เก็บตกประชุมบางเจ้าฉ่า


ระหว่างทาง...

เรียนรู้จากประสบการณ์คน ...ระหว่างทาง...

 

 จากการได้ไปประชุมตัวแทนเครือข่ายฯ ทั่วประเทศที่บางเจ้าฉ่านั้น   นอกเหนือจากได้งานตามโครงการแล้วนั้นยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้   ได้เห็นบุคลิก  และเข้าใจวิธีคิดของ  ผู้ที่เข้าใจชุมชนอย่างแท้จริง  แต่ละคนนั้นน่าทึ่งมาก

 พ่อหลวงพรมมินทร์  จากหมู่บ้านแม่คำปอง   จ.เชียงใหม่    เมื่อ 2  ปีที่แล้วทางสาขาวิชาการจัดการชุมชนได้นำนักศึกษาชั้นปีที่  4  ไปศึกษาดูงานและพักค้างคืนที่หมู่บ้านแม่คำปอง   นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักพ่อหลวงพรมมินทร์  ชาวสูงวัยที่หน้าตาแจ่มใส  ดูเยือกเย็น  และสุขุม  ( แต่ลุ่มลึก )

แม้การเดินทางจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนถนนหลวงโดยทั่ว    ไป   แต่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เป็นจุดหมายต้น ๆ  ที่นักท่องเที่ยวขาลุยหลายคนตั้งใจจะไปให้ถึงเพื่อจะได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศ  homestay  บนดอยสูงซึ่งนอกเหนือจากความสวยงามที่ธรรมชาติสรรสร้างมาให้เป็นทุนเดิมแล้วนั้น   อัธยาศัยไมตรีของผู้คน อาหารรสชาติถูกปากถูกใจอย่างน้ำพริกหนุ่มสุดแซ็บ   บวกการต้อนรับที่น่าประทับใจ   โดยเฉพาะขันโตกมื้อค่ำประกอบการแสดงของเด็ก ๆ นั้นก็เรียกรอยยิ้มของพวกเราได้ถ้วนหน้านั้นล้วนเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลของหมู่บ้านแห่งนี้

จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้... ได้มีโอกาสร่วมงานและได้พบกับพ่อหลวงพรมมินทร์อีก ( หลาย ) ครั้ง...   ความคิดที่ตกผลึกและผ่านประสบการณ์ที่มากขึ้นตามวัยวุฒินั้น   ส่งผลให้พ่อหลวงพรมมินทร์มุ่งมั่นและมีแนวทางการพัฒนาซึ่งไม่ได้มองเฉพาะในหมู่บ้านหรือท้องถิ่นของตนเองเท่านั้น    แต่ได้มองถึงภาพในมุมกว้างความพยายามในการเกาะเกี่ยวกันของแต่ละชุมชนในภาคเหนือนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมาร่วมกันสร้างและพัฒนาให้มีศักยภาพมากขึ้น   เพราะการเติบโตเพียงกระจุกเดียวนั้นไม่นานก็ถึงจุดอิ่มตัว   การนำเสนอประเด็นต่าง  ๆของพ่อหลวงนั้น   แม้จะไม่ได้ออกลีลาดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนกับตัวแทนเครือข่ายภาคใต้    แต่ทุกครั้งที่พ่อหลวงพูดทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ   ความคิดที่สุขุม   ลุ่มลึก และเฉียบคมนั้นไม่จำเป็นต้องนำเสนอผ่านท่วงท่าลีล่าที่หวือหวาเสมอไป...

ส่วน 3  หนุ่มจากภาคใต้ ...พี่กร   พี่หนุ่ย   และพี่พงศานั้น   นอกจากผิวเข้มชนิดไม่มีใครยอมใครแล้วนั้นสไตล์การพูดก็ยังกินกันไม่ลงอีกต่างหาก  

พี่กร...ป็นตัวแทนจากททท. สำนักงานภาคใต้เขต 1     เป็นคนจากหน่วยงานภาครัฐที่คิดต่างและแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในหน่วยงานประเภทเดียวกันที่มักจะไม่เข้าใจชุมชน  เข้ากับชุมชนไม่ได้  เพราะมักจะทำงานตาม  order    โดยไม่ได้ให้ใจ   ไม่มองสภาพความเป็นจริง  และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน    ดังนั้น   ทัศนะส่วนใหญ่ของพี่กรจึงเป็นความคิดเห็นที่สะท้อนให้เห็นได้ปัญหาของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างชัดเจน   และอีกภาคหนึ่งพี่กรก็เป็นหนุ่มใต้ที่มุ่งมั่นและต้องการสานฝันการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวให้เป็นจริงเสียที    ความอึดอัดความคับข้องใจหลาย ๆ  เรื่องมักจะแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่จริงจังของพี่กรเสมอหากมีโอกาสได้พูดและระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา

หนุ่มใหญ่แห่งบ้านคีรีวง   พี่หนุ่ย   คนนี้   ต้องบอกว่าเกินบรรยายจริง ๆ  เฉียบคมทั้งคารมคมความคิด   และมุขที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ  ( จ๊กม๊ก )   ก่อนที่จะได้รู้จักพี่หนุ่ย     ( น้องหนุ่ย ) เราก็ได้คาดเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าพี่แกจะฮาได้ขนาดนี้   เพราะพี่ปอบอกว่า  ...นี่ก็เป็นคนที่มีลูกบ้าที่น่าสนใจอีกคนนึง...ที่ต้องเจอเอง   

ครั้งแรกรู้จักกันที่หมู่บ้านคีรีวงที่พวกเราเดินทางไปประชุมเครือข่ายภาคใต้...ครั้งนั้นก็เล่นเอาพวกเราเกือบจะอดข้าวเย็นเพราะสื่อสารกันผิดพลาดนิดหน่อย   เนือยไหม  ( ต้องพูดเป็นสำเนียงใต้ด้วยล่ะ )   แปลเป็นภาษาไทยกลางว่า  หิวข้าวไหม  แต่พรรคพวกที่ไปด้วยกันกลับเข้าใจว่า  เหนื่อยไหม   เลยตอบพี่คนดูแลบ้านว่า  ยังไม่เหนื่อย    วันนั้นก็จะได้กินข้าวเย็นก็ทุ่มกว่า ๆ  แล้วล่ะ    พอพี่หนุ่ยแกกลับจากประชุมมาถึงบ้านก็เลยแปลกใจว่าทำไมพวกเรายังไม่กินข้าว   ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะรอพี่แกหรอกนะ  แต่สุดท้ายก็เลยได้กินข้าวเย็นด้วยกันแบบไม่ได้ตั้งใจว่างั้นเถอะ    ความเป็นมาและความสำเร็จของหมู่บ้านคีรีวงได้ถูกถ่ายทอดและบอกเล่าอย่างกันเป็นเองและสนุกสนาน ( แบบ storytelling  )  ผ่านประสบการณ์และความทรงจำของพี่หนุ่ย ... คืนนั้นแถมเล่าเรื่องแนวขนหัวลุกอีกต่างหากเลยทำเอาพวกเราหลายคนนอนกระสับกระส่าย   

ความเป็นตัวของตัวเอง    และ  ความสามารถในการอธิบายประเด็นต่าง  ๆให้เข้าใจได้ง่ายนั้นเป็นเอกลักษณ์ของพี่หนุ่ยเลยล่ะ   โดยเฉพาะ  Banana  Model”  ที่พวกเรานำมาใช้เป็นสื่อและสัญลักษณ์ของเครือข่ายภาคใต้ในการทำวิจัยครั้งนี้นอกจาก  Banana  Model   ที่ได้มาจากการประชุมที่คีรีวงแล้ว     การประชุมที่บางเจ้าฉ่าสิ่งที่พี่หนุ่ยสร้างปรากฏการณ์ให้ฮือฮากันอีกครั้งก็คือ   ปฏิญญาจตุคามฯ   เรียกว่าใครสนใจไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่  จะอภิมหึมหารวยขนาดไหนก็ต้องปรึกษาพี่แกคนเดียวเลยล่ะ

 

ส่วนหนุ่มใต้อีกคนก็คือ  พี่พงศา       พี่ปอก็บอกเราทำนองเดียวกันกับพี่หนุ่ยว่า   เป็นคนเก่งที่ออกแนวบ้า ๆ   ไม่สามารถให้รายละเอียดได้จนกว่าจะได้เจอเอง... รู้สึกว่าตัวแทนเครือข่ายแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาทั้งนั้นเพราะพี่ปอมักจะบอกว่า   งานนี้คนไม่บ้าทำไม่ได้  ...อ้าวเป็นไงไป   สำหรับพี่พงศานั้นก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าจะออกแนวไหน  เพราะก่อนที่จะได้เจอกันที่บางเจ้าฉ่านั้นเราติดต่อกันทางโทรศัพท์     แต่เสียงที่ได้ยินได้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่เราคุยด้วยนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง   พอได้เจอกันจริง     ก็เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ปอจึงไม่พยายามอธิบายหรือบอกอะไรเลย  ....

พี่พงศานั้นพอมาถึงก็โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร   ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง  กทท.ดชช    หรือ  การเล่นมุขดีที่มีสาระทำให้พวกเราได้หัวเราะกันตลอดการประชุม   เรียกว่าถ้าเห็นพี่พงศาแกยกมือ  หรือ  เปิดประเด็นเมื่อไหร่ขากรรไกรก็เตรียมตัวทำงานกันได้เลย    สาระที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเป็นอย่างนี้นี่เอง   สมแล้วล่ะที่ได้รางวัล   ลูกโลกสีเขียว  ( ส่วนจะมีตะไคร่เกาะตามที่ใครต่อใครแซวหรือเปล่านั้นก็ไปขอพี่แกดูเอาเองละกัน)

 

พี่กบ .... หนุ่มใหญ่อีกคนที่หน่วยก้านไม่แพ้ใคร   ไม่ว่าจะเป็นความสูง  ผมยาว   สวมแว่นตา  และมีเสียงเหน่อตามสไตล์คนเพชรที่ออกแนวลูกทุ่ง ๆ   เรียบง่าย   ชัดเจน    และตรงประเด็น  พูดแต่ละครั้งไม่ต้องอาศัยเครื่องขยายเสียงเลยล่ะ   เพราะพี่แกเสียงดังฟังชัดมาก       แถมยังเก่งทั้งเรื่องท่องเที่ยว   เรื่องชุมชน   และเรื่องดูนก    งานนี้เครือข่ายภาคกลางได้ตัวพี่กบมาร่วมงานด้วยเจ๋งจริง     สงสัยว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกอีกตั้งหลายตัว  

 อีกคนที่นึกขึ้นได้ก็คือ  บังหมี  ดู ๆ  ไปแล้วก็ออกแนวเดียวกับพ่อหลวงพรมมินทร์    แม้วัยวุฒิของบังหมีจะน้อยกว่า   แต่ประสบการณ์การทำงาน         ท่องเที่ยวโดยชุมชน  และความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ให้กับชุมชนนั้นคงไม่ต่างกัน     ส่วนที่ทั้งสองคนนี้มีคล้ายกันก็คือ    ความสุขุมลุ่มลึกและความเข้าใจชุมชนของตนเองอย่างแท้จริง    เรารู้สึกว่า   พ่อหลวงพรมมินทร์และบังหมีนั้น   เรียบง่าย    แต่   งดงามในความคิด  

นอกจากเราจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของบุคคลตัวอย่างเหล่านี้แล้ว     ยังได้ข้อคิดสะกิดใจกลับมาด้วยล่ะ   วาทะแรกเป็นของพี่พิทักษ์ที่บอกว่า   ชนชั้นใดสร้างกฎก็เพื่อชนชั้นนั้น   และอีกวาทะนึงนั้นเป็นของพี่พงศาที่บอกว่า   ไม่มีเหตุสักสิ่ง   ตลิ่งไม่พัง  ( ต้องพูดเป็นเสียง soundtrack สำเนียงใต้ด้วยนะ  รับรองได้ใจมาก ๆ    

กลับจากการประชุมที่บางเจ้าฉ่า...เชื่อว่าแต่ละคนคงได้อะไรกลับไปบ้าง... การได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น   การได้มาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากชีวิตเดิม ๆ  ในแต่ละวันนั้นจะช่วยให้เปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น      พร้อมที่จะเข้าใจผู้อื่น    เข้าใจโลก     และสรรพสิ่งรอบตัวมากขึ้น     

ระหว่างทาง....เราได้พบผู้คนหลากหลาย    

 ระหว่างทาง....เราได้ประสบการณ์มากมาย   

 ระหว่างทาง....เราได้เรียนรู้สิ่งหม่                                                                                     

 ระหว่างทาง....มีสิ่งให้ค้นหา      

ระหว่างทาง....ขอให้มีกำลัง ใจก้าวต่อไป

  เพราะนี่คือ  บทเรียนที่ได้ระหว่างทาง                                

คำสำคัญ (Tags): #ระหว่างทาง
หมายเลขบันทึก: 104213เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2007 09:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พี่หนุ่ยจากเราไปแล้วคะ

สวัสดีครับ คุณศุภรัตน์ ทีมต้นน้ำ พะโต๊ะ เขามีอัตลักษณ์ทีชัดเจน เจอมาแล้วครับ ถ้าไม่พกกล้วยหักมุขไปรับรองแย่แน่ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท