มีใครเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาบ้างไหม? ....เสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรบางอย่างให้กับใครบางคน จนกระทั่งสายไปเสียแล้ว เมื่อต้องจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับ
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว คืนวันที่น้องชายของดิฉันจะเสียชีวิต เย็นนั้นเขากลับจากทำงานมาถึงก็เข้าบ้านอาบน้ำแต่งตัวขับมอเตอร์ไซด์ออกไปหาเพื่อนอีกรอบ ขณะที่เขาสตาร์ทรถกำลังจะออกไป ดิฉันกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านพอดี นึกในใจอยากถามว่าเขาจะออกไปไหน อยากเตือนว่าจะออกไปก็น่าจะสวมหมวกกันน็อกก่อน แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา จนเกิดเหตุในคืนนั้น อุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ล้มหัวฟาดพื้น เขาจากพ่อแม่พี่น้องไปอย่างไม่มีวันกลับ นึกถึงทีไร...เสียใจทุกครั้งที่ตัวเองไม่ออกปากเตือนน้อง
อีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวข้องกับการได้มีโอกาสมานั่งในตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ซึ่งก่อนหน้านั้นดิฉันทำใจแล้วว่า คงไม่มีโอกาสเรียกถึงเรา จนกระทั่งมีตำแหน่งว่างเพราะพี่ศึกษานิเทศก์ท่านหนึ่งที่ดิฉันเคารพนับถือเสียชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ พี่เขาไม่ได้เสียชีวิตในทันที แต่เข้าขั้นน่าเป็นห่วงนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนเหมือนกัน ช่วงนั้นใกล้จะปิดเทอมประมาณปลายเดือนมีนาคม ซึ่งตัวเองก็ยุ่งพัลวันอยู่กับเด็ก ๆ ในโรงเรียน กะว่าอีกไม่กี่วันจะปิดเทอมค่อยไปเยี่ยมเพราะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ก็ยังไม่ทันได้ไปเยี่ยมเลยพี่เขาก็มาเสียชีวิตจากไป ดิฉันเสียใจที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจ ทำไมหนอต้องผัดวันประกันพรุ่ง...
เมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ข่าวว่าผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคารพนับถือ มีอาการไม่ค่อยดีถึงกับต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู ทั้งที่เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ยังได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับท่านอยู่ ได้รับกำลังใจในการทำงานยุ่ง ๆ ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี พร้อมกับคำกระเซ้าว่า ดิฉันใจดำที่ไม่แวะไปเยี่ยมท่าน หลังงานยุ่ง ๆ ผ่านไปค่ำวันนั้น ขับรถผ่านทางเข้าบ้านท่านนึกอยากไปเยี่ยมเหมือนกัน แต่เราเหนื่อยมาก จึงเปลี่ยนใจไม่เข้าไปเยี่ยม
ตกดึกของอีกคืนรู้ว่าท่านเข้าห้องไอซียูไปแล้ว ถึงกับนอนไม่หลับ ไหว้พระแล้วไหว้พระอีกให้ช่วยคุ้มครองท่านให้ปลอดภัย ในใจลึก ๆ กลัวว่าจะไม่ได้พูดคุยกับท่านอีก คราวนี้เราเองคงเป็นคนใจดำตามที่ท่านว่าแน่แล้ว โชคดีท่านรอดปลอดภัยมาได้ และวันรุ่งขึ้นในตอนค่ำดิฉันพร้อมกับพี่ศึกษานิเทศก์อีกท่านหนึ่งก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่านถึงที่ห้องไอซียู หลุดรอดจากความเสียใจและเรื่องที่ซ้ำรอยเดิมมาได้
วันนี้ช่วงพักกลางวันของการอบรม ดิฉันได้มีโอกาสตามหัวหน้าลำดวนไปรับประทานอาหารกลางวันกับท่าน ท่านเปลี่ยนไป...แต่ความเปลี่ยนไปนั้นท่านยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยน หากแต่กลับมาเป็นเหมือนกับที่เคยอายุรุ่น ๆ (ตอนนี้ท่านอายุ 65 ปี) คือ พูดคุยเยอะ สนุกสนาน เฮฮา ใจดีขึ้นกว่าเดิม ที่แต่เดิมเคยเงียบขรึม ติดจะหงุดหงิดและไม่ค่อยยอมละวางกับบางเรื่อง หัวหน้าบอกยังสงสัยว่าตอนอยู่ในห้องไอซียู หมอไปสะกิดถูกต่อมอะไรเข้าหรือเปล่า ท่านจึงดูเปลี่ยนไป แต่เมื่อได้พูดคุยกับท่านแล้ว ทำให้รู้ว่าเป็นเพราะท่านเปลี่ยนแนวคิด หลังจากรอดชีวิตมาได้นั่นเอง
ในวันนี้ได้เห็นและรับทราบว่าท่านกำลังทำอะไรหลาย ๆ อย่างทั้งด้านกายภาพ และเรื่องของจิตใจให้กับคนในครอบครัวและพี่น้องของท่าน ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าท่านคงจะนึกเสียใจอยู่มากหากไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เกิดท่านไม่มีโอกาสจะทำมันอีก
สองสามเรื่องที่ดิฉันหยิบยกมาพูดคุยนี้ ก็เพื่อนำมาบอกเล่าว่าหากเราตั้งใจอยากทำในสิ่งดี ๆ สิ่งใดที่เราตั้งใจไว้เพื่อใครแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะทำเพื่อพ่อแม่ ทำเพื่อสามีภรรยา ทำเพื่อบุตรหลาน ทำเพื่อลูกศิษย์ของเรา ก็ควรจะรีบลงมือกระทำเสียวันนี้เลย บางครั้งการรีรอ หรือผัดวันประกันพรุ่ง อาจทำให้สายเกินไปจนเราเกิดความเสียใจอย่างไม่อาจแก้ไขได้...ก็เป็นได้ค่ะ
สวัสดีครับ
เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว - หลานชายที่ชีวิตดูลุ่ม ๆ ดอน ๆ และดูเหมือนจะอาภัพเป็นหนักหนาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ โดยก่อนหน้านี้พ่อของเขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับได้ไม่ถึงปี ....
เรื่องนี้ผมเศร้า..เศร้าและเศร้าอย่างไม่รู้จบ
เสียดายที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้กับเขาอย่างที่ควรจะเป็น ..คิดถึงเขา และบ่อยครั้งก็โทษตนเองอยู่อย่างลึก ๆ ...
...
อาจเป็นเพราะ พบเห็นเรื่องราวเหล่านี้มามาก จากการทำงานของตัวเอง เห็น ความไม่เที่ยง แล้วก็พบกับตัวเองด้วย ทำให้ไม่ค่อยประมาทเรื่องแบบนี้มานาน
วันที่แม่ผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ต้องเสียใจ แต่ ไม่นึกเสียดายเลย ว่าไม่เคยทำอะไรไว้ เพราะ 10 ปี ก่อนที่แม่จะเสียชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ควรทำให้แม่มาแล้ว ยังนึกเลยว่าโชคดีมากที่ เราคิดได้ แล้วก็ไม่คิดประมาท ที่สำคัญเป็นบทเรียนของผมในเวลาต่อมา ว่า จะทำอะไรที่ควรทำให้ทำได้เลยไม่ต้องรอ ให้เสียใจวันหลัง ครับ
สวัสดีครับ คุณน้องกุ้ง
เขียนได้ประทับใจจริง ....ผมกำลังจะส่งหนังสือให้ผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง
แต่ผลัดมาหลายวันแล้ว ...จะต้องรีบส่งก่อน ขอบคุณที่กระตุ้นเตือนครับ