เลือกหัวใจ.....(ดวงน้อย) : )


 

                                       เลือกหัวใจ.....  ( ด น้   )

 


             มีผู้กล่าวว่า  การไม่เลือก  ก็เป็นการเลือกอย่างหนึ่ง  คือเลือกที่จะไม่เลือก.....
             และทุกๆครั้งที่เราเลือก  สิ่งที่เรามิได้เลือก  จะติดมาด้วยเสมอ......
 
             ทุกๆครั้ง  ที่งาน(อันแทบไม่รู้จบสิ้น)ในแต่ละวันเสร็จสิ้นลง   ดิฉันเลือกที่จะขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน   กลับมาอยู่ในโลกส่วนตัวใบเล็กที่เงียบสงบ... กลับมาทำโน่นทำนี่ในบ้านกับพ่อกับแม่     นั่งอ่านนั่งเขียนนั่นเขียนนี่อย่างที่ใจคิด  แล้วนอนกลิ้งดูหนังฟังเพลงพักผ่อนในห้องนอนอันแสนอบอุ่น  กับเวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่....     
             ......ช่างเป็นสวรรค์บนดินโดยแท้ 

             จนกระทั่งหลานเล็กๆของดิฉันก้าวเข้ามา   และดลบันดาลให้โลกอันแสนสงบเย็นเป็นสุขของดิฉัน     กลายเป็นสวนสนุกซาฟารีคิตตี้ทาวน์ อันอึกทึกครึกครื้นอึงคะนึง  ทันทีที่เธอผาดแผลงแสดงกำลัง  ตู้เตียงแลข้าวของทั้งหลายของดิฉันก็ถึงแก่ระเนระนาดได้ในฉับพลัน  

             ....ไม่น่าเชื่อว่าตัวอะไรเล็กๆที่แสนน่ารัก  จะนำความปั่นป่วนมาสู่ชีวิตของดิฉันได้อย่างน่าตื่นตะลึงถึงเพียงนั้น
 
             ดิฉันมิได้เลือกชีวิตอึกทึกเช่นนี้ด้วยตนเอง   ต้นเหตุแห่งความไม่สงบ  เกิดแต่ลูกพี่ลูกน้อง ญาติฝ่ายแม่ดิฉันซึ่ง  ทยอยแต่งงานกันไปจนหมด (เก่งชะมัด)    และมีหลานตัวน้อยตัวนิดจนถึงตัวใหญ่มาให้ปู่ย่าและตายายชื่นใจไปหลายคน  

             แต่ด้วยว่าพวกเขาได้ไปทำงานเจริญก้าวหน้าอยู่เมืองหลวง  ซึ่งไม่เอื้อแก่การมีลูกแดงๆ   ในภาวะที่จะต้องทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้ลูกนี้     จึงไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าการส่งหลานมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างจังหวัด 

            และพ่อกับแม่ดิฉันก็ตกที่นั่งคุณปู่คุณย่า หรือคุณตาคุณยายตัวสำรอง   คอยเลี้ยงหลานๆรุ่นแล้วรุ่นเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

            ”หลานอา” รุ่นแรกอายุสี่ขวบครึ่งของดิฉัน  เป็นหลานสาว หน้าตาน่ารัก  ดูฉลาดปราดเปรื่อง และละเอียดอ่อนนัก    หลานห่างพ่อห่างแม่ตอนโตสักนิด ทำให้เป็นเด็กช่างคิด   เวลาเราคุยกันจึงสนุกน่าดู
เพราะดิฉันก็(ออกแนวๆว่าจะเป็นผู้ใหญ่)ช่างคิดเหมือนกัน 

             ครั้งหนึ่งหลานสาวน้อยๆบ่นว่า “ไม่ชอบเลย....พ่อมาทีไรต้องกอดและชอบหอมแรงๆทุกที”  แล้วเธอก็งอนตุ๊บป่องจนพ่อขยาดไม่ค่อยกล้าหอม   เป็นอย่างนี้อยู่หลายหน 
   
             ดิฉันคุยกับหลานดีๆว่าอย่าโกรธพ่อของหลานเลย  ที่เขาหอมเอาๆๆๆๆอย่างนั้น  เพราะพ่อเขาคิดถึง  นานๆเขาจะได้กลับมาหอมลูก  เขาไม่เจอลูกตั้งสองสามเดือน   ขนาดอาเจอน้องมิมทุกวันยังหอมแล้วหอมอีกเลย  
            นี่ลูกไปงอนพ่อเขาอย่างนั้น  .....พ่อเขาจะน้อยใจเอารู้ไหม...  
            เดี๋ยวสักวัน  เขาไม่ยอมกลับมาหอมลูกอีกแล้วจะทำยังไง?...

            ชะรอยคำพูดของดิฉันคงจะกระทบใจหลานอย่างจัง  เพราะหลานสาวเคยฟังนิทานจนถึงตอนจบที่ว่า “ แล้วจุดจุดจุด ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย” (แม่เขาเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยได้อารมณ์มาก)   

            คืนนั้นเมื่อพี่ชายดิฉันโทรมาหา  หลานสาวน้อยๆรีบเข้าไปรับโทรศัพท์ และพูดซ้ำไปซ้ำมานับสิบเที่ยวว่า  “พ่อจ๋า  น้องมิมขอโทษ  น้องมิมไม่ได้โกด  พ่อจ๋า  น้องมิมขอโทษ  น้องมิมไม่ได้โกด  พ่อจ๋า......”

             หลานพูดเวียนซ้ำไปซ้ำมาจนดิฉันตกใจ   จึงรีบตั้งสติเรียบเรียงคำพูดเพื่ออธิบายหลานให้เข้าใจเสียใหม่    และได้บทเรียนสำคัญในการเป็นคุณอามืออาชีพ ว่าก่อนจะบอกอะไรหลานต้องคิดให้ดี เพราะ เด็กเล็กๆนั้นลงได้ฝังใจอะไรแล้ว  เขาก็อาจจะจินตนาการไปไกลแบบที่เราอาจนึกไม่ถึงเลย 

             วันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปกว่าสามปี  หลานอาคนนี้ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก  ความสันโดษก็กลับมาเยือนชีวิตดิฉันอีกครั้ง 

             จนกระทั่งถึงวันที่แม่บอกว่าหลานชายน้อยๆอายุห้าเดือน(ลูกของพี่สาวที่ดิฉันรักมาก)เดินทางถึงบ้านตากับยายของเขาแล้ว......... 
              ดิฉันก็เปลี่ยนสถานภาพเป็นคุณน้ามหาสนุกในบัดดล 
              
              หลานชายน้อยๆตัวอ้วนกลมเหมือนหมอนข้างรูปลูกหมีสีขาว  ดูร่าเริงสดใส  และมีเสน่ห์มัดใจดิฉันไว้แนบแน่นตั้งแต่แรกเห็น   ดิฉันทำงานได้อย่างเร็วและดีขึ้นมากในครั้งนั้น  อาจเป็นเพราะหลานเป็นแรงจูงใจ(และเป็นแรงผลักไส)ให้รีบทำรีบเสร็จ ...จะได้กลับไปอุ้ม  ไปเล่น   และใช้เวลาอยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

             ทั้งนี้  โดยมีวงศาคณาญาติรอต่อคิวที่จะอุ้มและเล่นกับหลาน....  ยาวไปถึงประตูโรงรถ

             ดิฉันมักได้โอกาสเป็นคิวแรกๆ     เพราะใครๆอุ้มก็หลานไม่หยุดร้อง   แต่ทันทีที่ดิฉันเข้าไปอุ้มหลานไว้แนบอก(แบบเก้ๆกังๆ   แต่ยังพยายามวางฟอร์มว่าฉันอุ้มเป็นนะเนี่ย)  หลานก็น้อยนิ่งเงียบได้อย่างน่าอัศจรรย์

             ดิฉันรู้สึกได้ในนาทีนั้นว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดี    แถมยังเข้าใจ(แบบเข้าข้างตัวเองอย่างหน้าตาเฉยอยู่บ่อยๆ)ว่า  อยู่กับดิฉันแล้วเขาคงได้ความรู้สึกว่า”ลุ้น”ดีชะมัด  เพราะยอดคุณน้ามีลีลาใหม่มานำเสนอไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน  และเขาอาจจะรอดูว่าดิฉันจะ”เล่น” เวอร์ชั่นอะไรใหม่ๆกับเขาในวันนั้นอีก  

             บ่อยครั้งที่ญาติพี่น้องได้เห็นดิฉันตั้งใจกระโดดโลดเต้น(ด้วยลีลามืออาชีพ)  และร้องวี้ดกรี๊ดกู๊กู๊กๆกรู๊....เวี้ยว..วว..ว..ว อย่างสนุกสนาน(แบบไม่ใคร่สมวัย)สุดชีวิต    ต่อหน้าหลานน้อยๆที่นอนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ลั่นๆอยู่บนเบาะอย่างต่อเนื่องตราบจนการแสดงของยอดคุณน้าสิ้นสุดลง
 
             บางครั้งความรักเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก    แต่ลักษณะร่วมที่เหมือนกันของคนที่มีความรัก  คืออยากให้คนที่เรารักมีความสุข  สิ่งเดียวที่ดิฉันมีอยู่เต็มเปี่ยมคือความรักหลานน้อยๆอย่างซาบซึ้งสุดหัวใจ 
             ยิ่งเห็นเขามีความสุข   เราก็ยิ่งมีความสุขชะมัด 
             และเมื่อเขามีความทุกข์  เราก็จะรู้สึกยิ่งทุกข์ตามไปด้วย
  
             ทุกครั้งที่พ่อและแม่ของหลานกลับมาเยี่ยม.... ได้กอดลูกน้อยแค่เพียงคืนเดียว...  แล้วต้องเดินทางไกลกลับไปทำงาน    หลานน้อยๆจะร้องไห้สุดเสียงอย่างน่าสงสาร   ดิฉันได้เห็นผู้เป็นพ่อแม่น้ำตารื้นด้วยความรักและคิดถึงลูกน้อยสุดขั้วหัวใจเช่นกัน       แต่พวกเขาก็ยังต้องจากไปเพื่ออนาคตที่มั่นคงของครอบครัวในวันหน้า 
              .....แลกกับความทุกข์ทรมานใจอย่างสุดแสนในวันนี้....

             ดิฉันต้องรับหน้าที่พาหลานหลบออกไปที่อื่น   และทำได้เพียงแค่อุ้มหลานไว้แนบอก  โอบกอดเขาอย่างทะนุถนอม  เพียรปลอบโยนให้หลานหายเสียขวัญ 
 
             แล้วก็พยายามทำอะไรเข้าสักอย่าง(ที่เชื่อว่าจะทำให้)สถานการณ์ดีขึ้น    อย่างเช่น ทำท่ากระโดดจึ๋งๆๆ     ตั๊กแกจิ้งจก   หรือ  เป่าปากบรึ๋ดๆๆๆๆจนดูหน้าคล้ายๆกบ (คือดูกระจกแล้วยังขำตัวเองไม่หาย)   หรือทำท่าทางอะไรๆประหลาดๆแบบที่คิดว่าหลานจะชอบและรู้สึกสนุกสนานตามไปด้วย 
              ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วในใจในคอหลานจะคิดอย่างไร  

              บางครั้ง   หลานน้อยๆก็ยิ้ม  และหัวเราะ  ราวกับจะปลอบใจว่า  “ไม่เป็นไรดอก”   หรือ  “พอดูได้....”       หรือ  “ก็งั้นๆแหละ  ...  แต่ก็เอาเถอะ   ไหนๆก็ไหนๆ....”
              คล้ายๆจะเห็นใจว่าคุณน้าผู้น่าสงสารได้เพียรพยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อจะปลอบใจเขา  แม้ว่าจะด้วยวิธีการที่เชยเหลือประมาณก็ตาม 
            
             และในความเป็นจริง      ดิฉันก็ไม่มีวันแทนที่พ่อกับแม่แท้ๆของเขาได้เลย  วิชาความจริงแห่งชีวิตข้อนี้  ทำให้ดิฉันสะท้อนใจนัก 

             หลานน้อยๆเติบโตอย่างรวดเร็ว   วันเวลาแห่งความสุขในปริบทชีวิตครอบครัวที่ดิฉันได้มีโอกาสหยิบฉวย(โดยไม่ได้สร้างด้วยตนเอง) ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน  เผลอไปไม่ทันไร  หลานก็เข้าชั้นอนุบาลเสียแล้ว

             ดิฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้อุ้มได้กอดและได้เล่นกับหลาน    คือช่วงเวลาอันแสนสุข   หากหลานก็ติดดิฉันเสียจนผู้ใหญ่รอบตัวเป็นห่วง   และบอกว่าให้ห่างๆหลานเสียบ้าง เพราะทันทีที่เห็นดิฉัน  หลานน้อยๆก็จะไม่ยอมหันไปหาใครอีกเลย  หากไม่เห็นก็จะร่ำร้องหา 

             ด้วยการแสดงความเป็นห่วงเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง   ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าวางตัวไม่ค่อยถูก  และเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้กลายเป็นความไม่เข้าใจ

             ดิฉันค่อยๆตัดใจห่างจากหลานด้วยความรู้สึกทุกข์ทรมาน  ดิฉันรักหลานมากก็จริง  แต่ก็ไม่ได้คิดว่าหลานน้อยๆเป็นสมบัติล้ำค่าของดิฉันแต่เพียงผู้เดียว 

             น่าแปลกนัก  ที่ชีวิตดิฉันมักเป็นเช่นนี้เสมอ  ได้ชื่นชมในสิ่งที่ใครๆก็ชื่นชอบ  แล้วก็ต้องรีบปล่อยมือไป เพื่อสวัสดิภาพของใครก็ไม่รู้     นึกแล้วก็ออกจะขำๆอยู่  เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติของความรักเช่นนี้กระมัง  ทำให้ดิฉันพลาดอะไรบางอย่างไป
             ดิฉันนึกถึงแต่ใจของตัวเอง....  ลืมคิดถึงหัวใจน้อยๆของหลานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับผู้ใหญ่ด้วยเลย 

             ช่วงที่งานยุ่งถึงขีดสุด  ดิฉันกลับบ้านหลังเที่ยงคืนอยู่เป็นเทอม  และไม่แวะไปหาหลานนานร่วมเดือน แม่กับพ่อบอกว่าไปเยี่ยมทีไรหลานจะถามถึงดิฉันทุกครั้ง  และร่ำร้องจะมาหา    แต่ดิฉันก็คิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะแวะไปหาเขา  (ทั้งที่คิดถึงหลานเหลือเกินแล้ว)

             จนวันหนึ่งโรงเรียนอนุบาลจัดแข่งกีฬา  ผู้ใหญ่ทุกคนติดภาระจึงจำเป็นต้องโทรฯบอกดิฉันให้แวะไปหาหลาน   เพราะต้องปล่อยให้หลานน้อยๆอยู่ที่สนามกีฬากับคุณครูในภาคเช้า  (ทั้งที่เป็นวันที่ควรมีผู้ปกครองไปอยู่ด้วย)  ดิฉันดีใจนัก  ทั้งที่งานยุ่งเต็มที่  แต่ตัดสินใจว่าจะไปหาหลานที่สนามสักแป๊บ 

             ตอนที่เดินเข้าไปในเต็นท์และเห็นหลานนั้น  ดิฉันก็ใจหายวูบด้วยความรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น
 
             เด็กๆอนุบาลตัวน้อยน่ารักดูร่าเริงนัก  แทบทุกคนอยู่กับพ่อแม่  หรือไม่ก็ต้องมีผู้ใหญ่สักคนนั่งอยู่ด้วย  พวกเขาดูเบิกบานสนุกสนานราวกับผีเสื้อในสวนดอกไม้  
              แต่หลานน้อยๆของดิฉันกลับแยกตัวออกมานั่งนิ่งเงียบอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว....
             คุณครูบอกว่า”น้องนั่งอยู่คนเดียวตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ  ไม่ยอมให้คุณครูนั่งด้วย”   .....

             ตอนที่ดิฉันเข้าไปนั่งคุกเข่าลงข้างๆนั้น   หลานหันมามองด้วยสายตายินดีเพียงชั่วแวบ  แล้วกลับเป็นความรู้สึกไม่แน่ใจ    ไม่เชื่อใจ    ผิดหวัง  ....... และมองหน้าดิฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่างเปล่าเสียจนดิฉันใจหาย...  
  
             ดิฉันบรรจงกอดร่างน้อยๆไว้แนบอกอย่างทะนุถนอม...ด้วยความรักสุดหัวใจ   แม้ว่าดิฉันจะไม่ได้พูดออกมา  
            ไม่ว่าหลานจะรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น  ดิฉันรู้อย่างเดียวว่าดิฉันรักเขามากที่สุด   
             เขาจะโกรธจะน้อยใจจะผลักไสดิฉันอย่างไรก็ได้  แต่ดิฉันก็ยังคงรักเขามากที่สุด.....  
 
             ดิฉันกอดหลานด้วยความรักท่วมท้นจากหัวใจ   แล้วหอมแก้มซ้าย  หอมแก้มขวา หอมหน้าผาก หอมคาง  หอมแก้มนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า  ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง  แทนคำขอโทษอย่างที่สุดจากหัวใจของน้า......

                                                          …………


             เพียงชั่วอึดใจ   ....หลานตัวน้อยก็เอามือโอบรอบคอดิฉันแน่นแล้วแนบแก้มนิ่งอยู่อย่างนั้น  


             .....และดิฉันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งหมดอีกแล้วในโลกนี้....

 

             ชีวิตครอบครัว....   มีองค์ประกอบที่แสนละเอียดอ่อนนัก  ครอบครัวจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก 

             ดิฉันได้บทเรียนชีวิตที่ละเอียดอ่อนยิ่งว่า    หากวันที่แสนอบอุ่นของเด็กคนใดก็ตาม.....ยังมาไม่ถึง    ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างก็พึงเป็นครอบครัวที่อบอุ่นให้แก่มนุษย์ตัวเล็กๆที่รู้สึกว้าเหว่เหล่านั้น   และรอวันที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าจะเติมเต็มให้กับหัวใจที่อ้างว้างของเขา 
            โปรดอย่าได้ทำร้ายหัวใจเล็กๆดวงนั้น  ...ด้วยการทิ้งเขาไปอีกเลย
             ดิฉันจะไม่ทิ้งหลานน้อยๆของดิฉันอีกแล้ว.........

             และดิฉันยังหวังเหลือเกินว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง   ทุกคนในทุกครอบครัวที่ดิฉันรัก  จะได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
 
                        
                                   และวันแห่งความสุขของพวกเขา.......  

                         ....ก็จะเป็นวันแห่งความสุขของดิฉันด้วยเช่นกัน....

 


 

 

หมายเลขบันทึก: 141949เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2007 01:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (56)

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

เบิร์ดน้ำตารื้นเมื่ออ่านจบ และเรียบเรียงความคิดอยู่นานกว่าจะสามารถเขียนได้ เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกที่ซาบซึ้ง อ่อนโยน และ " รัก " ที่จู่โจมเข้าจับหัวใจต้องหายไป ( เราสะเทือนใจจากเรื่องดีๆก็ได้ใช่มั้ยคะพี่แอมป์ )

เรามักจะ " เลือก " ด้วย เหตุผล ที่เรา " คิด " ว่าดี ..ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่เราคิดว่ามองอะไรได้รอบด้านและถูกต้อง..ด้วยความรู้สึกที่ว่าควรกันไว้ดีกว่าแก้..หรือด้วยอะไรต่างๆอีกมากมายที่เราคิดว่านั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น

แต่คนตัวเล็กๆนั้นเค้ากล้าหาญกว่า่เราอีกนะคะ  เพราะเค้าเลือกด้วยหัวใจ..ที่ตรงไปตรงมา แบบพร้อมที่จะรักๆๆๆๆๆ และรักอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขหรือเหตุผลใดๆมาประกอบหัวใจให้วุ่นวายเลยสักนิดนะคะพี่แอมป์

การสัมผัสหัวใจดวงน้อยที่กระตือรือร้นและบอบบาง ..ถ้าจะสัมผัสด้วยเหตุผลล้วนๆี่บางครั้งอาจจะแข็งเกินกว่าที่หัวใจดวงน้อยนั้นจะรับได้นะคะ เหมือนกับเราเอาหินไปวางบนปีกผีเสื้อ..ดังนั้นในการสัมผัสเค้า เราก็คงต้องสัมผัสอย่างแผ่วเบาด้วยหัวใจของเราเองเช่นเดียวกันนะคะพี่แอมป์ สัมผัสแบบลมที่นุ่มนวล ไล้เบาๆอย่างอ่อนโยน และช่วยพยุงปีกบอบบางของผีเสื้อให้โบยบินอย่างอิสระและร่าเริง

เพียงแค่เลือกและรักด้วยหัวใจ กับชีวิตน้อยๆที่เค้าเกิดมาให้เราได้รู้จักความรัก..เพียงเท่านี้เราก็จะได้รู้ว่าความสุขอยู่ใกล้นิดเดียวเองนะคะ มีระยะห่างเพียงแค่หัวใจกับหัวใจเท่านั้นเอง 

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่ดีเยี่ยมบันทึกนี้นะคะพี่แอมป์..ที่ทำให้เบิร์ดได้รู้ว่ารักนั้นซาบซึ้ง ..ยิ่งใหญ่  ไม่มีเหตุผลหรือความหมองหมางใดๆจะขวางกั้นได้ เพราะรักนั้นเกิดที่หัวใจ ..สัมผัสได้ด้วยหัวใจผ่านอ้อมกอดของกันและกัน...ขอบคุณมากๆค่ะ


 

 

เรื่องนี้สอนวิถีชีวิตได้ดีอย่างครูบาว่าทุกคนวิ่งหาแต่ความทุกข์มุ่งแต่เรียนวิชาทิ้งถิ่น  พ่อแม่คิดว่าสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวแท้จริงทำลายจิตใจของเด็กไปโดยไม่รู้ตัว
ผมมีประสบการณ์กับลูกตัวเองที่เอาไปดยู่ประจำทั้งสามคน  ลูกคนสุดท้องร้องทุกครั้งที่ไปเยี่ยมแล้วจะแยกบางคนมนไม่ได้ต้องเอาลูกออกผมทนได้แต่ได้รู้ว่าจิตใจลูกได้เปลี่ยนไปแล้ว
อีกประสบการณ์หนึ่งคุณแม่ชอบรับลูกเขามาเลี้ยงทุกครั้งที่พ่อแม่เด็กพร้อมเอาลูกกลับไปคุณแม่หัวใจสลายทุกครั้งไม่รู้เราหาทุกข์ไปเพื่ออะไร  ทั้งๆที่สุขก็มองไม่เห็น

สวัสดียามเช้าอันแสนอบอุ่นกับบล็อกดีๆของพี่แอมป์ค่ะ ไม่ได้มานานแล้ว.........มาทีไรเจ๋งสุดๆเลยค่ะพี่ อิจฉานะ คนที่มีอรรถรสด้านทักษะการเขียน อย่างพี่แอมป์ คุณเบิร์ดด้วยอีกคน การเป็นผู้ให้ ต้าว่ามันช่างอิ่มเอิบใจกว่าเป็นผู้รับตั้งโขเลยเนอะ...ต้าเข้าใจความรู้สึกของพี่ตอนไปเจอหลานที่สนามกีฬานั่น.....เพราะต้าก็ประสบมาหลายหนเช่นกัน.............หลานชายของต้า อยู่อนุบาล 3 กำพร้าพ่อตั้งแต่อายุ 8 เดือน แม่ก็ไปแต่งงานใหม่ แกจะนอนใต้จั๊กกะแร้ต้าทุกคืน ตอนนี้เป็นหนุ่มน้อยร่างกายแข็งแรง เป็นนักวิ่งเหรียญทองของร.ร.ไปแล้ว....มักจะถามให้บาดใจทุกครั้งว่า....ทำไมพ่อแม่ของนนท์ ไม่อยู่ละ เวลาที่นนท์วิ่ง ได้เหรียญทองแบบนี้.....นอกจากจะอึกอีกๆทุกครั้งก่อนตอบ ต้าก็จุกที่หัวใจทุกที....มันยากที่จะอธิบายสิ่งละเอียดอ่นแก่เด็กเล็กนะคะ อย่างไรซะ...ทุกชีวิตก็มีการจัดการตัวเองอยู่แล้ว....เราแค่ช่วยส่งเสริมให้ความรัก ความเอ็นดูแก่ชีวิตเล็กๆเหล่านี้จนเขาแข็งแกร่งต่อไปดีกว่านะคะพี่แอมป์ สู้ๆค่ะพี่

สวัสดีครับพี่แอมป์

สบายดีไหมครับ ยอดมากๆ ครับพี่ อ่านแล้วคือถ่ายทอดหลายๆ ความรู้สึกของผมออกมาได้เยอะมากเลยครับพี่ ทำให้ผมย้อนถึงการเลี้ยงเด็กๆ ในอดีตตอนที่ยังอยู่้บ้านครับ ทำให้เห็นภาพพี่แอมป์กำลังเต้นกระโดดต่อหน้าตัวน้อยด้วยเลยครับ ปรบมือไป เต้นไป ทำตาแปลกๆ จี้เอวตัวน้อย และ อื่นๆ หากนึกมุกใหม่ไม่ออกก็ใช้มุกเก่าไปก่อนสลับกันไป ห้าๆๆๆๆ

แต่อ่านแล้วซาบซึ้งครับผม และสะท้อนวิถีไทยหลายๆ อย่างๆ ได้ดีมากๆ เลยครับ เมื่อไหร่ปลาจะหันหัวกลับรังครับพี่  ทำให้นึกถึงแผนที่ปลา อีกแล้วครับพี่

ขอบคุณมากครับผม 

 P เบิร์ด


สวัสดีจ๊ะเบิร์ด


วันที่พี่แอมป์กอดและหอมแก้มหลานตัวน้อยครั้งแล้วครั้งเล่า  ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งนั้น   พี่แอมป์ไม่ได้พูดอะไรออกมา  

ถ้าหากหัวใจพี่แอมป์พูดได้   ก็คงบอกหัวใจดวงน้อยของหลานว่า   “ น้าแอมป์ขอโทษ...   น้าแอมป์ขอโทษจริงๆนะจ๊ะ....   น้าแอมป์ขอโทษที่สุดเลยลูก...”   

และวันนั้น     พี่แอมป์ไม่ได้ร้องไห้

แต่วันนี้      พี่แอมป์อ่านความเห็นของเบิร์ดแล้วก็นั่งเงียบๆอยู่พักนึง 
 
พี่แอมป์ไม่ได้ร้องไห้.....แต่น้ำตามันไหลเอง......   เพราะเบิร์ดพูดได้จับใจเหลือเกิน.... 
 
“ถ้าจะสัมผัสด้วยเหตุผลล้วนๆ” ก็คง “เหมือนกับเราเอาหินไปวางบนปีกผีเสื้อ..”  
    
บางที...ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งและส่งตรงถึงใจเรานั้น  ก็ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจด้วยความเข้าใจ  และด้วยความเข้าใจนี้  จะทำให้”ใจ”ของเราละเอียดอ่อน 
และพร้อมจะเข้าใจ “หัวใจ” ผู้อื่น  ได้อย่างเข้าถึงใจเขามากขึ้นกว่าเดิม 

ถ้อยคำทั้งหมดของเบิร์ด......สื่อความหมายจากใจถึงใจได้ละมุนละไมนัก  และทำให้พี่เข้าใจความรักของผีเสื้อปีกบางมากขึ้น : )

วันนี้   พี่ได้”ผีเสื้อตัวน้อย”ของพี่คืนมาแล้ว   และพี่ก็จะทะนุถนอมหัวใจดวงน้อยที่แสนงดงามและบอบบางของเขา   ด้วยความรักทั้งหมดจากหัวใจของพี่
 
ขอบคุณเบิร์ดมากที่สุดเลยนะจ๊ะ  : )

 P สวัสดีค่ะอาจารย์เอกชัย

ขออนุญาตเรียกอาจารย์ตามน้องเบิร์ดนะคะ   และรู้สึกขอบพระคุณมากที่อาจารย์แวะมาเยี่ยมบันทึก

ดิฉันเคยคิดว่าการมีห่วงผูกพันนั้นเป็นสุขในทุกข์   และการไม่มีห่วงผูกพัน  แปลว่ามีทุกข์ในสุข   และไม่ทราบจริงๆว่าที่คิดไปนั้น  ถูกต้องตามภาวะที่เป็นหรือไม่    

เมื่อแก่ตัวเข้า... ดิฉันก็ได้เห็นว่าห่วงนั้นอยู่ที่ใจ  หากใจยังรู้สึกผูกมัดและห่วงหา  ก็ได้เห็นว่านั่นแหละทุกข์   

อย่างไรก็ตาม  ดิฉันคิดว่าผู้มีครอบครัว จะได้โอกาสในการพัฒนาวุฒิภาวะทางจิตใจมากกว่าคนโสด  เพราะได้สร้างห่วงผูกพันขึ้น  และรับเอาผลโดยตรงอันเกิดจากห่วงผูกพันนั้น  

คงเหมือนนักวิ่งในสนามกีฬา  ย่อมได้รับเอาผลโดยตรงจากการวิ่งครั้งนั้นๆ โดยตนเอง  ส่วนกองเชียร์ ก็รับเอาผลโดยอ้อม  แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงเกี่ยวข้องกันโดยกระบวนการกีฬา  

ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจในเรื่องที่อาจารย์กรุณาเล่าให้ฟังนะคะ    บางทีเราก็คงเลือกทุกอย่างให้เป็นอย่างที่ใจคิดไม่ได้  แม้ว่าเราจะได้บรรจงเลือกอย่างดีที่สุดแล้ว
เพราะทุกครั้งที่เราเลือก..... สิ่งที่เราไม่ได้เลือก.. จะติดมาด้วยเสมอ...  แต่คุณค่าของสิ่งที่เราได้เลือกไป  ก็อาจพอทดแทนกันได้ในสักวันหนึ่ง  ดิฉันหวังอย่างที่สุดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น

(คือหลายๆครั้งดิฉันก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น) : ) 

ขอบพระคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามาร่วมสนทนานะคะ  ดิฉันชอบประเด็น  มุ่งแต่เรียนวิชาทิ้งถิ่น   ที่อาจารย์พูดถึงมากด้วย  แต่หากตอบต่อ เกรงว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว   จึงต้องตอบสั้นๆเพียงเท่านี้ก่อน (คือตอบอย่างสั้นของดิฉันก็ประมาณนี้นะคะ) : )

ขอบพระคุณมากอีกครั้งที่อาจารย์แวะมาและฝากข้อคิดที่ชวนให้ร่วมสนทนาด้วยอย่างยิ่งนะคะ

มากอดน้าแอมป์ อาแอมป์ที่น่ารักอีก 1 ทีแน่นๆนานๆค่ะ พี่โอ๋เป็นคนหนึ่งที่เคยไม่อยากมีลูก เพราะคิดว่าเด็กๆในโลกนี้ที่เราควรช่วยดูแลมีอยู่เยอะแยะแล้ว แต่โดนสะกิดใจจากคำพูดของพี่คนหนึ่งว่า หน้าที่ที่ธรรมชาติให้มาสำหรับผู้หญิงคือการมีลูก และต้องสร้างคนดีๆให้โลกนี้ต่อๆไป ทำให้ตัดสินใจมีครอบครัวเพื่อที่จะได้เป็นแม่ และบอกได้เลยว่า ตั้งใจไว้เกินร้อยค่ะว่า จะดูแลและอยู่กับลูกจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาไม่ต้องการเราแล้ว ลูกคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตพี่โอ๋ แต่เป็นความสำคัญแบบที่ีเราเป็นอิสระต่อกันนะคะ เขาเป็นตัวของเขาเอง แม่มีหน้าที่ดูแล สั่งสอนให้เขาคิดเป็น เราพยายามเป็นแม่แบบที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และสิ่งสำคัญที่สุดที่พี่โอ๋ทำให้ลูกรู้ก็คือ แม่คือคนที่พร้อมจะอยู่กับเขาทุกโอกาสทั้งสุขและทุกข์ ยินดีรับฟังทุกเรื่องราว ทั้งผิดและถูก และแม่จะไม่บอกว่าถูก ถ้าลูกผิดแต่จะช่วยแก้ปัญหาถ้าลูกต้องการ

เด็กๆไม่ได้ต้องการวัตถุสิ่งของใดๆเลยค่ะ สิ่งที่สำคัญและมีค่ามากมายเสมอก็คือ ความรักความเข้าใจ และความมั่นใจว่าเขาเป็นที่รัก ที่ต้องการของพ่อแม่ หรือคนที่ดูแลเขา ครูดีๆก็ช่วยให้คนขาดพ่อแม่รู้สึกดีๆกับตัวเองและเป็นคนดีได้ต่อไป

ขอบคุณบันทึกดีๆที่อ่านแล้วทำให้หัวใจอ่อนโยน อยากให้ทุกคนที่มีเด็กเล็กๆใกล้ตัวได้อ่านค่ะ น้องแอมป์เป็นนักเขียนถ่ายทอดสิ่งที่คิดได้ดีเหลือเกินค่ะ

พี่โอ๋รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้งที่เห็นครอบครัวที่ต้องทิ้งลูกเล็กๆให้คนอื่นเลี้ยง หัวใจดวงน้อยๆที่บอบช้ำนั้นเยียวยายากมากค่ะ โดยเฉพาะถ้าพ่อแม่ไม่สามารถสื่อสารให้ลูกมั่นใจได้ว่า พ่อแม่รักเขามากตลอดเวลาแม้อยู่ห่างกัน 

 P

สวัสดีด้วยความคิดถึงจ๊ะต้า

ขอบคุณที่ต้าแวะมาเยี่ยมนะจ๊ะ  พี่แอมป์เพิ่งได้ปิดเทอมจริงๆ   ก็เลยพอมีเวลามาโพสต์บันทึกและแวะไปสื่อสารกับพี่ๆน้องๆตามโอกาสอำนวย  และอาทิตย์หน้าก็จะเปิดเทอมใหม่อย่างรวดเร็วอีกแล้ว  สุดยอดจริงๆ.....

ขอบคุณมากที่ต้าเข้าใจความรู้สึกของพี่แอมป์นะคะ   และพี่แอมป์ประทับใจเรื่องหลานของต้าจัง  เขายังโชคดีนักนะคะ  ที่มีต้าเป็นกำลังใจจนเติบใหญ่  และเมื่อต้า   "ให้ความรัก ความเอ็นดูแก่ชีวิตเล็กๆเหล่านี้จนเขาแข็งแกร่ง" พี่ก็เชื่อว่าจิตใจของเขาก็จะอ่อนโยนในขณะเดียวกัน  เพราะได้รับความรักจากต้าอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว

และขอบคุณอีกทีที่ต้าให้กำลังใจพี่แอมป์เรื่องเขียนบันทึกนะคะ   คือบางทีพี่แอมป์ก็ขำตัวเองที่เขียนอะไรยาวๆ     แต่เวลาเขียนก็อยากเขียนให้ครบอย่างที่ใจคิด 
.....ก็เลยย้าวยาวๆๆ เป็นขบวนรถไฟทุกทีอะค่ะ.....

ขอให้ต้าทำงานอย่างมีความสุข  และพบแต่คนดี  แม้จะได้พบคนแปลกหน้าในบางครั้ง  ก็ขอให้เป็นคนดีนะคะ  : )

 P

 สวัสดีค่ะน้องเม้ง

เม้งสบายดีนะคะ  ส่วนพี่แอมป์สบายดี จนกระทั่งเม้งบอกว่านึกเห็นภาพพี่แอมป์กำลังกระโดดโลดเต้นเนี่ยแหละค่ะ     นึกหวั่นๆเหมือนกันว่าถ้าใครมาเห็นพี่ตอนนั้นแล้วเขาจะยังเห็นพี่สบายดีอยู่รึปล่าว   แต่เห็นหลานน้อยๆไม่ทักว่ากระไร  ทั้งที่พี่ใช้มุกวนไปวนมาอย่างเม้งว่าน่ะแหละ  พูดเหมือนตาเห็นเลย  อิๆๆๆๆ

วิถีครอบครัวก็คือวิถีชีวิตดีๆนี่เองนะคะ  ชีวิตไม่มีคำตอบสำเร็จรูป  ครอบครัวก็ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปเหมือนกัน    แต่วิถีครอบครัวไทยโดยทั่วไปนั้นยังน่ารักนัก  เพราะนอกจากพ่อกับแม่(และพี่น้อง)แล้ว ยังมีลุงป้าน้าอาปู่ย่าตายายยาวไปจนถึงทวดคอยรับไม้ต่อมือกันเป็นทอดๆ  
.....วันใดก็ตามที่เราเห็นคุณค่าสายใยและหัวใจของความเป็นครอบครัว  วันนั้นปลาก็จะหันหัวกลับรังกระมังคะ....

ขอบคุณที่เม้งแวะมายืนฟังพี่แอมป์บ่นเอ๊ยคุยค่ะ  โฉมใหม่นี่ต้นไม้สีสดใสข้างหลังดูดีทีเดียวนะคะ  อิอิอิ  : )

 

 P  

สวัสดีด้วยความคิดถึงยิ่งค่ะพี่โอ๋

แอมแปร์ก็ขอกอดคุณแม่ที่น่ารักอย่างพี่พี่โอ๋สองทีนานๆด้วยค่ะ คือตอนนี้กลางคืน  แอมแปร์ไม่เขินเลย  : )

ความรักลูกอย่างสุดหัวใจของคนเป็นแม่นี่น่ารักจังเลยนะคะ  เห็นทีไรมีความสุขทุกที   การเลี้ยงลูกสมัยนี้แม้มิใช่เรื่องง่าย  แต่หากคุณแม่(และคุณพ่อ)สอนให้ลูกคิดเป็น  อย่างที่พี่โอ๋เล่า   ดูแลและอยู่กับลูกจนกว่าจะถึงเวลาที่เขาไม่ต้องการเรา  ลูกก็ย่อมมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจอย่างดี  และแกร่งพอที่จะก้าวออกไปเผชิญโลกภายนอกได้ในที่สุด 

เขาไม่ต้องการเรา  แปลว่าเขาไม่ต้องการให้เราปกป้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าวอีกต่อไปแล้ว  แต่เขายังต้องการให้เราอยู่แบบที่ทำให้เขา....."มั่นใจได้ว่า พ่อแม่รักเขามากตลอดเวลาแม้อยู่ห่างกัน"

สายใยของความเป็นครอบครัวนั้น  เหนียวแน่นกว่าสายสัมพันธ์อื่นใด

ขอบพระคุณพี่โอ๋มากที่แวะมาทักทายด้วยความอบอุ่นเช่นเคยนะคะ  แอมแปร์เห็นพยานยืนยันความอบอุ่นในครอบครัวพี่โอ๋แล้วก็ยิ้มชอบใจอยู่คนเดียว.....
......ตอนนี้ลูกชายตัวโตกว่าคุณแม่แล้วอะค่ะ....  : ) 

สวัสดีค่ะอ.ดอกไม้ทะเล ^ ^

ดีนะเนี่ยที่วนมาอ่านบันทึกเก่าใน planet ไม่งั้นล่ะอดอ่านบันทึกนี้แน่ๆ

ตัวเองก็มีหลานชาย ๒ คน (แต่ว่าเป็นป้าไม่ได้เป็นน้า อิอิ) รู้สึกรักเขาแบบนี้เหมือนกัน นี่ขนาดไม่ได้เลี้ยงแบบที่อาจารย์เลี้ยงนะคะเนี่ย แค่ไปเจอเขาทุกเสาร์หรืออาทิตย์เท่านั้นเอง

เมื่อกี้อ่านมาถึงตอนท้ายบันทึกที่เวลาหลานกอดเราแล้วเข้าใจถึงความรู้สึกดีเลยค่ะ เด็กจะรับรู้ได้ค่ะว่าใครรักเขามาก แล้วเขาจะตอบสนองกลับด้วยความรักและการแสดงออกแบบนี้ ทำให้เรามีกำลังใจ รู้สึกอยากทำอะไรๆ ให้เขามากขึ้นไปอีก ดีจังเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ นะคะ ^ ^ 

 

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์..

อ.หมู ลิงค์บันทึกนี้มาให้ต้อมอ่าน  และพอได้มีเวลานั่งอ่านเงียบ ๆ ก็รู้สึกได้ว่า อ. รักหลานน้อยมากมายเพียงไหน  

อ.เคยอ่านหนังสือ "พระจันทร์เสี้ยว" ของท่านรพินทรนาถ  ฐากูร ไหมคะ?   ท่านป็นปราชญ์นักเขียนชาวอินเดีย    อยากให้ลองหามาอ่านค่ะ   

สวัสดีค่ะอาจารย์กมลวัลย์

เมื่อคืนดิฉันอยู่ดึกไปหน่อยเลยตื่นสายไปนิด  ตื่นปุ๊บก็รีบกระโจนไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็วไว  แล้ววิ่งจู๊ดไปเสียบกุญแจ สตาร์ทรถอย่างคล่องแคล่ว    
.... แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันเสาร์....และเป็นวันปิดเทอม

.....สุดยอดอะค่ะ....  : )

ดิฉันเลยนั่งขำตัวเองอยู่พักนึง  เพราะรู้สึกว่าได้เป็นครบทุกสถานภาพแล้ว  ทั้งน้า  อา  ป้า  และยาย  
จะว่าไปแล้วนับตามศักดิ์ดิฉันก็มีหลานยายแล้วจริงๆ  และดูตามเหตุการณ์เมื่อเช้า    ดิฉันก็มีแววจะเป็นคุณยายเต็มขั้นได้อยู่  (โดยไม่ต้องรอให้หลานเลื่อนขั้นให้)  อิอิ

ดีใจที่อาจารย์แวะมานะคะ    การมีหลานนับเป็นลาภอันประเสริฐ  : )  เด็กๆเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่น่ารักนัก ถึงเขาจะดื้อจะซนบ้าง  ก็เป็นไปตามธรรมชาติ   คุณป้าอย่างเราก็สนุกรื่นเริงไปกับธรรมชาติของเขา   เขาก็คงรู้ว่าเรารัก 

"แล้วเขาจะตอบสนองกลับด้วยความรักและการแสดงออกแบบนี้ ทำให้เรามีกำลังใจ รู้สึกอยากทำอะไรๆ ให้เขามากขึ้นไปอีก"  ใช่อย่างที่อาจารย์บอกเลยค่ะ 

ขอบพระคุณที่อาจารย์แวะมาและทำให้วันหยุด ^ ^ (จริงๆ)วันนี้ เป็นวันที่มีความหมายดีๆอีกวันนะคะ .....  

พี่แอมป์!!!!!!

เอาก้อนอะไรมาวางไว้ในคอมัท มันตันมันตี้นจนดันน้ำตาออกมาด้วย

มาทำท่า "กระโดดจึ๋งๆๆ     ตั๊กแกจิ้งจก   หรือ เป่าปากบรึ๋ดๆๆๆๆจนดูหน้าคล้ายๆกบ" ให้น้องดูเดี๋ยวนี้น้าาาา : )

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ(อีกแล้ว)ค่ะ ความคิดเห็นก็ดี พี่แอมป์ตอบก็ดี ขอบคุณมากๆค่ะ

"เขียนอย่างที่ใจคิด" นี่มันมีพลังอย่างนี้นี่เอง : )

 

 

พี่แอมป์ครับ

P

ผมเข้ามาอ่านบันทึกนี้หลายรอบด้วยกันครับ ได้ซึมซับเอาความละเอียดอ่อนที่พี่ถ่ายทอดมา ได้อารมณ์กรุ่นรัก จนล้นออกมาทางบันทึกพี่ช่างถ่ายทอดได้ละมุมละไมดีแท้

ความรัก ความผูกพัน เป็นความงดงามนะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใจกับใจเชื่อมกัน ความสุขระหว่างความสัมพันธ์ก็เพิ่มทวี

เด็กเหมือนผ้าขาว จิตใจที่ละเอียดบางครั้งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ ดังนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก จึงเป็นเหตุปัจจัยในการหล่อหลอมพวกเขาเสมอ

และเด็กทุกคนก็มีสิทธิ์ได้รับความรักความอบอุ่นเช่นนี้

ผมนึกไปถึงเด็กที่ด้อยโอกาส เด็กที่ถูกทอดทิ้งด้วยเหตุใดก็ตาม เขาจะต้องต่อสู้กับความโหดร้ายที่เขาประสบขนาดไหน

ผมสนใจงานด้านเด็กครับ หากมีโอกาสผมอยากจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ...ร่วมสร้างโลกที่สวยงามสำหรับพวกเขา หล่อหลอมพวกเขาเพื่อเป็นคนที่มีความสุข คนที่มีคุณภาพของสังคมเราต่อไปครับ

ขอบคุณพี่แอมป์มากครับ สำหรับบันทึกที่ดีบันทึกนี้

 

สวัสดีค่ะน้องต้อม

ขออนุญาตเรียกน้องต้อมและแทนตัวว่าพี่แอมป์เลยนะคะ  พี่แวะไปบันทึกน้องต้อมหลายหนแล้ว  โดยเฉพาะบันทึกคำสาปฟาโรห์ ชอบมากๆๆๆๆ  แล้วก็ชอบ"หนังสือทำมือ" ของต้อมที่สุดเลยค่ะ    แต่ยังไม่ได้ฝากรอยพิมพ์ไว้ 

พี่แอมป์เข้าไปบันทึกใคร เป็นได้เผลอพิมพ์ตอบยาวกว่าบันทึกเขาอยู่หลายหนจนอายเขาแล้วอะค่ะ  : )

ขอบคุณที่น้องต้อมแวะมาเยี่ยมบันทึกนะคะ     และขอบคุณมากสำหรับหนังสือแนะนำ       พี่แอมป์เคยอ่านหนังสือ  พระจันทร์เสี้ยว ตอนเรียนที่กรุงเทพฯ และชอบมากเลยค่ะ     ดีใจจังที่น้องต้อมช่วยรื้อฟื้นความทรงจำ  พี่ยังเสียใจอยู่เลยที่ไม่ได้ซื้อไว้ 

เดี๋ยวมีจังหวะต้องไปหามาไว้ข้างหมอนสักเล่ม  อ่านก่อนนอนแล้วหลับฝันดี..... 

