ซันซัน
นางสาว ทานตะวัน สุรเดชาสกุล

เธอเห็นคุณค่าของฉันไหม??? +_+ ข้อคิด.....จากหนังเรื่อง Dreamgirls +_+


เมื่อเพื่อนๆ อยากถามใครสักคน ด้วยคำถามนี้ ....."เธอเห็นคุณค่าของฉันไหม??".... ก็ อยากให้เพื่อนๆๆ อย่าลืม ถามตัวเองว่า......"แล้วฉันล่ะ ฉันเห็นคุณค่าของตัวเองไหม????"........

วันนี้ขอเล่าถึงหนังเรื่อง  Dreamgirls ซึ่งฉายในช่วงกุมภาพันธ์ และ ได้ออสก้าร์หลายตัวค่ะ

เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้ว ได้ข้อคิดดีๆๆหลายอย่างค่ะ

 (โดยเฉพาะในเรื่องคุณค่าของตัวเอง)

จึงอยากเล่าให้เพื่อนๆฟังค่ะ


Dreamgirls  
เป็นเรื่องของผู้หญิง  ผู้ชาย และ การเป็นนักร้อง
ที่มีความ(ใฝ่)ฝัน  ต้องการการยอมรับ และ ความ(อยาก)ยิ่งใหญ่

ขออภัยด้วยนะคะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ดู
เนื่องจากอาจมี Spoil ค่ะ


ความฝันของแต่ละคน
อาจมีความเหมือนบางส่วน
และมีความต่างกันอีกหลายส่วน

แต่ทุกคนก็มุ่งไปสู่

# การเป็นที่ยอมรับ เช่น ยอมรับในความสามารถ ยอมรับในตัวตน
เช่น บทที่เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ เล่นเป็นนักร้อง

ที่ต้องการให้ใครๆยอมรับความสามารถในตัวตนอย่างที่เขาเป็น
(ไม่ใช่อย่างที่ใครๆอยากให้เป็น)
และ ต้องจบชีวิตลงอย่างขมขื่น เจ็บปวด
เมื่อพบว่าไม่ได้รับการยอมรับ


# การเห็นว่ามีคุณค่า ทั้งในฐานะนักร้อง 
 หรือ ฐานะของคนรัก และ คุณค่าในความเป็นคนๆนึง

# การเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ความ(อยาก)ยิ่งใหญ่
มีคนกล่าวว่า คนทุกคนเกิดมาล้วนอยากยิ่งใหญ่

ความอยากยิ่งใหญ่ ของคน คือ การเป็นที่ยอมรับ ได้รับความสำคัญ และ ไม่ถูกลืม

ความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่หมายถึงความยิ่งใหญ่
ในฐานะบุคคลสำคัญของประเทศของโลก
หรือ มีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล เท่านั้น

เพราะหลายๆคนบอกว่า ไม่ได้อยากจะยิ่งใหญ่อย่างนั้นสักหน่อย

แต่ความ(อยาก)ยิ่งใหญ่ หมายรวมถึง
ความอยากยิ่งใหญ่ในครอบครัว
หรือ แม้กระทั่งในหัวใจใครบางคน

และ ที่สำคัญในใจเราเอง
(หลายคนจะรู้สึกดีมากๆๆ ที่เป็นคนรู้สึกว่าตัวเองเจ๋ง)

ในเรื่องนี้ ทุกคนอยากยิ่งใหญ่
ทั้งในฐานะนักร้องที่เจ๋ง
ฐานะผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
ฐานะคนรัก

# และการเป็นที่ต้องการ

หนังเรื่องนี้สะท้อนหลายอย่างค่ะ
สะท้อนอารมณ์ ของผู้หญิง
สะท้อนความต้องการ ของผู้ชาย
สะท้อนความยึดศักดิ์ศรี ความรู้สึกมีค่า กับความก้าวหน้าของชีวิต

และประเด็นที่ชอบคือ มิตรภาพระหว่างเพื่อน ค่ะ

หนังนำเสนอออกมา ได้อย่างดีและสมจริง
สัมผัสได้ว่า อารมณ์ ความต้องการ
หลายอย่างเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงๆ ที่เราอยู่

มีอยู่หลายๆฉากที่ชอบ
เช่น ฉากที่ ทุกคนร้อง we are family ครั้งแรก อบอุ๊บ อบอุ่น
และ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป มีปัจจัยอื่น(ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจ)มาพัวพัน
we are family ในครั้งต่อๆมา ก็ไม่อบอุ๊บ อบอุ่นเหมือนครั้งแรก

ฉากที่เอฟเฟ่น้อยใจ
ถ่ายทอดอารมณ์แบบผู้หญิง ผู้หญิง
ชนิดที่ ผู้ที่เคยเป็นอารมณ์แบบนี้ เข้าใจได้อย่างดี

มีอยู่หลายฉากที่สะท้อนใจ เช่น
ความสัมพันธ์ของเคอร์ติส(สามีและโปรดิวเซอร์) และ ดีน่า
ที่ดีน่า ช้อค เมื่อเธอรู้ความจริงว่า
เคอร์ติส ที่ผลักดันเธอ
ไม่ได้เพราะเห็นคุณค่าอะไรในตัวเธอเลย
เขาเพียงเห็นเธอ
เป็นที่สนองความฝันความต้องการเขาได้เท่านั้น

และชอบที่ฉากต่อมาเธอร้องเพลง
ว่าดูฉันสิ ดูเข้าไปข้างใน ว่าฉันมีคุณค่าอะไรอยู่บ้าง

ได้รู้ความจริงอย่างนี้
เธอเจ็บปวด และศรัทธาที่เธอเคยมีให้เขาก็สูญสิ้นลง

ในส่วนนี้ ดีน่า เธอดีที่เธอมีศรัทธาในตัวเอง
และ มองเห็นคุณค่าในตัวเอง
ฉะนั้น เธอเพียงเจ็บปวด เพราะผิดหวังเคอร์ติส
แต่ไม่ต้องเจ็บปวดจากการมองตัวเองไร้ค่า
(ซึ่งการมองตัวเองไร้ค่า ทำให้เจ็บซ้ำสองเข้าไปอีก)

ดังนั้น เธอแค่เอาตัวเองออกจากชีวิตเคอร์ติสก็พอ
เมื่อเขาไม่เห็นค่าเธอ และเธอทนไม่ได้ที่เขาไม่เห็นคุณค่าของเธอ
เรื่องเธอกับเขาก็จบกัน

และ เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอต่อไปได้อย่างมั่นคง



แต่ในโลกความจริง
บางคน ที่มีปัญหาศรัทธาในตัวเองอยู่แล้ว
เจออย่าง ดีน่า เข้าไป
อาจจะรู้สึกสูญสิ้นศรัทธาในตัวเอง และรู้สึกไร้ค่า ไปเลย

เมื่อดูจากเรื่องนี้แล้ว
คุณค่าของเรา ไม่ควรจะให้ใครมาตัดสิน
ว่าเราเจ๋งหรือไม่ เราดีพอหรือไม่
เพราะ ไม่มีใครในโลกตัดสินใครได้หรอกว่ามีคุณค่า ดีพอหรือไม่

เพราะอย่างเคอร์ติสที่ไม่ได้ยอมรับ
หรือเห็นคุณค่าของดีน่า ในฐานะนักร้องที่เก่ง
ไม่ใช่ดีน่า ไม่มีอะไรดี
เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจคุณค่า ความสามารถของดีน่า ต่างหาก

เขาสนใจส่วนที่จะเป็นความสำเร็จของเขา

ดังนั้น การที่เขาไม่เห็นความสามารถของดีน่า
ไม่ใช่ดีน่าไม่มีอะไรดี
แต่ เป็นปัญหาของเคอร์ติสที่เขาไม่สนใจคุณค่าที่เธอมีอยู่จริงต่างหาก

เหมือนกับชีวิตเรา
ถ้าเราเคยรู้สึกว่า คนไม่เห็นค่า ทำให้เรารู้สึกไร้ค่า

ก็ บอกได้เลยว่า ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เราไม่มีค่า
เพียงแต่ เขาไม่ได้สนใจ คุณค่าในสิ่งที่เรามีต่างหาก

และ คนที่มีอิทธิพล
ที่เป็นผู้พิพากษาที่ตัดสินเราได้เฉียบขาดที่สุด
คือใคร ???????????
เพื่อนๆๆ ลองนึกดูนะคะ


ขอเฉลยว่า
คนที่มีอิทธิพลที่สุดในการตัดสินตัวเรา
คนๆ นั้น คือ ตัวเราเองค่ะ

เพราะเมื่อไหร่ เราตัดสินตัวเอง ว่าไร้ค่า
เมื่อไรที่เราไม่เห็นค่าในตัวเอง

ในโลกนี้ก็ไม่มีใครช่วยให้เรารู้สีกมีค่าขึ้นได้ค่ะ

เพราะผู้พิพากษาคนนี้(ตัวเอง) เหมือนศาลฎีกา ชี้ขาดเราที่สุดค่ะ
เสียงอื่นๆ คำตัดสินอื่นๆ ไม่มีอำนาจเทียบเท่าได้เลยค่ะ

จากเรื่องของเคอร์ติส กับ ดีน่า

ถ้าเพื่อนๆๆคนไหนที่มักไม่ค่อยเห็นคุณค่าในตัวเอง

ลองมองตัวเองใหม่นะคะ ว่า
เราไม่มีคุณค่าจริงๆ
หรือ เป็นเพราะเรามองข้ามคุณค่าของตัวเอง
เราไม่ใส่ใจคุณค่าของตัวเอง

เหมือนที่เคอร์ติส ทำกับ ดีน่า หรือเปล่าคะ

คนอื่นๆ จะทำกับเราอย่างนั้น
ก็ทำไป เป็นเรื่องของเขา

เราคงไปควบคุมความคิด ความรู้สึกของใคร ไม่ได้

จะคุมคนอื่นได้ยังไง
ในเมื่อตัวเราเองเรายังควบคุม ความคิด ความรู้สึกตัวเองได้บ้าง และ ไม่ได้บ้าง
และ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้
หลายครั้งที่เราไม่อยากคิด ไม่อยากรู้สึก อย่างนั้น อย่างนี้
ก็ยังรู้สึกอย่างนั้น อย่างนี้ ออกมาเต็มไปหมด

อย่างที่บอกค่ะว่า ผู้พิพากษาที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินตัวเรา คือตัวเราเอง

จึงอยากขอให้เพื่อนๆที่มักไม่ค่อยเห็นค่าตัวเอง

มองตัวเองให้ลึกขึ้น
ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินตัวเอง
ด้วยใจที่อาจมีอคติ ไม่เป็นธรรม ก้บตัวเอง

เหมือนที่ดีน่า ร้องเพลง ว่า
อยากให้เคอร์ติส มองเธอให้ลึกซึ้ง
อยากให้เขาเห็นคุณค่าของเธออย่างที่เธอเป็น
ไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ

แต่ปัญหาของเพื่อนๆที่ไม่ค่อยเห็นคุณค่าตัวเอง

อาจมีมุมมองแบบเคอร์ติสที่มีต่อดีน่า คือ

มีตั้งเกณฑ์บางอย่าง ตั้งจุดหมายบางอย่าง
และ (เคอร์ติส) พยายามอยากให้
ตัวเอง(ดีน่า)เป็นอย่างนั้น

ถ้าตัวเองเป็นแบบนั้นได้ ถึงจะรู้สึกดีกับตัวเอง
จึงจะเห็นค่าตัวเอง

ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น อย่างที่ตั้งใจไว้
ก็รู้สึกงั้นๆ กับตัวเอง
และ พาลจะรู้สึกผิดหวัง


ยอมรับตัวเองไม่ได้
หมดศรัทธาในตัวเอง
และ บางคนถึงกับทำให้รักตัวเองไม่ลง

อย่างนั้น ลองทำตามที่ดีน่า บอก กับ เคอร์ติสนะคะ

คือ มองฉัน มองอย่างที่ฉันเป็น มองคุณค่าที่ฉันมี


เพื่อนๆจะเห็นคุณค่า ในคนๆนี้(ตัวเราเองไง)
อีกมากมายเลยค่ะ


ลองดูนะคะ



เมื่อเพื่อนๆ อยากถามใครสักคน ด้วยคำถามนี้
....."เธอเห็นคุณค่าของฉันไหม??"....

ก็ อยากให้เพื่อนๆๆ อย่าลืม ถามตัวเองว่า
......"แล้วฉันล่ะ ฉันเห็นคุณค่าของตัวเองไหม????"........





ปล.

  • ขอชม บียอนเซ่ สวยจังเลยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 111720เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2007 18:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 20:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

 

มีกลอนบทหนึ่งจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ..ที่พูดถึงการเห็นค่าในตนเอง

"ดอกหญ้า.."

ฉันอยากเป็นเหมือนดอกหญ้า เพราะดอกหญ้าเป็นตัวของตัวเองเสมอ..เกิดเอง..และก็จากไปเอง..

ดอกหญ้าไม่เคนเรียกร้องหรือต้องการอะไรจากใคร..พอใจที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบ..ถึงแม้ว่าดอกหญ้าจะไม่สวยไม่หอม...แต่ดอกหญ้าก็รู้ดีว่า...

"ตัวเองมีค่า..สำหรับตัวเองเสมอ.."

ขอบคุณที่เตือนก่อน spoil นะครับ. :-) เกือบอ่านละ:-P
  • สวัสดีครับ
  • เป็นบันทึกที่ถอดบทเรียนได้อย่างชัดเจนและมีสาระมาก  ทั้งในแง่ชีวิตตนเองและคำว่าเพื่อน
  • ทมยันตี  นักเขียนไทยกล่าวไว้อย่างอหังการ์ว่า
  • ไม่มีใครสูงกว่าเรา  ถ้าเราไม่คุกเข่าให้เขา
  • ...
  • และประโยคนี้  ผมได้ยินโดยตรงเมื่อท่านสัญจรมายังมหาวิทยาลัยเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นนิสิตเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
P
ชอบกลอนของอาจารย์จังเลยค่ะ
ไพเราะ และ มีความหมายที่ลึกซึ้งค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ ^__^
 P
^__^ ยังไงถ้าได้ดูเรื่องนั้แล้ว มาแบ่งปันกันนะคะ
ขอบคุณที่แวะ มาเยี่ยมกันค่ะ
P
 เป็นบันทึกที่ถอดบทเรียนได้อย่างชัดเจนและมีสาระมาก  ทั้งในแง่ชีวิตตนเองและคำว่าเพื่อน
ดีใจจังค่ะ   ทำให้มีกำลังใจขึ้นค่ะ
 ไม่มีใครสูงกว่าเรา  ถ้าเราไม่คุกเข่าให้เขา
ก็เห็นด้วยนะคะ เป็นประโยคที่ช่วยเตือนสติได้ดีค่ะ
แต่ปัญหาคือ คุกเข่าให้เขาไปโดยไม่รู้ตัวอ่ะค่ะ 
(สติ สติ สติ)
ขอบคุณมากค่ะ ^__^
สวัสดีครับ
   เพลงเพราะ .. เรื่องน่าอ่าน .. อบอุ่นเหมือนใครคนหนึ่งคอยห่วงใย .. ด้วยใจที่ทีแต่ความหวังดี .. อ่านบันทึกนี้แล้วย้อนนึกถึง เรื่องของ ... คนสามคน  ครับ คิดว่าเชื่อมโยงกับบันทึกนี้ได้ดี
   ขอบคุณมากๆ ต่อสิ่งดีๆ  และความรู้สึกดีๆที่มอบให้ครับ
P
อาจารย์ Handy
ขอบคุณมากมาย ต่อสิ่งดีๆๆและความรู้สึกดีๆๆๆเช่นกันค่ะ
ความคิดเห็นของอาจารย์ ทำให้รู้สึกดีๆและอบอุ่นเช่นกันค่ะ 
เรื่องของ ... คนสามคน   เคยเข้าไปอ่านแล้ว ชอบจังเลยค่ะ
มีแง่คิดที่ดีมากมาย และ ช่วยทำให้จิตใจงดงามยิ่งขึ้นค่ะ และชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่  เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสาร  มีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป
^__^

สวัสดีค่ะ

ตรงนี้ ถูกใจที่สุดค่ะ ชอบที่คุณหมอเขียนค่ะ ให้ข้อคิดดีๆค่ะ

ผู้พิพากษาที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินตัวเรา คือตัวเราเอง

              กับหลายคนที่ชอบพูดว่า

 "เรามักจะเห็นคุณค่าในสิ่งใดต่อเมื่อเราสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว"

              หรือว่า หากเป็นตัวเราแล้วต้องสูญเสียตัวเองไปก่อนแล้วถึงจะรู้ว่าเรามีคุณค่านะ

              หรือจะใช่ เพราะว่าผู้คนมักกล่อมคนที่คิดฆ่าตัวตายว่า คิดดูสิ หากไม่มีคุณแล้ว คนที่รักคุณและคนที่คุณรักอีกกี่คนจะอยู่อย่างไร

             

 

....  คนอื่นจะเห็นคุณค่าเรา เมื่อเราเห็นคุณค่าตนเองก่อน . ...

...  ฝรั่งเค้าถึง ให้ความสำคัญกับ Self Esteem มากไงคะ 

....  เสมือน หากท่านไม่รักตนเอง แล้วใครจะรักท่าน .... 

....  ความงดงามแห่งชีวิต  ชอบมากค่ะ  

P
จริงนะคะ หลายคนเห็นค่าสิ่งต่างๆ ต่อเมื่อเราไม่มีแล้วจริงๆๆค่ะ
เช่น ถ้ามีใครบอกว่าเราโชคดีนะ ที่มีหู มีจมูก มีตา มีปาก มี......
เราฟังอาจจะเฉยๆๆ ไม่ได้ภาคภูมิอะไร
แต่เมื่อวันหนึ่งเสียไป เราจะเห็นได้ว่า สิ่งเหล่านี้ ล้วนมีคุณค่ามากมายมหาศาล ค่ะ
ขอบคุณนะคะ ^__^  

คุณ sasinanda

ขอบคุณมากมายเลยค่ะ  ^__^

P
poo
คนอื่นจะเห็นคุณค่าเรา เมื่อเราเห็นคุณค่าตนเองก่อน
เสมือน หากท่านไม่รักตนเอง แล้วใครจะรักท่าน
เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ
ความงดงามแห่งชีวิต  ชอบมากค่ะ  
ขอบคุณมากมายเลยค่ะ ^__^

บังเอิญผ่านเข้ามา...สะดุดอย่างแรง..ชอบสุดๆ มีสาระดี จะแวะมาอ่านเรื่อยๆนะ

เอ็กซ์กี้

ดีใจจังเลยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ ^__^

 

เรื่องนี้ สะท้อนความมีชีวิตของคนจริง ๆ  ในโลกจริง  ๆ  มี ความเป็นคน ที่มักจะขาดอิสรภาพ 

ความยิ่งใหญ่ ความรัก ความมีคุณค่าในตน ผูกติดกับคนรอบข้าง ที่สำคัญ สิ่งที่เราผูกติด กลับเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้เสียด้วย กวัดแกว่งยิ่งกว่าใบไม้ไหว

ความเจ็บปวด ผิดหวังของคนเราจึงมีตลอดชีวิต ตราบใดที่ยังขาดอิสรภาพ  และการหลุดพ้น

คุณหมอเขียนดีขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ

คุณ ซันซัน ได้ไปดูหนังการ์ตูน 3D Animation เรื่องล่าสุดของ Disney - Pixar Studio เรื่อง Ratatouille( เมื่อหนูน้อยอยากเป็นพ่อครัวของ) ที่กำลังลงโรงอยู่ตอนนี้หรือยังครับ

ผมไปดูกันทั้งครอบครัวมาวันนี้เองครับ เป็นความกล้าหาญของฝรั่งที่กล้าเอาหนู(rat) มาทำอาหารให้คนกิน และตามเรื่องก็ทำเก่งและประสบความสำเร็จกว่าคนด้วย หนูตัวนี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ Anyone can cook.

หากเล่ามาก อ่านแล้วไปดูอาจไม่สนุก หากคุณซันซันไปดูแล้ว อยากฟังคุณซันซันวิจารณ์ครับ

อ้อ...สำหรับผมแล้วถือว่าจุดสุดยอดอยู่ที่ตัวละครที่เป็นนักเขียนวิจารณ์อาหารที่ชื่อ Ego ผู้มีอิทธิพลกำหนดระดับ(จำนวนดาว)ของร้านอาหารในปารีส ที่ทำให้หนังจบแบบพลิกล็อก คือผู้ร้ายมากลายเป็นผู้ดีตอนจบ โดยมีแรงบันดาลใจจากชีวิตวัยเด็ก(เชิงจิตวิทยา)

เป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว ไม่ซับซ้อนอะไร

สวัสดีครับ

คงจะต้องหาดู แล้วล่ะสิ.. หนังที่มีแง่คิดแบบนี้

ขอบคุณครับ

P
เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ ถ้าเราเอาชีวิตเราไปผูกติดกับคนอื่นที่แท้จริงเราควบคุมอะไรไม่ได้ เมื่อนั้นเราจะขาดอิสรภาพและเจ็บปวดได้ตลอดเวลาเลยค่ะ
ขอบคุณมากๆๆนะคะ
P
ขอบคุณอาจารย์นะคะ
หนังที่อาจารย์แนะนำ น่าจะมีประเด็นอะไรดีๆๆค่ะ
ถ้ามีโอกาสดู จะนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ^__^
P
เป็นหนังที่ให้อะไร ในแง่ของชีวิตกับการผูกติดชีวิตกับคนอื่นค่ะ
ขอบคุณนะคะ ^__^
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท