เกี่ยวเนื่องมาจาก blog ของคุณภีม ที่ได้เกริ่นนำในเรื่องนี้ไปแล้ว จึงขอนำเสนอในส่วนของเนื้อหาของ พรบ. นี้กันเลยนะคะ เนื้อหาของ พรบ.ฉบับนี้ได้แบ่งหมวดไว้ 4 หมวด คือ หมวด 1 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล หมวด 2 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นจังหวัด หมวด 3 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ หมวด 4 สำนักงานสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ขอนำเสนอเนื้อหาสาระของ ร่าง พรบ. เป็นหมวด ทั้ง 4 หมวด แบ่งเป็นตอนทั้งหมด 4 ตอน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายในเนื้อหาสาระ(ที่ค่อนข้างเป็นวิชาการ) ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ทั้ง 4 ตอนคะ
วันนี้มาเริ่มตอนแรกกันเลย คือ หมวด 1 ว่าด้วยเรื่อง สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล ประกอบไปด้วยมาตรา ๕ ถึง มาตรา ๒๐ เนื้อหาใจความหลัก กำหนดให้ในตำบลหนึ่ง มีสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 1 สภา ต้องมีผู้เข้าร่วมจากหมู่บ้านในตำบล อย่างน้อยร้อยละ 60 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดในตำบล สมาชิกของสภาฯ ประกอบด้วย
1. สมาชิก ซึ่งเป็นผู้แทนขององค์กรหมู่บ้าน ชุมชน ในตำบล ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกสมาชิก และได้มาโดยการเลือกกันเองของที่ประชุมสมาชิก / ตามจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี / ตามวิถีของชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม ให้มีจำนวนตามที่ชุมชนท้องถิ่นเห็นว่าเหมาะสม แต่ไม่เกิน 100 คน
2. สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ให้สมาชิกตาม (1) ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง ให้มีจำนวนตามที่สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นเห็นเหมาะสม แต่ไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกในข้อ (1) ทั้งนี้การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องพิจารณามาจากบุคคลซึ่งเป็นข้าราชการ ปราชญ์ชาวบ้าน พระภิกษุ ผู้นำทางศาสนา หรือบุคคลที่เป็นที่เคารพของชุมชน
วาระ: กำหนดให้สมาชิกอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกสมาชิก เมื่อตำแหน่งสมาชิกว่างลง จากการครบวาระ ให้สรรหาสมาชิกใหม่ภายใน 45 วัน หากว่างจากเหตุอื่น ให้สรรหาภายใน 60 วัน
อำนาจหน้าที่: ให้สภาฯ มีประธานสภา 1 คน และรองประธานสภา 2 คน โดยเลือกจากสมาชิกในคราวที่ประชุมสภาฯ ครั้งแรก โดยอำนาจหน้าที่ของประธานสภา มี 6 ประการ คือ เรียกประชุมสภาฯ และดำเนินการประชุม, ควบคุมและดำเนินกิจการของสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับและมติของสภาฯ , ออกคำสั่งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการประชุม , เป็นผู้แทนสภาในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก , แต่งตั้งเลขานุการสภาโดยความเห็นชอบของสมาชิก และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ สำหรับอำนาจหน้าที่ของรองประธานสภา คือ ช่วยประธานสภาในกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภา หรือปฏิบัติการตามที่ประธานสภามอบหมาย ส่วนอำนาจหน้าที่ของเลขานุการ คือ รับผิดชอบงานธุรการ จัดการประชุมและงานอื่นใดตามที่สภามอบหมาย
ทางด้านอำนาจหน้าที่ของ สภาฯ ประกอบด้วย 10 ประการ คือ 1) จัดทำแผนแม่บทชุมชนในเขตพื้นที่ตำบล 2) ให้คำปรึกษา แนะนำ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติ 3) จัดประชุมสมัชชาชุมชนท้องถิ่นตำบล เพื่อพิจารณายับยั้ง ยกเลิก แผนงาน โครงการ กิจกรรม หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบเสียหาย หรือพิจารณาเรื่องอื่นที่สภาเห็นสมควร 4) พัฒนาองค์กรชุมชนให้เข้มแข็ง รวมถึงรับรองหรือยกเลิกสถานภาพองค์กรชุมชนท้องถิ่นในตำบล 5) ประสานและร่วมมือกับสภาฯตำบลอื่น สภาฯจังหวัด และสภาฯแห่งชาติ 6) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯตำบล 7) ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นตำบลนั้น 8) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ ตำบล รวมถึงสถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นตำบลด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบ 9) เสนอรายชื่อสมาชิกสภาฯ ตำบล ให้เป็นสมาชิกสภาฯ จังหวัด จำนวนไม่เกิน 2 คน 10) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ตาที่สภาฯแห่งชาติ และสภาฯ จังหวัดมอบหมาย ทั้งนี้สภาฯตำบล อาจมีหนังสือเชิญส่วนราชการ / หน่วยงานของรัฐ / รัฐวิสาหกิจ / ราชการส่วนท้องถิ่น / องค์กรอื่นของรัฐ มาร่วมแสดงความคิดเห็น หรือให้เอกสารได้ตามที่เห็นควร