ขอบคุณอีกทีที่น้องต้อมแวะมา  และฝากขอบพระคุณไปถึงพี่หมูด้วยนะคะ  ที่ลิงก์มาให้เราได้เจอกัน  รู้สึกดีชะมัดอะค่ะ  : )

สวัสดีด้วยความซาบซึ้งใจมากเลยค่ะ อ.มัท

บันทึกถึงหลานบันทึกนี้ทำให้พี่แอมป์กลายเป็นคนขี้แยไปได้ยังไงก็ไม่รู้.... ..  

ฟังที่เบิร์ดพูดให้ข้อคิด (ได้อย่างนุ่มนวลน่ารัก)....พี่ก็น้ำตาไหล......    และแค่ อ.มัทขึ้นต้นพูดได้สองประโยค  พี่แอมป์ก็น้ำตาร่วงอีกแล้ว.... 

พิมพ์ไปเช็ดน้ำตาป้อยๆไป   เช็ดของพี่ที  ...เช็ดให้น้องที.....              

               ....โอ๋.... นิ่งนะจ๊ะคนดี....  : )

ขอกอดน้องสาวที่น่ารักของพี่แน่นๆสองทีเลยนะจ๊ะ   ทำไมพี่โชคดียังงี้น้า 

การที่ได้รู้จักคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและเห็นคุณค่าที่ลึกซึ้งของความรัก   แล้วยังส่งความรักเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทนด้วยนั้น   พี่คิดว่าเป็นโชคดีที่สุดแล้วในโลกนี้......

ขอให้งานเสร็จไวๆแบบประทับใจโปรเฟสเซอร์เลยนะคะ อ.มัท  : )

  • พี่แอมป์ คะ.. (( ตู่เรียกพี่เสียเลย อิอิ ))

หนังสือ "พระจันทร์เสี้ยว" ของ ท่านรพินทรนาถ  ฐากูร เป็นหนังสือเล่มโปรดอีกเล่มที่ต้อมแสนหวง   หน้าปกเป็นสีน้ำเงิน  มีรูปพระจันทร์เสี้ยวและดอกไม้   น่ารักดีค่ะ 

ข้างในนั้นมีทั้งภาคภาษาอังกฤษและภาษาไทย  แปลโดย นายแพทย์วิทูร แสงสิงแก้ว

ภาษาที่ใช้ก็แสนจะง่ายงาม  และถ่ายทอดถึงความคิดของเด็กได้โดนใจ

ของต้อมมีหนึ่งเล่ม  แต่ได้มอบให้พี่สาวจากโลกไซเบอร์คนหนึ่งไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แล้วค่ะ    เพราะหาซื้อเล่มนั้นจากที่ไหนไม่ได้เลย  บอกพี่สาวคนนั้นไปว่า "ถ้าต้อมหาเล่มใหม่เจอ  ต้อมจะเอามาแลกเล่มนี้คืนนะ"   ^_^

  P 

 สวัสดีสองครั้งในบันทึกเดียวกันเลยค่ะน้องเอก

วันนี้ญาติๆพี่แอมป์มาเต็มบ้าน พี่แอมป์วิ่งเข้าวิ่งออกหลายที    และเน็ตก็เร้าใจดีมากค่ะ  พี่บรรจงตอบความเห็นอย่างตื่นเต้นมาก  เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ทุกครั้งที่ลูกช้างคลิก.... : )

และรู้สึกขอบคุณน้องเอกชะมัดเลย   เพราะเห็นรูปใหม่ของน้องเอกแท้ๆ  ทำให้พี่แอมป์นึกได้อีกหนว่าเวลาตอบบันทึก  อย่าลืมรูปเจ้าของความเห็นด้วย หลังจากที่ตอบท่านก่อนหน้าโดยลืมใส่รูปอีกแล้ว 
เลยขออภัยท่านสุภาพสตรี ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ   : )

ตอนนี้พี่แอมป์หายตื่นเต้นแล้ว (คือว่าพี่ทำใจได้เร็ว)  แต่เปลี่ยนเป็นรู้สึกดีใจมากแทน  ที่ได้รู้ว่าน้องเอกสนใจงานที่เกี่ยวข้องกับเด็ก     เลยไม่แปลกใจแล้วที่เด็กชายกาเบรียลตัวน้อยกล้าเข้าไปหยอกล้อและจี้เอวลุงเอกถึงในบ้าน 

ขอบคุณมากๆที่น้องเอกแวะมาคุยกับพี่แอมป์อย่างอ่อนโยนเช่นเคย   จิตใจที่อ่อนโยน อบอุ่น และนุ่มนวล สัมผัสความรักได้เช่นนี้  เด็กๆเขาสัมผัสได้นะคะ   เด็กเล็กๆความรู้สึกไวกว่าผู้ใหญ่มากมายนัก 

และพี่แอมป์ก็เชื่อว่าเมื่อถึงวันที่น้องเอกได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็ก  ด้วยหัวใจที่อ่อนโยนของน้องเอก  ก็จะทำให้เด็กๆได้เห็นโลกที่สวยงามและ"ใจดี"มากๆอยู่ตรงหน้า

             .....แบบที่กาเบรียลตัวน้อยมองเห็นนะคะ .... : ) 

  P

สวัสดีค่ะน้องต้อม

น่านเลย.... พี่นั่งนึกตั้งนานว่าใครแปลน้า  ใครแปลน้า...  กำลังจะคลิกกุ๊กเกิ้ลพอดีเลย   ขอบคุณมากๆที่มาเฉลยให้พี่หายสงสัยนะคะ 

พี่จะลองไปหาซื้อดู  ได้ผลอย่างไรจะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ  : )

P อาจารย์แอมแปร์ค่ะ ขอป้าหมูกอดน้าแอมแปร์แน่น ๆ และนาน ๆนะค่ะ

พี่หมูจ๊ะ

แอมแปร์เต็มใจให้กอดแต่โดยดี และไม่ขัดขืนเอ๊ยไม่ขัดเขินเลยค่ะ  

ขอให้หลับฝันดีนะคะพี่หมู : )

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

อ่านแล้วซึ้งมากค่ะ เข้าใจคนหัวอกเดียวกันค่ะ (พวกมีหลานนะค่ะ) อยากบอกว่ารักหลานมาก ๆ เวลาเขาไม่สบาย นอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ แถมมานอนกับเราอีก (ไม่ยอมนอนกับพ่อแม่)

เมื่อวานเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ ไปงานเลี้ยงวันเกิดอ.แสวง รวยสูงเนินค่ะ  เขาโทรมาตั้งแต่อ.แสวงยังไม่มา ร้องไห้สะอึกสะอื้น ว่าวันนี้ราณีไม่พาเขามานอนด้วย ไอ้เราก็ปลอบใจใหญ่เลย และบอกว่าจะไปงานเลี้ยง ก็ไม่ยอมเงียบ ก็เลยบอกว่าหลังกลับจากงานเงียบจะไปรับนะ ประมาณ 4 ทุ่มกว่า (แบบบอกส่ง ๆ เพื่อให้เด็กสบายใจนะค่ะ )เพราะหลานราณีตื่นตั้งแต่ ตี5 กว่า ไปตักบาตรกับราณีค่ะ เขายังไม่ได้นอนเลยค่ะ ไอ้เราก็คาดว่า 4 ทุ่ม เดี๋ยวเด็กก็หลับ อิอิ  แต่ที่ไหนได้ ตอน 4ทุ่มกว่า พ่อโทรมาบอกว่าเด็กไม่ยอมนอน ทั้ง ๆ ที่ง่วงมาก ร้องไห้ ให้พ่อโทรมาหาให้ราณีไปรับมานอนด้วย โห งงเลย ก็เลยต้องไปรับมานอน เด็ก ๆ ดีใจใหญ่เลยค่ะ  พอมาถึงบ้านแปรงฟัน ขึ้นที่นอนได้ก็หลับ ทั้ง 2 คนเลย อิอิ เฮ้ออุตส่าห์รอนะเนี่ย เด็กหนอเด็ก

เล่ามาเป็นตุเป็นตะ พี่แอมป์เบื่อที่จะอ่านไหมค่ะเนี่ย มีอีกหลายเรื่องค่ะเรื่องวีรกรรมหลาน ๆ ค่ะ

มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น คิดว่าหากครอบครัวไทย เป็นอย่างนี้ ซัก 70% ลูก หลานไทยคงได้เติบโตมาท่ามกลางความรัก ความอบอุ่น และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับเด็กไทยคงดลงมาก

สวัสดีค่ะ อ.ราณี ที่คิดถึงมาก

หลานๆสองคนที่เล่านี้ใช่สองสาวน้อยตาหวานในบันทึก"ทุบกระปุก" รึปล่าวคะ ?  เห็นแล้วรักเลยอะค่ะ  น่ารักชะมัด!

ชอบใจเรื่องหลานๆที่ อ.ราณี เล่าให้ฟังชะมัดเลยค่ะ  ไม่รู้จักเจ้าตัวเล็กซะแล้ว  : )  เด็กๆจำแม่นน่าดูนะคะ  อ.ราณี    เราสัญญาอะไรไว้ เขาจะทวงสัญญาอย่างเปิดเผย  จริงใจ  และตรงไปตรงมา 

ถ้าเราลืม... ทีนี้เขาจะประท้วง..!   อิๆๆๆๆ

ที่พี่แอมป์ฟังแล้วชื่นใจนัก  คือที่ อ.ราณีบอกว่าหลานน้อยๆ "รอ" อ.ราณีเพราะ สัญญาว่าจะรับเขาไปนอนด้วย  เรื่องเล่นตอนกลางวันนี่ สำหรับเด็ก จะเล่นที่ไหนเมื่อไหร่กับใครก็ได้  ....แต่เรื่องนอนตอนกลางคืนนี่  ต้องกับคนที่เขารักและไว้ใจจริงๆเท่านั้น..... 

ธรรมชาติให้เครื่องป้องกันตัวแก่เจ้าตัวเล็กไว้อย่างดีเลยนะคะ   สัญชาตญาณของเด็กนั้น "ไว" เหลือเกิน  แล้วเขาก็จริงใจอย่างที่สุดด้วย ถ้าเราไม่ใช่คนที่คู่ควรที่จะนอนเคียงข้าง   เขาก็จะร้องแงแงแง..  แง้แง้แง้...   แล้วก็ จ๊ากจ๊ากจ๊าก...!!!    ต่อเนื่องกันไปจนครบเวอร์ชั่น    รับรองว่าคืนนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอน    : ) 

ยินดีที่ อ.ราณีผ่านคืนนั้นมาโดยสวัสดิภาพนะคะ   (อิอิ)  ขอบคุณจริงๆค่ะที่แวะเอาเรื่องเล่าประทับใจของหลานน้อยๆที่น่ารักมาฝาก  เรื่องของเด็กๆพี่แอมป์อ่านได้ไม่มีเบื่อเลยค่ะ 

ได้อ่านวีรกรรมน่ารักๆของมดตัวน้อยตัวนิด  อ่านแล้วชีวิตมีความสุขขึ้นอีกเยอะอะค่ะ.....  : )

สวัสดีค่ะคุณ nunchapon

ยินดีที่คุณ nunchapon   แวะมานะคะ และยิ่งรู้สึกชื่นใจที่คุณบอกว่า "มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น"  ทำให้ดิฉันชื่นใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน 

หลังจากที่ได้นั่งน้ำตาร่วงเป็นเทียนหยด  เพราะอ่านความเห็นที่แสนจะจับใจของน้องสาวสองสาวข้างบน     คือก่อนหน้านี้ดิฉันไม่ได้ร้องไห้เลย  .....จนกระทั่งได้ฟังที่น้องบอกอย่างนุ่มนวลน่ารักเช่นนั้น...... 

ดิฉันเห็นอะไรอย่างหนึ่งจากชีวิตที่ผ่านมาค่ะคุณ nunchapon  บางทีชีวิตครอบครัวอาจไม่ได้สมบูรณ์พร้อม  แต่ "ความรักและความเข้าใจในกันและกัน"  ทำให้ความเป็นครอบครัวนั้น  มีความหมายขึ้นมา

แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์พร้อม.....  แต่ในความไม่สมบูรณ์พร้อมนั้นแหละ  ทำให้เราเห็น "คุณค่าของสิ่งที่ขาดหายไป" นับเท่าทวีคูณ

ดิฉันนึกถึงที่ อ.ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ กล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า  "ทุกคนย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องในบางสถานการณ์ไม่มากก็น้อย"   หากมองว่าชีวิตเล็กๆนั้นคือสิ่งสำคัญและมีค่าที่สุดในชีวิตเรา  เราทุกคนย่อมมีส่วนบ้างไม่มากก็น้อยที่จะทำให้เป็นไป  .....ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับที่เราจะทำให้เป็น....   

และแน่นอนว่าอาจไม่เป็นไปเช่นที่เราอยากให้เป็นทั้งหมด    แต่อย่างน้อย...ก็น่าจะดีกว่าปล่อยโอกาสในการดูแลชีวิตเล็กๆ(ที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้นั้น)ให้หลุดมือไป  และดิฉันก็ยังแน่ใจว่าในความเป็นครอบครัวไทยในวิถีไทยนั้น  หากไม่ใช่ภาวะบีบคั้นคับข้องอย่างที่สุดแล้ว  ไม่ใครก็ใครคนใดคนหนึ่ง... จะต้องเพียรพยายามพยุงยึดโยงและประคับประคองและดูแลเจ้าตัวจ้อยกันไปจนตลอดรอดฝั่ง....... 

ดิฉันขอเอาใจช่วยเครือญาติทุกท่านที่กำลัง"ดูแลฟูมฟัก"ชีวิตเล็กๆเหล่านั้นนะคะ  แม้ว่าท่านจะมิใช่ผู้นำเขามาสู่โลกนี้  แต่ท่านก็จะเป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขา...ในบางสถานการณ์ (ไม่มากก็น้อย)

และในการเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น  ก็ขอให้เป็นการสร้างคุณค่าและความหมายให้แก่ชีวิตเล็กๆที่สักวันจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เหมือนเรา..... ด้วยความรักและความเข้าใจ 

เขาจะได้ตระหนักถึงคุณค่าของความรัก และรู้จักให้ความรักต่อๆไป  ด้วยความเข้าใจถึงคุณค่าและความหมายของความรักอย่างลึกซึ้ง  แบบเดียวกับที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้....... 
: )

ขอบคุณคุณ nunchapon มากนะคะที่แวะมา ...ดิฉันเลยพูดอะไรต่อไปอีกยืดยาว...  เพราะคำที่คุณพูดทำให้ดิฉันรู้สึกดีจังนะคะ  : )

  • ไม่ได้เข้ามาทักทายเสียนาน...กลับมาอ่านบันทึกนี้แล้วซึ้ง..จังค่ะ..
  • ความรักและปรารถนาดี...มีให้..ต้องรีบบอก เพราะบางครั้งอาจต้องมาเสียดายเวลาที่เก็บไว้ในใจ...(แต่เหตุผลของมนุษย์อันแสนมากมาย กับการงานที่ยุ่งๆเนี่ยแหล่ะ ตัวดี..ชอบทำให้เราหลงตกหลุมพราง ผลัดวันประกันพรุ่งในการแสดงความรักที่มีอยู่เต็มอกอยู่เรื่อย..)
  • สหายข้างๆกายแหวว มีหลายคน ที่มีหลานเป็นลูก แถมรักยิ่งกว่าพ่อและแม่ของเขาเสียอีก...
  • ขอบคุณนะคะที่แวะเวียนไปหาด้วยความคิดถึง...แม้ว่าตัวเองก็ยุ่งแสนยุ่ง..ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

 

สวัสดีค่ะคุณแหวว

บ้านแอมแปร์ฝนตกหนักเหมือนเทน้ำลงมาตูมๆๆๆเลยค่ะ  เน็ตก็เลยระส่ำระสายมาก  แต่อยากจะตอบคุณแหววก่อนนอน....  กว่าจะคลิกได้เลยลุ้นน่าดูอะค่ะ 

สงสัยแอมแปร์จะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ "รักหลานประดุจลูก" เป็นเรือนแสนค่ะคุณแหวว  : )   เด็กเล็กๆน่ารักโดยธรรมชาติอยู่แล้ว  และเด็กเล็กๆที่เป็นหลานเรา เราก็ยิ่งรักเขามากขึ้นไปอีกโดยธรรมชาติ ....
เลยกลายเป็นความรักแบบดับเบิ้ล.....ตามธรรมชาติ   ที่มีแสตนดาร์ดสูงเป็นพิเศษอะค่ะ     อิอิ

ขอบคุณที่คุณแหววแวะมานะคะ  (สงสัยว่าเราจะงานยุ่งพอๆกันเลย)    อ่านบันทึกคุณแหววแล้วทำให้แอมแปร์มีกำลังใจในการหาวิธีจัดการกับภูมิแพ้ฟุดฟิดๆขึ้นมาทันที    ขอให้คุณแหววและหนูอินมีสุขภาพแข็งแรงเช่นกันค่ะ   .....หลับฝันดีนะคะคุณแหวว  : )

 

มาทยอยตามอ่านบันทึกที่หลงตาไป(มีเยอะเลยค่ะเพราะผู้อาวุโสสายตาเสื่อมถอยตามอายุค่ะ) นี่ขนาดไม่มีหลาน และไม่ชอบเล่นกับเด็กเพราะไม่รู้จะเล่นอะไร ยังอ่านด้วยความรู้สึกประทับใจในความละเอียดอ่อน ละมุนละไม และแสนเอาใจนี่คุณน้ามีต่อคุณหลาน

น่าเสียดายที่ชีวิตในยุคนี้ทำให้ดวงใจน้อยๆของเด็กๆต้องเจ็บช้ำโดยที่พ่อแม่ต้องตัดใจยอมให้ลูกเจ็บทั้งๆที่รู้ และที่ไม่รู้ก็มีอีกมากด้วยไม่มีความละเอียดพอ ไม่มีเวลาโดนพันธการในชีวิตที่ทับถม จนต้องเลือกเอาแบบมีชีวิตรอดไปก่อน ความรู้สึกไว้ทีหลัง นี่มันชีวิตอย่างไรกันนี่

 

สวัสดีค่ะพี่แอมป์ที่น่ารัก

ราณีขอเสนอความเห็นนิดหนึ่งนะค่ะ เรื่องหมอน  อยากให้พี่ได้ใส่รูปด้วยนะค่ะ  นำรูปหลาน ๆ มาใส่ก็ได้  ไม่งั้น ราณีจะเอารูปตัวเองส่งไป ให้นะ อิอิ  พี่แอมป์จ๋า

สวัสดีตอนหัวค่ำพร้อมกับความเย็นฉ่ำของสายฝนค่ะพี่นุช

ดีใจจังค่ะที่พี่นุชแวะมาเยี่ยม  แอมแปร์รีบล็อกอินแต่หัวค่ำเพราะคืนนี้ต้องลุยงานอีกยาว  ตามสโลแกน "เรายกออฟฟิศมาไว้ที่บ้าน  งานจะตามเราไปทุกที่"   : ) 

พี่นุชพูดได้ตรงตามภาวะที่เป็นจริงๆค่ะ....    ทุกวันนี้ดูเหมือนเรา "ต้องเลือกเอาแบบมีชีวิตรอดไปก่อน ความรู้สึกไว้ทีหลัง "  นึกแล้วก็ห่วงหลานขึ้นมาเลยค่ะ  เขาจะต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายนักกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่  เราก็ได้แต่เอาใจช่วยเขา... และครอบครัวของเขาด้วย.....  ชีวิตมิใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ

อย่างไรก็ตาม   แอมแปร์นั่งยิ้มที่พี่นุชบอกว่าสายตาเสื่อมถอยตามอายุ   คืออย่างนี้นะคะพี่นุช  ถ้าอาวุโสแล้ว"งาม"ได้เท่าพี่นุชละก็ .....แอมแปร์ยินดีให้สายตาแอมแปร์ยาวกว่านี้อีกสองเท่าเลยอะค่ะ    : )

สวัสดียามค่ำฉ่ำพิรุณค่ะ อ.ราณี

คืองี้นะคะ  พี่นั่งหัวเราะฮ่าๆ(อย่างกุลสตรี) เพราะชอบใจไอเดียน้องสาวเรื่องหมอนอยู่พักนึงละ....  

งั้นเดี๋ยวพี่แอมป์จะหาไฟล์รูปอย่าง อ.ราณีแนะนำนะคะ     จะได้อารมณ์โรแมนติกคิกคาปู้เวลาดูหมอน  (คือรุ่นพี่เนี่ยต้องคิกคาปู้  อ.ราณีทันป่าวคะ  อิๆๆๆ)  .....ขอบคุณมากจ้า....   : )

พี่แอมป์ครับ    แวะไปหาแล้วไม่เจอครับ   มาจองคิวตามสัญญานะครับ   เรายกให้พี่แอมป์เป็นแม่ทูนหัวคับ  พี่แอมป์ได้หลานสาวค้าบ ..!   รับ skype นะค้าบพี่แอมป์  เพื่อหลานนะครับ  ทุกคน  ย้ำ ทุกคน  คิดถึงพี่นะครับ

โอแจ๊คจ๊ะ..  พี่แอมป์ดีใจด้วยที่สุดในโลกเลยจ๊ะแจ๊ค....   : )  อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆจะแย่แล้ว   พี่จะร้องเพลงโยกเยกเอ้ยให้ฟังสามเที่ยวเลย    : )   ขอบคุณมิ้นต์กับแจ๊คที่ยกตำแหน่งแม่ทูนหัวให้นะจ๊ะ   ถึงวันนั้นพี่มิต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำหน้าที่เหรอจ๊ะเนี่ย   ระหว่างนี้พี่ก็ดำรงตำแหน่งคุณป้ามหาสนุกรอคิวไปก่อน 

สิ้นปีนี้พี่แอมป์คงได้รับปริญญา"สนุกดีบัณฑิต"อย่างแน่นอน  อิอิอิ

ขอบคุณแจ๊คมากๆที่ตั้งใจแวะมาบอกด้วยตัวเองนะจ๊ะ  พี่ซาบซึ้งจริงๆ   ....ฝากเรียนว่าขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย...     เอ่อ...สำหรับ  skype...   ถ้าไว้คุยเฉพาะกับหลาน..พี่ก็ตกลงจ๊ะแจ๊ค

ปล.คิดถึงเช่นกันจ๊ะ  ฝากขอบพระคุณทุกคนของแจ๊คด้วยนะจ๊ะ

  • ขอบคุณมากคะสำหรับบันทึก
  • อ่านแล้วอยากกลับบ้านจังคะ
  • ไม่อยากไปทำงานวันพรุ่งนี้เลยคะ
  • แต่ทำไม่ได้ ..แย่จังคะ

 

 

  • สวัสดีครับน้องแอมแปร์ ไม่ได้มาเยี่ยมนานมากแล้ว
  • ชอบจังบันทึกแห่งความรัก
  • สายใยสัมพันธ์ รากแก้วของทุนทางสังคม ความอบอุ่นของครอบครัวที่หาได้ยากในสังคมชาวตะวันตก
  • หากเราใช้สายสัมพันธ์ที่ดีนี้จัดระเบียบ หรือสร้างสรรค์สิ่งดีดีสำหรับเด็กและคนในสังคม ผลที่เกิดขึ้นน่าที่จะเป็นโครงสร้างที่ต่อทุนสังคมของเรา
  • ขอบคุณครับน้องแอมแปร์ 

สวัสดีค่ะ อ.รัตน์ชนก

  • ยินดีที่อาจารย์แวะมาค่ะ   เดินสวนกับอาจารย์ในหลายที่บันทึกแล้ว   : )
  • เรื่องคิดถึงบ้านนี้เข้าใจชะมัดเลยค่ะ  ยิ่งมีคนตัวเล็กๆรออยู่ที่บ้าน  ยิ่งคิดถึงใหญ่เลย
  • ขอเอาใจช่วยให้ได้กลับบ้านบ่อยๆ  และมีความสุขมากๆทุกเวลาที่อยู่บ้านนะคะ   : )

สวัสดีด้วยความระลึกถึงยิ่งค่ะพี่บางทราย

แอมแปร์กำลังรอเรื่องเล่าจากดงหลวงอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะพี่บางทราย  ตอน อ.แป๋ว ลิ้งก์บันทึกพี่มาให้คราวโน้นแอมแปร์ก็ดีใจมาก  แต่หลังจากที่ได้คำนวณเวลาชีวิตแล้วก็จ๋อยไปพอประมาณ  เพราะรู้ตัวว่าไปไม่ได้ทั้งที่อยากไปมาก  อยากไปดูเรื่องดีๆที่พี่บางทรายเล่าให้เห็นกับตา  อยากไปสัมผัสจิตวิญญาณของนักพัฒนา  อยากไปฟังไปดูไปรู้ไปเห็นด้วยตัวเป็นๆสักครั้งในชีวิต 
.....  เฮ้อ.....  แต่ก็นั่นแหละนะคะ ......

บางที...การทำงานแบบที่หาตัวตายตัวแทนไม่ได้ ก็ทำให้เราแทบจะตายหยังเขียดเหมือนกันอะค่ะพี่บางทราย     แอมแปร์ไม่ได้บ่นเลยนะคะ ....... อันนี้แค่รำพึง    อิอิอิ

ขอบพระคุณที่พี่บางทรายแวะมานะคะ  แอมแปร์ตั้งใจตอบคอมเม้นท์พี่ก่อนเที่ยงคืน  ก่อนที่รถม้าจะกลายเป็นฟักทอง  : )  ชอบจังเลยที่พี่บอกว่า "ชอบจังบันทึกแห่งความรัก"  เพราะแอมแปร์เขียนบันทึกนี้ด้วยความรักสุดหัวใจจริงๆ 

ขอบพระคุณพี่บางทรายมากเช่นกันนะคะ  แอมแปร์จะรออ่านเรื่องเล่าประทับใจของ"เฮฮาศาสตร์"จากดงหลวง   และจะร่วมประทับใจไปกับ"สายใยสัมพันธ์"ที่นั่น    ซึ่งสักวันจะเป็น "โครงสร้างที่ต่อทุนทางสังคมของเรา" อย่างที่พี่บางทรายว่า 

ครอบครัวใหญ่ที่เริ่มต้นด้วย"ใจ"  ก็เป็นรากแก้วของทุนทางสังคมได้เช่นกัน.....   ใช่ไหมคะพี่บางทราย : )

  • แวะมาเยี่ยมหลานคะ...ครอบครัวของพี่แอมป์อบอุ่นมากเลย...อ่านแล้วน้ำตาซึมไปด้วยค่ะ
  • พี่แอมป์คะ...เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ
  • บางทีเราหลงลืมไป...นึกว่าเด็กจะเข้าใจในสิ่งที่เราเข้าใจ
  • มันกลายเป็นว่าเราไม่เข้าใจเด็ก
  • อิอิ...พูดเอง...งงเอง
  • อยากให้โลกใบเล็กของเด็กบริสุทธิ์ สดใส โดยที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าไปทำร้ายเขา
  • เด็กๆในเมืองถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้นทุกวัน...สักวันเราจะวิกฤติ..ทางปัญหาสังคมเหมือนที่เมืองใหญ่ๆทั่วโลกประสบปัญหาค่ะ

สวัสดีค่ะน้องนารี

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมหลานค่ะ  : )   พี่แอมป์นั่งทบทวนแล้วก็รู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่ผ่านช่วงนั้นมาได้    การเป็นน้า เป็นป้า  (และเป็นยาย) นี่บางทีก็ต้องเรียนรู้อย่างปราณีตเหมือนกัน 
  • หลักสูตรครอบครัวศึกษา    น่าจะมีหัวข้อที่ว่าด้วย "การเป็นคุณลุงคุณป้าที่ดี"  หรือ  "วุฒิภาวะสำหรับคุณน้าและคุณอา"  หรือ " สิบสามขั้นตอน  ของ คุณยายคุณภาพ"  หรือ "ร่มโพธิ์ร่มไทรศึกษา"  ชื่อหลังสุดนี่ได้อารมณ์อันเป็นที่พึ่งที่แสนอบอุ่นดีชะมัด  : )
  • และเป็นสายใยเส้นสำคัญที่จะช่วยยึดเหนี่ยวสังคมไทยไม่ให้ล่มสลายไปกว่านี้    
  • เอ่อ....  คิดทีไรก็ไม่พ้นรั้วโรงเรียนซักทีอะค่ะ  : )

สวัสดีครับP ดอกไม้ทะเล

มาช้าไปหน่อยครับ  แต่ก็ดีกว่าไม่มานะครับ  ครอบครับอบอุ่น และรู้สึกอบอุ่นยิ่งขึ้นเมื่อตัวเราได้สิ่งที่ขาดๆไปแล้วแต่งเติมกลับมา

มาขออนุญาตินำข้อความดีๆไปรวมครับ ขอบคุณมากครับ   http://gotoknow.org/blog/mrschuai/117622?page=9

 P  สิทธิรักษ์  

สวัสดีค่ะเล่าฮูแพนด้าผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกล   : )

ด้วยความยินดีและระลึกถึงยิ่งค่ะ     คำว่า "ครอบครัวอบอุ่น" นี้มีค่าต่อ"หัวดวงน้อย"เหลือเกิน    เล่าฮูสิทธิรักษ์ก็เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นและห่วงใยลูกอย่างเหลือล้นนะคะ  บันทึกที่คุณพ่อแสดงความห่วงใยต่อลูกสาว(ที่รักคุณพ่อมากเช่นกัน) ก็ยังเป็นที่ประทับใจอยู่เสมอ

แอมแปร์สวนไปสวนมากับเล่าฮูในบันทึกเบิร์ดก็หลายหน ยังไม่ได้ทักทายกันสักที   ครานี้เล่าฮูมาเยือนถึงที่  จะมิให้ยินดี(จนออกนอกหน้า)กระไรได้ ...

ขอคารวะด้วยชาไผ่อุ่นๆสามจอกเลยค่ะ ...  : )

อ่านแล้วซึ้งจังค่ะ..

แอ๊วก็มีหลานตัวน้อย 2 คนเหมือนกันค่ะ..

เราเนี่ย..เลี้ยงมาแต่เล็ก...จนตอนนี้ป.2แล้วค่ะ..ก็ยังคงติดกันเป็นตังเม..ไปไหนก็ไปด้วยกัน..ยังกะลูกเลย..ใครเห็นก็ว่าเป็นลูกแน่นอนเลยค่ะ..ชีวิตปกติก็ชอบเงียบๆนะคะ.แต่พอพี่ชายมีเจ้าตัวเล็กชีวิตที่เงียบสงบก็ครื้นเครง..วุ่นวายพิลึก..หาความเงียบมุมสงบแทบไม่มีแต่ก็บรรยากาศดีอีกแบบ..

เวลาตื่นมาก้เหมือนกะวัยเดียวกันนะคะ..แต่เวลาที่เค้าหลับอยู่ในรถแล้วนอนแนบอกเราเนี่ย...ก็ทำให้เราได้มารู้สึกว่า..จริงๆแล้วเค้าก็ยังเป็นเด็กเล็กๆที่ต้องพึ่งพิงและต้องการความอบอุ่น..และเราก็ไม่ใช่เด็กๆ(ลูกคนเล็กของครอบครัวอีกต่อไป) เราเป็นที่พึ่งพิงให้กับเค้าได้แล้ว..

ครอบครัวมีความสุขพัฒนาการของเด็กก็จะดี..ชีวีก็สดใสกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ..

มีความสุขกับครอบครัว กะหลานๆนะคะ..สู้ๆค่ะ..เราหัวอกเดียวกันเลย555

สวัสดีค่ะครูแอ๊ว

พี่แอมป์อ่านที่ครูแอ๊วเขียนแล้วประทับใจจังเลยค่ะ  หัวใจของครูแอ๊วอบอุ่นไปด้วยความรัก  เป็นโชคดีของเด็กทุกคนที่อยู่ใกล้ครูแอ๊ว    โดยเฉพาะหลานตัวน้อยสองคนที่ครูแอ๊วเลี้ยงมาแต่เล็ก  

เด็กๆเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าอัศจรรย์จริงๆนะจ๊ะ   โดยเฉพาะสำหรับสุภาพสตรีอย่างเราๆ  (คืออย่างน้อยๆเราสองคนก็น่าจะจัดเข้าข่ายสุภาพสตรีได้  โดยไม่มีใครเข้ามาคัดค้าน   อิอิอิ)  

การเลี้ยงดูเด็กเล็กๆด้วยความรัก น่าจะทำให้เกิดการพัฒนาวุฒิภาวะทางจิตใจไปได้อีกขั้นกระมังนะจ๊ะ  ใจน่าจะละเอียดอ่อนขึ้น  มีเมตตามากขึ้น  และมีความเสียสละมากขึ้น  เพราะเราต้องคิดถึงเจ้าตัวเล็กก่อนจะคิดถึงตัวเราเอง 

พี่จึงชื่นชมผู้เป็นแม่ทุกคนนะจ๊ะ  เราไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดเรายังรักเขาขนาดนี้  แล้วผู้ที่อุ้มท้องมาเองเล่า  จะรักเขาขนาดไหน  ขณะเดียวกันพี่ก็ประทับใจในผู้ที่สามารถ"รัก" และสามารถ"เป็นที่พึ่ง" ของคนตัวเล็กๆได้โดยไม่ต้องเป็นผู้ให้กำเนิด  .....อย่างที่ครูแอ๊วกำลังเป็นที่พึ่งพิงและเป็นความอบอุ่นของหลานน้อยๆในตอนนี้......

