่นั่งฟังอาจารย์ ดร.ยุวนุช บรรยายถึงสิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างที่อาจารย์พบใน KM และเรื่องราวที่พบในการศึกษาการทำงานของ ทีมงานพุทธชินราช คุณธวัช มาสะกิดผมเพื่อไปอัด VCD AAR น้องที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ถามผมว่าเคย AAR ไหม ผมบอกไม่เคย ( ในกิจกรรม Km ผมเคยทำอย่างเดียวคือเขียน บันทึก ใน blog ) น้องก็เลยอธิบายว่า อยากถามว่าคาดหวังอะไร อะไรเกินความคาดหวัง อะไรที่น้อยกว่าความคาดหวัง จะกลับไปทำอะไร ( ผมนึกในใจ อ๋อ อย่างนี้เคย เวลาประชุมเสร็จ เรามักจะมี after meeting เพียงแต่ผมไม่เรียก AAR )
ผมนึกไม่ออกครับว่า อะไรที่ได้น้อยกว่าที่คาดหวัง เพราะงานก็เป็นไปตามที่หวัง ได้เจอคนที่ผมอยากเจอ ได้เก็บเกี่ยวเรื่องที่ผมเตรียมมาเก็บเกี่ยว เรียนรู้ ได้แรงบันดาลใจไปมากพอที่จะลุยงานต่อได้ แต่ยังรู้สึกขาด อะไรไปบางอย่าง ที่ผมเองก็นึกไม่ออก ผมบอกน้องไปว่า น่าจะมีอีกสัก 1 วัน น้องคนสัมภาษณ์บอกว่า โห ! เป็น 4 วันเลยเหรอคะ ผมบอกใช่ เรื่องเบาหวานน่าจะมีอีกวัน แต่ ผมก็นึกไม่ออกว่าอีกวันจะทำอะไร รู้แต่ว่าน่าจะมีอีกสักวัน
ผมกลับไปนั่งฟังอาจารย์ ยุวนุชต่อ เพราะจริง ๆ ตั้งใจมาฟังอาจารย์โดยเฉพาะ พอกลับมาก็ถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่ 6 เสียแล้ว พอจบผมเลยเข้าไปขอลายเซนต์อาจารย์ คล้ายขอลายเซนต์ เจเคโรลลิ่ง ในหนังสือ แฮรี่ พอตเตอร์ ยังไงหยั่งงั้น ถามภรรยาผมที่นั่งฟังอยู่ข้างหน้า ว่าเป็นยังไงบ้าง บอกว่าอาจารย์ เล่าได้ ดีมาก ฟังเข้าใจและน่าติดตาม นึกออกถึงความน่าสนใจของ KM สมเป็นนักวิชาการที่มาศึกษาเรื่องนี้แล้วเอามาเล่าให้ฟัง ผมเชื่อว่าจริง เพราะ ปกติภรรยาผมถึงแม้จะนั่งข้างหน้า ถ้าไม่น่าสนใจจริง ๆ เธอจะ ตาปรือ หลับได้ทุกสถานการณ์
ตอนขับรถกลับอุบล ผมยังนึกต่อว่ามันยังขาดอะไรไปน้า ทำไมต้องอีกวันน้า ! ( ปกติเป็นคนอยากรู้อะไรแล้วต้องรู้ให้ได้ มันก็เลยไม่ยอมจบ ) ลองย้อนกลับไปว่าผมชอบอะไรที่สุดใน KM ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ที่ผมชอบที่สุดคือ การเล่าเรื่องราว การทำงาน Storytelling ของคนทำงาน แบบที่อ่านเจอใน blog นี่แหละครับ งานนี้ผมเผอิญได้มีโอกาส เข้าไปถามนอกรอบ ฟังเรื่องเล่า จากทีมพุทธชินราช pcuบ้านกร่าง พี่นิพัธ ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ ผมยังอยากรู้เรื่องราว ของเพื่อน ๆ ที่ทำงาน จากที่ต่าง ๆ อีกด้วย ตอนอาจารย์ ยุวนุช ถามว่าใครไม่เคยอ่าน blog บ้าง มีคนยกมือกันหลายคน
ถ้าจะมีการจัดกลุ่มผู้เข้าร่วมงาน ( ซึ่งก็คือผู้ปฏิบัติ ) มีการเล่าให้ฟัง ว่าตัวเองเจออะไรมาบ้าง ,มีเรื่องดี ๆ อะไรบ้าง เป็นลักษณะเรื่องเล่า แล้วมีการบันทึกไว้ น่าจะดีทีเดียว เพราะผมเชื่อว่า ผู้ที่มาเข้าร่วม อยากเล่า อยากถาม อยากคุย อยากแชร์ กับคนอื่น ถ้ามีเวทีที่ดี ๆ น่าจะได้อะไรดี ๆ เช่นกัน ตอนผมนั่งประชุม ผมก็หันไปถามคนข้าง ๆ ว่ามาจากไหน ทำอะไรบ้าง ก็ถามได้บ้าง ไม่ได้บ้างเพราะต้องเปลี่ยนฐาน กับเข้าร่วมกิจกรรมอื่น
กว่าจะตอบข้อคาใจได้ก็เกือบถึงอุบลพอดี
ดีใจจังที่คุณหมอจิ้นคิดได้ว่าขาด "การเล่าเรื่อง" ถ้าขาดอย่างอื่นคนจัดงานคงงอมมากๆ ถ้าต้องจัดถึง ๔ วัน
วันแรกเราจัดสิ่งที่คุณหมอจื้นต้องการให้แล้วค่ะ โดยครึ่งวันเช้า ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด บรรยายให้เรา "รู้จัก รู้หลัก และรักที่จะใช้ KM" ได้ประเด็นที่ชัดเจนดีมากๆ ทีเดียว พอช่วงบ่ายเราก็มี Mini KM workshop ในเวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ตั้งวงกันตั้ง ๓๐ วงเต็มพื้นที่ในห้องย่อยและด้านนอก เล่าเรื่องงานเบาหวานที่แต่ละคนภูมิใจ ได้เรื่องดีๆ เยอะ เช่น กระดาษกายสิทธิ์
แล้วกลับเข้าห้องใหญ่คุณธวัชสัมภาษณ์ "คุณกิจ" ดร.ประพนธ์สัมภาษณ์ "คุณอำนวย" ที่สุ่มจับฉลากขึ้นมา ย้ำความเข้าใจเรื่อง knowledge sharing และบทบาทคุณกิจ-คุณอำนวย ได้ทั้งความรู้และความสนุกค่ะ
นี่ไง เรื่องของการตีความของแต่ละคน ดิฉันตีความเอาเองแล้วคิดว่า "เรื่องที่ยังขาดไป" ของหมอจิ้นคืออะไร
สำหรับดิฉันเอง สิ่งที่ได้น้อยกว่าความคาดหวังคือได้คุยกับหมอจิ้นน้อยเกินไป อุตส่าห์ตั้งตารอที่จะเจอตัวเป็นๆ คราวหน้าต้องเอามาเป็นทีมจัดงานด้วย เพราะจะได้เจอกันตั้งแต่ก่อนวันงาน ในวันงานก็จะได้เจอกันวันละหลายๆ ครั้ง
ก็ขอแจม AAR ด้วยคนนะคะ ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตั้งความหวังไว้ก่อนมาว่าจะได้อะไรบ้าง แต่ที่ได้เกินความคาดหวังคือ
ได้เห็นภาพการทำงานของทีมงานเครือข่ายที่ทำด้วยใจทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเสร็จงานก็มี AAR ทีมงานทุกเย็นก่อนกินข้าวจะเห็นว่าการจัดงานครั้งนี้ไม่ได้ใช้คนมากแต่งานออกมาดีมากๆมีการวางงานอย่างเป็นระบบทำให้เลื่อนไหลไปได้ด้วยดี ดิฉันชื่นชม อจ. วัลลา เป็นตัวอย่างแม่งานที่ดีคือ สงบ ไม่โวยวายเมื่อมีปัญหา ยิ้มรับสู้ตลอดงาน
ได้พบ คุณหมอจิ้น ตัวเป็นๆ(ตัวจริงดูหน้าเด็กกว่าใน blog)ที่มีจริตการทำงานเดียวกัน(เอามาจากที่คุณหมอพูดน่ะค่ะ) และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันแบบตัวเป็นๆ ถือเป็นมหัศจรรย์ KM อีกข้อหนึ่งนะที่ได้รับ
ได้ประสบการณ์การแก้ปัญหา ในวงสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องเล่าเร้าพลังการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน (storytelling) ในบทบาทของคุณอำนวยในการดึง Tacit K.ของสมาชิกกลุ่มออกมาค่ะ ก็นับว่ายากเหมือนกันในวันนั้น
สวัสดีค่ะ
น่าสนใจมากๆเลยค่ะ
จะรอติดตามจากบันทึกคุณหมอค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ โอ้โหรู้สึกเป็นเกียรติมากๆเลยที่คุณหมอตั้งใจไปฟังดิฉันจริงๆ แถมขอลายเซ็นต์ ขนาดฟังไม่ได้ตลอดยังอุตส่าห์ได้ภรรยาช่วยฟังต่อให้ด้วย และยังเขียนถึงอย่างดีมาก
ทราบเช่นนี้แล้วมีกำลังใจ ทีแรกไม่แน่ใจว่าหนังสือและการบรรยายจะเป็นที่สนใจและสามารถบรรลุสิ่งที่อาจารย์วัลลาคาดหวังไว้ซักแค่ไหน คนข้างกายเขาว่าดิฉันบ้ายอค่ะ
พลาดวันที่หนึ่งเช่นกันค่ะเพราะมีอีกงานที่กรุงเทพ เสียดายมากเพราะชอบฟังดร.ประพนธ์ ชอบทั้งเนื้อหาและเทคนิคการบรรยายของอาจารย์มาก ได้เรียนรู้ทุกครั้งเลยค่ะ และยิ่งอาจารย์วัลลาเล่าถึงกิจกรรม ยิ่งเสียดายที่พลาดค่ะ
รู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน แม้เพียงเล็กน้อยค่ะ
ยินดีครับอาจารย์ ก็รู้สึกเหมือนกันว่ายังไม่ได้คุยกับอาจารย์ เลยครับ เห็นอาจารย์ต้องควบคุมงาน เลยเกรงใจ คงได้มีอีกหลาย ๆ โอกาสที่จะได้คุยกันกับอาจารย์ครับ
สวัสดีครับพี่โต้ง
ผมไม่รู้สึกว่าเกินความคาดหวังนะครับ ที่ได้คุยกับ ทีม พุทธชินราช และเครือข่าย เพราะ ก่อนมางานนี้ เตรียมมาคุย มาถามเต็มที่ แล้วก็ ไม่รู้สึกผิดหวังเลยครับ แถมเจอแบบครบทีมด้วย ถ้าไม่ได้คุยนี่สิ ผมถือว่า ได้น้อยกว่าความคาดหวังที่ตั้งใจไว้ ก็มีแต่ได้คุยกับอาจารย์วัลลา น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
สวัสดีครับ อาจารย์
ผมก็ติดตามบันทึกของอาจารย์ ตลอดนะครับ ทุกวันนี้ก็ยัง เชียร์ในใจว่า good living ยังไง ๆ ก็น่าจะเป็น best blog ของ gotoknow ครับ
พี่ว่า เราน่าจะได้มีโอกาสเจอกันสักงานนะ
สวัสดีค่ะคุณหมอจิ้น เขียนเล่าเรื่องได้สนุกจัง อ่านแล้วรู้สึกหัวใจพองโตทีเดียว คิดว่าทีมงานเวชศาสตร์ครอบครัว ร.พ พุทธชินราช ทุกคนก็คงมีความสุขมากๆเช่นเดียวกับนู๋รัตน์ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ทำสิ่งดีๆและประโยชน์กับผูอื่นบ้าง
ต้องบอกว่า ทีม รพ.พุทธชินราช และ pcu บ้านกร่างเป็น แม่แบบที่ดีทีเดียวครับ
ไม่ได้ทำงานรักษาคนไข้เบาหวานโดยตรงแต่เจอคนไข้มารับบริการทันตกรรมและเป็นโรคเบาหวานด้วยอ่านแล้วรู้สึกดีกับความตึ้งใจของหมอและคนไข้จริงจริงที่ตั้งใจทำงาน