การประชุม: สภาฯ ต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง และประชุมในกรณีที่สมาชิกเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ร้องขอให้เปิดการประชุม การประชุมต้องมีสมาชิกเข้าร่วมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก สมาชิกสภาตำบลคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน หากมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียง เป็นเสียงชี้ขาด
สุดท้ายในเนื้อหาสาระของหมวด 1 กล่าวถึง คณะกรรมการสภา ให้สภาฯตำบลเลือกกันเอง ตามจำนวนที่เหมาะสม ไม่เกิน 25 คน และให้คณะกรรมการสภา เลือกกันเอง เป็นประธานคณะกรรมการสภา รองประธานคณะกรรมการสภา และกรรมการเลขานุการ คณะกรรมการสภา ต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานเสนอต่อที่ประชุมสภาฯในคราวที่มีการประชุมทุกครั้ง และให้มีการประชุมคณะกรรมการสภาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง http://gotoknow.org/blog/rviolet/101814
หมวด 2 ว่าด้วยเรื่อง สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นจังหวัด ประกอบไปด้วย มาตรา 21 ถึง มาตรา 25 เนื้อหาสาระกล่าวถึง การจัดตั้งสภาฯ จังหวัด ได้นั้น มีหลักเกณฑ์ คือ จังหวัดนั้นต้องมีการจัดตั้งสภาฯ ตำบล ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนตำบลที่มีอยู่ในจังหวัด จังหวัดหนึ่งให้มีสภาฯ จังหวัดได้ 1 คณะ และในสภาฯ จังหวัด ประกอบด้วย
1) สมาชิก ได้รับการเสนอชื่อมาจากสภาฯ ตำบล ตำบลละไม่เกิน 2 คน
2) สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มาโดยสมาชิกตาม 1) ดำเนินการสรรหาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสภา จำนวนไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกตาม 1) ทั้งหมด โดยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาสมาชิกให้เป็นไปตามระเบียบที่สภาฯ จังหวัดกำหนด โดยความเห็นชอบของสภาฯ แห่งชาติ
การประชุม สภาฯ จังหวัดต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง
อำนาจหน้าที่ของสภาฯ จังหวัด ประกอบด้วย 9 ประการ ดังนี้ 1) จัดทำแผนแม่บทชุมชนระดับจังหวัด เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการระดับจังหวัดนำไปทำแผนปฏิบัติการ 2) ให้คำปรึกษา แนะนำ แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการระดับจังหวัดในการจัดทำแผนปฏิบัติการ 3) จัดประชุมสมัชชาชุมชนจังหวัดเพื่อพิจารณา ยับยั้ง ยกเลิกแผนงานโครงการ กิจกรรม หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบ เสียหายแก่ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดมากกว่าหนึ่งตำบล หรือพิจารณาเรื่องอื่นใดที่สภาเห็นสมควร 4) ประสานและร่วมมือกับสภาฯ ตำบล สภาฯ จังหวัดอื่น และสภาฯ แห่งชาติ 5) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯ จังหวัด 6) ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นจังหวัดนั้น 7) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ จังหวด รวมถึงสถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบ 8) เสนอรายชื่อสมาชิกเพื่อเป็นสมาชิกสภาฯ แห่งชาติจังหวัดละ 2 คน 9) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตาม พรบ. นี้ การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของ ประธานสภา รองประธานสภา เลขานุการสภา การประชุมสภาฯ จังหวัด การเลือก และการดำเนินงานของคณะกรรมการสภาฯ จังหวัด ที่มิได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้นำบทบัญญัติในหมวด ๑ มาบังคับโดยอนุโลม http://gotoknow.org/blog/rviolet/102401
หมวด 3 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ประกอบด้วย มาตรา ๒๖ ถึง มาตรา ๓๐ กล่าวถึงเรื่อง การจัดตั้งสภาฯ แห่งชาติ เมื่อจัดตั้งสภาฯ จังหวัดไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนจังหวัดที่มีอยู่ ให้จัดตั้งสภาฯ แห่งชาติได้ และให้มีสภาฯ แห่งชาติ ได้ 1 คณะ ประกอบด้วย
1) สมาชิก ได้รับการเสนอชื่อจากสภาฯ จังหวัด จังหวัดละ 2 คน
2) สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มาโดยสมาชิกตาม 1) ดำเนินการสรร จำนวนไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกตาม 1) ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาให้เป็นไปตามระเบียบที่สภาฯ แห่งชาติกำหนด
การประชุม สภาฯ แห่งชาติต้องจัดประชุมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
อำนาจหน้าที่ของสภาฯ แห่งชาติ ประกอบด้วย 11 ประการ คือ 1) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้ง และพัฒนาสภาฯ 2) จัดทำแผนแม่บทชุมชนท้องถิ่นระดับชาติ 3) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม ในการบริหารราชการแผ่นดิน 4) จัดประชุมสมัชชาชุมชนท้องถิ่นระดับชาติ เพื่อกำหนดแนวนโยบายของสภาฯ แห่งชาติ 5) ประสานและร่มมือกบสภาฯ ตำบล และจังหวัด 6) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯ แห่งชาติ หรือตามที่ พรบ.นี้กำหนด 7 ) วางระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติงานของสำนักงานสภาฯ แห่งชาติ 8) วางระเบียบเกี่ยวกับการเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานสภาฯแห่งชาติ 9) วางระเบียบการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงิน เพื่อสนับสนุนสภาองค์กรชมชนท้องถิ่น 10) ติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการ องค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ 11 ) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ แห่งชาติ รวมถึง สถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ
การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ ของประธานสภา รองประธานสภา เลขานุการสภา การประชุมสภาฯแห่งชาติ การเลือก และการดำเนินงานของคณะกรรมการสภาฯ แห่งชาติ ที่มิได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 มาบังคับใช้โดยอนุโลม http://gotoknow.org/blog/rviolet/102425
หมวด ๔ สำนักงานสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑ ถึง มาตรา ๔๑ มีสำระสำคัญ ดังนี้สำนักงานฯ ถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ และกิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ อำนาจหน้าที่ของสำนักงานฯ 1) ปฏิบัติงานธุรการของสภาฯ แห่งชาติ 2) ประสานและดำเนินการให้มีการจัดตั้งสภาฯท้องถิ่นระดับต่าง ๆ รวมทั้งเผยแพร่ กิจการของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 3) รวบรวมข้อมูล ศึกษาวิจัย/พัฒนาเกี่ยวกับงานของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 4) ประสานและร่วมมือกับราชการส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชนและภาคประชาคม ในการดำเนินการตาม พรบ. 5) จัดทำงบประมาณเสนอเพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเกี่ยวกับภารกิจของสภาฯ แห่งชาติ จังหวัด และตำบล
ทุนและเงินทรัพย์สินในการดำเนินกิจการของสำนักงาน ได้มาจาก 1) เงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม 2) เงินอดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี 3) เงินอุดหนุนจากภาคเอกชนหรือองค์กรอื่น รวมทั้งรัฐต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และเงิน/ทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ 4) ค่าธรรมเนียม บำรุง ตอบแทน บริการหรือรายได้จากการดำเนินการ 5) ดอกผลของเงินหรือรายได้จากทรัพย์สินของสำนักงาน 6) รายได้อื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมี บทเฉพาะกาล ที่ระบุถึง คณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่แทนสภาฯ แห่งชาติ ในระหว่างที่ยังไม่มีสภาฯแห่งชาติ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ให้สำนักงาน พอช. ทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น และให้ผู้อำนวยการ พอช. เป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น จนกว่าจะมีการจัดตั้งสำนักงานสภาฯ แห่งชาติ
http://gotoknow.org/blog/rviolet/102435