ขอบคุณที่ครูแอ๊วแวะมาพร้อมกับความรักอยู่เสมอ  (เพราะสีชมพู...เป็นสีแห่งความรัก)   .... หัวใจที่มีความรักและพร้อมที่จะเป็น"ผู้ให้"นั้น... ย่อมอบอุ่นเสมอนะคะ ....   : )

  • พี่แอมป์ขา...
  • นานๆจะเห็นหน้าพี่แว๊บขึ้นมา....
  • หว้าเองก็ไม่ได้เขียนเลยค่ะช่วงนี้
  • รู้สึกเหนื่อยๆกับภารกิจแล้วก็เบื่อด้วยค่ะ
  • คิดถึงพี่แอมป์นะคะ

 P อ.ลูกหว้า 

หวัดดีจ๊ะหว้า

  • ดีใจจัง...หว้าแวะมาหาก่อนนอน   ถึงแม้จะเห็นหน้าพี่เพียงชั่วแว่บ  : ) คืนนี้พี่หลับฝันดีอีกแล้ว
  • หว้างานยุ่งมากใช่ไหมจ๊ะ    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้พี่รู้สึกว่ายิ่งเรามีน้ำใจที่จะทำงานมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น    การทำงานหลากหลายทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง....   ที่จริงดีออกนะจ๊ะ  แต่บางทีมันก็พรากอะไรบางอย่างไปจากเราเหมือนกัน  เหมือนกับว่าต้องแลกกันเลยเนอะ....    : )
  • พี่แอมป์ตู่เอาเองว่าเข้าใจความรู้สึกหว้าชะมัดเลย    ขอให้หว้าหายเหนื่อยเร็วๆและขอให้ได้พบอะไรน่ารักๆระหว่างเส้นทางของการทำงานอยู่เสมอนะจ๊ะ 
  • คิดถึงหว้ามากเช่นกันจ๊ะ  : )

  สวัสดีปีใหม่นะค่ะน้องแอมแปร์

%25e0%25b8%2594%25e0%25b8%25ad%25e0%25b8%2581%25e0%25b8%259b%25e0%25b8%25b5%25e0%25b8%259a

สวัสดีปีใหม่ 2551 ค่ะพี่แอมป์ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้พี่แอมป์ มีความสุข สมหวัง ในทุก ๆ ด้าน สุขภาพร่างกายแข็งแรง เลื่อนตำแหน่งบ่อย ๆ ด้วยค่ะ  คิดถึงเสมอค่ะ ราณี

สวัสดีปีใหม่ค่ะ พี่หมูคนดี

ขอบพระคุณมากๆค่ะพี่หมู ที่แวะมาบันทึก หัวใจ น้ นี้อีกครั้ง  แวะมาอ่านบันทึกนี้ทีไร แอมแปร์คิดถึงพี่หมูทุกที   แล้วก็ประทับใจนักที่ใครๆก็เล่าว่าที่ดงหลวง ป้าหมูเป็นขวัญใจของหลานน้อยๆ...   : )

เด็กๆสัมผัสความความอ่อนโยนในหัวใจได้เร็วนักนะคะพี่หมู  พี่หมูมีความรักที่ไม่จำกัด และนี่กระมังคะที่ทำให้พี่หมูเป็นที่รัก  "เพราะพี่หมูละเอียดอ่อนกับความรัก"......   แอมแปร์รักความรู้สึกอย่างนี้เหลือเกินค่ะพี่หมู   เพราะในโลกที่สร้างความรักได้อย่างยากเย็นนี้ หากใครสักคนได้สัมผัส ความรักจากใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม  อย่างที่พี่หมูมีให้ เขาจะรู้สึกได้ว่าโลกนี้มิใช่โลกที่แห้งแล้งและแข็งกระด้างเลย ....  หากเขาหาคนคนนั้นเจอ.....

ขอบพระคุณสำหรับความรักและความอ่อนโยนที่พี่หมูมีอยู่เปี่ยมล้นในใจนะคะ  และขอบพระคุณที่สุดสำหรับดอกปีบสีขาว หอม เย็น รับปีใหม่  ที่ทำให้หัวใจสดชื่นนัก   

ขอให้พี่หมูมีความสุขมากๆ และพบแต่สิ่งดีๆ ตลอดปีใหม่นี้และตลอดไปนะคะ

แอมแปร์ค่ะ : )

สวัสดีปีใหม่ 2551 จ๊ะ น้องราณี

ขอบคุณน้องมากที่สุดเลยจ๊ะ สำหรับคำอวยพรปีใหม่ ที่เป็นมงคลแก่ชีวิต และบัวบานดอกนี้ที่งดงามนัก  งดงามเหมือนใจของน้อง ที่มองโลกในแง่ดี และทำให้พี่ยิ้มให้กับโลกใบนี้ได้เสมอ  และบางทีก็หัวเราะได้แบบยั้งไม่ทัน  ทำให้การพูดคุยทุกครั้งอุดมไปด้วยความเบิกบานสราญใจ   คาดว่าเมื่อได้พบตัวจริงกัน  คงเริ่มด้วยการหัวเราะขำกันเองยกใหญ่  กว่าจะได้เริ่มต้นคุย  แค่นึกก็ขำไปล่วงหน้าแล้วอะค่ะ  : )  

ในโอกาสปีใหม่ .....พี่แอมป์ขอให้พรอันเป็นมงคล  จงส่งผลอันเป็นกุศลแก่น้องตลอดปีใหม่นี้ และตลอดไปเช่นกันนะจ๊ะ....   ขอบคุณมากๆอีกครั้งจ๊ะ

พี่แอมป์ค่ะ

สุขสันต์วันแห่งความรัก อบอุ่นด้วยกระไอรรักในครรอบครัวค่ะ

ด้วย รักแท้ แน่วแน่ ไม่แปรผัน

เย็นชื่นฉ่ำ สดชื่นกาย รื่นรมย์ใจ ค่ะ :)

สวัสดีแบบหวานๆแม้วาเลนไทน์จะผ่านไปแล้วจ๊ะลูกปู 

 ภาพที่เอามาฝากสวยหวานเหลือเกิน สมกับที่ลูกปูเป็นสาวน้อยโมแรนติกเอ๊ยโรแมนติกจริงๆ 

ขออภัยอย่างสูงที่พี่แอมป์เข้ามาตอบช้ามากเพราะเป็นช่วงใกล้สอบปลายภาคจ๊ะ  ขอบคุณลูกปูมากๆสำหรับดอกไม้แสนหวาน และคำอวยพรที่พี่ชอบที่สุด   คำว่ารัก เป็นคำที่มีค่านักนะจ๊ะ   และความรักของคนในครอบครัว  พี่คิดว่ามีค่าที่สุดเลย    

ขอบคุณลูกปูมากที่นำสิ่งมีค่ามาฝากในโอกาสหวานๆอย่างนี้นะจ๊ะ  Happy belated Valentine เช่นกันจ๊ะลูกปู  

....และพี่จะรอดูว่าใครเป็นคนโชคดีคนนั้น...

คนที่เหมาะสมและคู่ควรกับกับสาวน้อยโรแมนติกของพี่น่ะนะจ๊ะ  : )   : )  : )   : ) 

สวัสดีค่ะคุณทิชา

ขออภัยอย่างสูงที่ตอบช้านะคะ   ขอบพระคุณมากสำหรับเพลงไพเราะค่ะ : ) 

ดึกเกินไปมาก ๆ สำหรับคุณแม่คนดีที่หนึ่ง ผู้ซึ่งคุณลูกต้องคอยเตือนว่า "แม่อย่านอนดึกนัก แล้วก็อย่าลักไก่ไม่อาบน้ำ"..อุ๊บ ความลับหลุดอีกแล้ว

 

เดิมที น้องคิดว่าจะมีแต่คนเป็นแม่เท่านั้นที่จะ...

  • เป็นนักร้อง ร้องเพลงกล่อมให้ลูกหลับให้ได้ เราจะได้หลับบ้าง.. เพลงอยู่หลก ๆ ก็ร้อง แม้ผิดคีย์ก็ร้อง
  • เป็นนักแสดง แม้จะไม่อินกับบทเลย
  • เป็นครูติวคณิตศาสตร์ แม้ตัวเองเคยตกมาก่อน..(สนใจหนังสือคณิตคิดลัด ของคุณพ่อพี่แอมป์มาก ๆ เลยล่ะค่ะ)
  • เป็นนักเล่นมายากล(ที่ถูกจับได้เพราะเชื่องช้า)
  • เป็นแจ๋ว เช็ดอ้วก..(ไม่สุภาพนิ้ดดด)
  • เป็นนักแต่งนิทาน(น้องขี้เกียจอ่านจึง..improvise..) นักเล่านิทาน

โอย เป็นอีกหลายนัก..

 

เพิ่งมาพบว่าเป็นกบ ก็ได้ อิ อิ

แถมไม่ใช่แม่ตัวจริงนะเออ...ซึ้งน่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก

ขอบคุณที่แวะมาร่วมซึ้งนะคะ  พี่แอมป์ก็ขำตัวเองตอนเป่าปากบรื๋ดๆเหมือนกันหงะ  ไม่รู้ทำไปได้ยังไง  แต่ดูไปๆมันเหมือนกบมากกว่าเขียดจริงๆ  : )  

.....ถ้าอยากดูผู้ใหญ่ตัวโตๆทำอะไรๆได้ทุกอย่างเพราะความรักสุดหัวใจละก็  ดูตอนเลี้ยงลูกนี่แหละ  พี่ว่าครบทุกรสเลย 
.....รสชาติของชีวิตที่อร่อยที่สุดก็น่าจะเป็นตอนที่ลูกยังเล็กๆนี่กระมังคะ  : )   อะไรๆก็น่ารักไปหมด  ความสุขของเราไปรวมอยู่ที่เขาหมดเลย
.....เอ่อ.. คือว่าพี่จินตนาการไปโดยไม่มีประสบการณ์ตรง  อาศัยเลี้ยงหลานเป็นประสบการณ์อ้อมๆเอานะคะ

ชอบที่คุณหมอเล็กเล่านิทานเวอร์ชั่นอิมโพรไวส์ให้น้องภูฟังจังค่ะ  แบบนี้แหละสนุก  ยิ่งตอนลูกจำเวอร์ฯเดิมได้แล้วเถียงกับเรายิ่งหนุก   เผลอๆไม่ต้องนอนกันพอดี : ) 

อ่า..แต่เรื่อง ม่าย อาบ น้าม นี่ เป็นความลับระหว่างสองเรานะคะ  ตอนไปอยู่ที่หนาวๆ พี่แอมป์ก็ซักเอ๊ยอาบสองวันหนเหมือนกัน 
เค้าเรียกว่า"ซักแห้ง" แบบว่าประหยัดน้ำตามนโยบายเชียวนะ  ..ดีออก.. อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท