ผมเริ่มเขียนบันทึกนี้เวลาประมาณ 00.45 น. ของวันที่ 19 ตุลาคม 2550 ที่ศาลาหน้าบ้าน ฝนกำลังตกแส็กๆ ตกพรำๆ ตกหนอยๆ อากาศเย็นๆ กับโน๊ตบุ๊คคู่ชีพกับโทรศัพท์ CDMA ใช้ต่อเน็ต วิทยุ FM ร้ายๆ ผ้าห่ม ผ้าขาวม้าโพกหัว ขลุ่ยอีก 1 เลา บ้าไปแล้วเหรอ ฝนตกๆ ไม่ยอมหลับยอมนอน
ประมาณบ่ายสองวันนี้ เอ้ย! เมื่อวานซินี่มันหลังเที่ยงคืนแล้ว ฝนตกลงมาอย่างหนัก นั่นเป็นสัญญานว่าวันนี้ผมจะกรีดยางไม่ได้ งั้นก็เผาถ่านเลยดีกว่า เพราะพ่อกำลังรื้อถ่านที่เผาเมื่อวันก่อนใส่กระสอบอยู่ สี่โมงเย็นเริ่มก่อไฟหน้าเตา ก็แน่นอนว่าอย่างเร็วตีสอง อย่างช้าอาจจะสว่าง การเผาถ่านแต่ละครั้งเอาเวลาแน่นอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ก็ไม่เป็นไรลองเผาถ่านกลางคืนซักวันน่าสนุกดี ถึงสว่างก็ไม่เป็นไร ตอนเป็นลูกจ้างเขาทำงานให้เขาสว่างมาเยอะแล้วนี่ ทำงานของตัวเองให้สว่างบ้างจะเป็นไรไป
พอเริ่มค่ำก็ขนอุปกรณ์จำเป็นทุกอย่างดังที่ได้กล่าวมาในย่อหน้าแรกมาไว้ที่ศาลาหน้าบ้าน เพราะศาลาอยู่ใกล้เตาเผาถ่านขี้เกียจเดินเข้าเดินออกในบ้าน เผาถ่านไปก็เขียนบล๊อกไปก็บล๊อกเรื่องกรมพัฒนาที่ดินนี่แหละครับ เขียนไม่ทันเสร็จได้ยินเพลง ไม่ใช่แฟนแทนกันไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ได้ยินมาหลายรอบแล้ว ลองค้นดูใน ijigg ดูปรากฎว่าเจอ เลยหยุดการเขียนบล๊อกเรื่องกรมพัฒนาที่ดินไว้ก่อน มาเขียนเรื่อง ไม่ใช่แฟนแทนกันไม่ได้ก่อน เขียนบล๊อกไปก็คุย M กับเม้งไปเรื่อยเปื่อยหยอกล้อกันบ้างตามประสาคนหยอกกันได้ อย่างน้อยคืนนี้มีเม้งอยู่เป็นเพื่อน
ใกล้เที่ยงคืนมีคนมาทักน้องที่อยู่จังหวัดพัทลุง เลยคุยกันเสียงในฟิล์ม
(23:59:14) *help mrGilL, *help Newbie Admin: ยังไม่นอนเห้อพี่
(00:01:17) sothorn.org: เผาถ่านน้องเห้อ
(00:01:26) sothorn.org: สงสัยอีไม่ได้นอนคืนนี้
(00:01:33) *help mrGilL, *help Newbie Admin: แหม
(00:01:39) *help mrGilL, *help Newbie Admin: เตาถ่านติดเน็ต
(00:01:42) *help mrGilL, *help Newbie Admin: ทันสมัยจริงๆ
นี่แหละครับที่มาของเตาเผาถ่านติดเน็ต เมื่อได้ชื่อเรื่องที่จะเล่าแล้ว ก็ต้องรีบปั่นบันทึกเรื่องเกี่ยวกับกรมพัฒนาที่ดินให้เสร็จ ก็จะได้ต่อเรื่องนี้เลย เขียนๆ เรื่องนี้อยู่ก็หิวครับหาของในตู้เย็นมีไข่ไก่อยู่เสร็จผมครับ ไข่ไก่หมก โชคร้ายหน่อยมีฟองเดียวเลยไม่เหลือเผื่อครูอ้อยครู Gutjang
เผาถ่านไป เล่นเน็ตไป ฟังเพลงลูกทุ่งจากวิทยุร้ายๆ ฟังเพลงจากคอมพิวเตอร์บ้าง ฟังเสียงฝนตก จิบน้ำอุ่นๆ หยิบขลุ่ยมาเป่าบ้าง หิวก็กินไข่ไก่หมก ความสุขที่ไหนจะปาน
โน๊ดบุ๊คคู่ชีพ
หน้าเตาเผาถ่าน
ไข่ไก่หมก
เอาความสุขมาแบ่งปันยามดึกครับ เขียนบันทึกนี้เสร็จตอนตีสองครึ่งพอดี เผาถ่านยังไม่เสร็จเลยครับ
ปล. บันทึกนี้มีคำภาษาใต้ปะปนอยู่หากไม่เข้าใจถามได้ครับ
สวัสดีครับโส
ชื่อเรื่องกินขาดเลยครับ เตาถ่านติดเน็ต แถมหมกไข่ไก่ก็ได้ ได้น้ำส้มควันไม้ เป่าขลุ่ยก็ได้ มีหนังสือให้อ่าน วุ้ย... ไม่ต้องกลัวยุงเลยใช่ไหมครับ
ไข่ไก่ต้องเป็นไข่ไก่เน่านะครับ ถึงจะสุดๆ ครับ แล้วต้องห่อใบกระท้อนด้วยนะครับ แล้วหมก จากนั้นก็เตรียมตัวนับเสียงดังระเบิด พลุ๊กๆ เท่าจำนวนระเบิดที่ฝังไว้ พอระเบิดแล้วทิ้งไว้ซักระยะหนึ่งก็ไปเก็บศพได้เลยครับ ห้าๆๆ จะได้ไข่ไก่กลิ่นหอมฉุยเลยหล่ะครับ ว่าแล้วก้าบ้านๆ จังบ่าวนี้
หม๊กหัวมันก้าหรอยดีครับ มันทุกชนิดครับ หรือถ้าให้ดี ต้มถั่วใต้ดิน(ถั่วลิสง) ครับ เฝ้าไป เน็ตไป ปอกถั่วใส่ปากไปครับ ครบเครื่องจริงครับ
เข้าท่าจริงๆ นะครับ
ขอบคุณมากครับ
ชีวิตก็คงแบบนี้ถึงจะมันส์ ผสม ปนเป ความสุขตามใจ และที่สำคัญ "อิสระ"ดี
ว่างๆมาเที่ยวบ้านผมนะ จะได้สนทนากัน รอ เม้งกลับมาครับ มาด้วยกัน
คุณโส ค่ะ
คือว่า จะเป็นอะไรไหมค่ะ ถ้าดิฉันจะถามว่าเผ่าถ่าน นี่ทำยังไง เพราะก็ไม่เคยรู้รายละเอียดมาก่อน
ขอบคุณค่ะ :)
สวัสดีครับ คุณ มะปรางเปรี้ยว
ขอบคุณ คุณโส มากค่ะ
อ่านดูแล้วก็พอจะนึกภาพออกค่ะ
ตามไปดูภาพขั้นตอนการทำแล้วนะค่ะ :)
ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วมีความสุขไปด้วยค่ะ ความสุขที่มาจากการมีเพื่อน มีเวลาเป็นของตัวเอง ค่อยๆทำค้นคว้าทดลองสร้างความรู้มาใช้กับชีวิตจริง เป็นอิสระ แถมทานไข่หมกไฟเคล้าเสียงฝนตก ความสุขอยู่ที่ลมหายใจนั้นเลยค่ะ
ใกล้บ้านยังมีป้าแก่ๆเผาถ่านใช้ และขายด้วยทำไม่ใหญ่โตแต่เป็นระเบียบมากเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ ...
สวัสดีครับ สุดทางบูรพา
สวัสดีครับ คุณนายดอกเตอร์
สวัสดีครับ ครูอ้อย
สวัสดีน้องกิว
สวัสดีเจ้า
เราเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่เจ้า
โสทรเผาถ่านติดเน็ตไปแล้ว เราตามไม่ทันเลย...
ไปฝึกสติมาทำสวนต่อ เพื่อให้เป็นสวนแห่งสติที่สมบูรณ์จ๊ะ
สวัสดีคะ...
ขอแบ่งปันความสุขยามดึกด้วยคนนะคะ
---^.^---
เอามาฝากค้าบ ... เหมาะกับคุณโส มากๆๆ
เส้นทางเศรษฐี
นิธิ เอียวศรีวงศ์ มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ปีที่ 24 ฉบับที่ 1215
หน้า 39
เรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่แนวคิดเกี่ยวกับทุนกำลังเปลี่ยน และเพราะแนวคิดเกี่ยวกับทุนเปลี่ยน แนวคิดเกี่ยวกับงานและคุณธรรมที่เกี่ยวกับงานทั้งหมดก็กำลังเปลี่ยนไปด้วย
ก่อนที่จะเข้าสู่เศรษฐกิจแบบเงินตราเต็มตัว ทุนหมายถึงการสร้างผลิตภาพจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น จับปลา, เบิกป่า, ทำนา, หรือตัดจากขาย ฯลฯ
ทรัพย์จึงเกิดจากแรงกายเป็นส่วนใหญ่ และด้วยเหตุดังนั้น ความขยันหมั่นเพียรจึงหมายถึงการหมั่นใช้แรงกายเพื่อสร้างทรัพย์
ความรวยหรือความสมบูรณ์ทางเศรษฐกิจในชีวิต หมายถึงความมั่นคงด้านอาหาร, (มีข้าวเต็มยุ้ง) ด้านสังคม (คือได้การยอมรับและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น), และด้านจิตใจ (มีความสุขความพอใจในชีวิต)
คุณธรรมของเศรษฐีที่นอกเหนือจากความขยันหมั่นเพียร จึงมีความหมายถึงการรู้จักประหยัด, อดออม, ไม่กินเหล้าเมายาและไม่ติดการพนัน แต่ก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และทำบุญสุนทาน เข้าวัดเข้าวา
ทุนจึงไม่ใช่เงินตรา แต่เอาเข้าจริงแล้วหมายถึงคุณธรรมที่จะกำกับการใช้แรงกายไปในทางที่จะก่อให้เกิดทรัพย์อย่างยั่งยืนดังกล่าวต่างหาก
จนเมื่อแม้เศรษฐกิจเปลี่ยนเข้าสู่ระบบเงินตรามากแล้ว ผมคิดว่าทุนก็ยังไม่ใช่เงินตรา อย่างน้อยก็ไม่ใช่เงินตราเพียงอย่างเดียว ถ้าลองย้อนกลับไปดูประวัติของเศรษฐีรุ่นเก่าๆ ของไทย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจีนหรือเชื้อจีน) ก็จะพบ "นิทาน" เรื่องเดียวกัน ได้แก่ ความขยันหมั่นเพียร, อดออม และมีน้ำใจต่อคนรอบข้าง จนเกิดเป็นเส้นสายเครือข่ายสำหรับทำธุรกิจของตัว
ส่วนทุนที่เป็นเงินตราก็ได้มาจากความขยันหมั่นเพียรและอดออมของตัว รวมกับการระดมทุนจากญาติพี่น้อง
จะมีอะไรที่เพิ่มเติมเข้ามาก็เห็นจะได้แก่สิ่งที่เรียกให้ฟังดูขลังๆ ได้ว่า "ญาณทัศนะ" หรือการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ เช่น ทำโรงสีแข่งกับฝรั่ง, เดินเรือขนข้าวไปเมืองจีน ฯลฯ เป็นต้น เพราะมองออกว่าตลาดข้าวไทยในต่างประเทศนั้นจะขยายตัวต่อไปอีกนาน ถ้าพูดภาษาสมัยปัจจุบันก็คือ เศรษฐีเหล่านั้น "อ่านเกมออก"
แต่การ "อ่านเกมออก" ไม่ใช่คุณสมบัติสำคัญเพียงอย่างเดียว ถึงอย่างไรก็ต้องมีคุณธรรมเศรษฐีดังที่กล่าวแล้วควบคู่ไปด้วยเสมอ
ผมอาจพูดอะไรให้ฟังดูดีเกินจริงไปหน่อย เพราะในความจริงแล้ว พ่อค้าเศรษฐีเหล่านี้ก็เอาเปรียบผู้ผลิตและผู้บริโภคของตัวเท่าที่จะไม่เป็นอันตรายต่อธุรกิจของตัวอย่างแน่นอน
แม้กระนั้นก็ยังถือกันว่าคุณธรรมของเศรษฐีดังที่กล่าวแล้วมีความสำคัญมากกว่า
ผมเข้าใจว่าลักษณะอย่างที่ผมกล่าวนี้ไม่ได้มีเฉพาะในเมืองไทย แต่ถือกันทั่วไปในโลกทุนนิยมว่า ความขยันหมั่นเพียร, อดออม และชื่อสัตย์ (อย่างน้อยก็ดูเหมือนซื่อสัตย์) เป็นคุณธรรมสำคัญสำหรับการเป็นเศรษฐี
"นิทาน" ประชาธิปไตยของอเมริกันในศตวรรษที่แล้วจะชี้เศรษฐีเหล่านี้ออกมาสักหนึ่งโหล เพื่อจะบอกว่าที่นี่ให้โอกาสอันเท่าเทียมกันแก่ทุกคน ดูเด็กจนๆ เหล่านี้สิ บัดนี้เขาคือใคร
ฉะนั้น ไม่แต่เฉพาะยุคสมัยที่ทรัพย์ย่อมมาจากแรงกายเพียงอย่างเดียว แม้ในยุคหลังจากนั้นซึ่งทรัพย์คือหุ้นและบัญชีเงินฝากในธนาคารแล้ว คุณธรรมเศรษฐีก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แปลว่าทุนที่แท้จริงไม่ใช่เงินตรา หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เงินตราเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงคุณธรรมบางอย่างที่จำเป็นสำหรับเจ้าของเงินตราด้วย
คนอายุรุ่นผม เมื่อได้ยินท่านนายกฯ พูดว่า คนเราไม่เป็นหนี้ก็ไม่รวย จึงฟังทะแม่งหูพิลึก เพราะเราถูกสอนมาว่าเงินตราเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อรับใช้คุณธรรมบางอย่างสำหรับสร้างตัวเป็นเศรษฐี มีแต่เงินตราหากไร้คุณธรรมอย่างนั้นก็ไม่มีโอกาสเป็นเศรษฐี
เล่นหวย เล่นพนันบอลยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเฮงที่สุดก็ได้มาแต่เงินตรา ไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้
แต่คนแก่ขนาดผม มีชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วย่อมขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปหมด ไม่แน่ใจว่าอะไรที่เรายึดถือนั้นมันไม่เหมาะกับกาลสมัยเสียแล้วกระมัง ยิ่งอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรีอย่าง คุณทักษิณ ชินวัตร ก็ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ เพราะท่านทำให้คนไทยทั่วไปเชื่อเสียแล้วว่า ความคิดอะไรที่ไม่ตรงกับท่านย่อมเป็นเศษเดนจากยุคอะนาล็อกทั้งหมด
แล้วกูจะได้ดิจิเติลกับเขาได้ไหมเนี่ย
อย่างไรก็ตาม ผมจึงเอาประวัติเศรษฐีรุ่นใหม่ ทั้งไทยทั้งเทศออกมาอ่านหลายคนด้วยกัน แล้วพบว่า เออ จริงนั่นแหละ ผู้เขียนประวัติคนเหล่านี้ไม่ได้เน้นย้ำคุณธรรมเศรษฐีที่ผมและคนรุ่นผมคุ้นเคยอีกแล้ว
คุณธรรมใหม่คือ "อ่านเกมออก," กล้าได้กล้าเสีย, มีวิสัยทัศน์ซึ่งแปลตามหนังสือประวัติเหล่านี้ก็คือ อ่านออกว่าความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันจะทำให้เกิดตลาดอะไร, ลดต้นทุนได้อย่างไร, ขยายและรักษาตลาดได้อย่างไร, ระดมทุนได้ในต้นทุนต่ำสุดได้อย่างไร ฯลฯ
"อ่านเกมออก" นี่แหละครับ ดูเหมือนจะเป็นคุณธรรมเศรษฐีรุ่นใหม่ที่สำคัญที่สุด เพราะจะสามารถเอาทุนที่เป็นเงินตราไปต่อทุนที่เป็นเงินตราต่อไปได้ไม่สิ้นสุด ในขณะที่ความขยันหมั่นเพียรโดยเฉพาะที่อาศัยแรงกาย หรือการประหยัดอดออมแทบจะไม่เป็นคุณธรรมที่ประวัติเศรษฐีรุ่นใหม่ให้ความยกย่องเอาเสียเลย
และทุนย่อมหมายถึงเงินตราเพียงอย่างเดียว จะได้มาโดยไปกู้เขาหรือปั๊มหุ้นขายอย่างไรก็ตามที แต่ต้องมีทุนเป็นเงินตราเสียก่อนจึงสามารถเป็นเศรษฐีได้
ก็อย่างที่ผมพูดไว้แล้วแต่แรกนะครับว่า เมื่อแนวคิดเกี่ยวกับทุนเปลี่ยน แนวคิดเกี่ยวกับงานและคุณธรรมที่เกี่ยวกับงานก็เปลี่ยนไปด้วย
งานคือการรู้ข้อมูลอย่างกว้างขวาง แล้วมองหาจนเจอช่องที่จะทำหรือเพิ่มกำไรในกิจการของตัว หรืออ่านเกมให้ออกนั่นเอง
ความสามารถอย่างนี้ต้องใช้คุณธรรมอะไรบ้างดูเหมือนไม่ค่อยชัดนัก หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยังไม่มีใครสามารถเขียนแผนที่ของเส้นทางเศรษฐีสมัยใหม่นี้ได้ เพียงแต่เส้นทางเก่าที่เศรษฐีรุ่นเก่าเคยเดินๆ กันมานั้นใช้ไม่ได้แล้วแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูความจริงนอกประวัติของเศรษฐีรุ่นใหม่ ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่า เส้นทางเศรษฐีแบบเก่านั้นล้าสมัยไปหมดแล้วจริงหรือไม่ ยังมีใครที่เป็นเศรษฐีขึ้นมาได้จากคุณธรรมแบบเก่าอีกหรือไม่
แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเศรษฐีรุ่นใหม่เหล่านี้อาศัยแต่การ "อ่านเกมออก" เพียงอย่างเดียวจึงกลายเป็นเศรษฐีไปได้ เพราะจำนวนไม่น้อยของเศรษฐีเหล่านี้มีอะไรที่มัวหมองไม่มากก็น้อย ปนๆ อยู่ในประวัติเกือบทั้งนั้น
หลายคนยังมีคดีติดตัวค้างอยู่ที่ศาล บางคนก็อาศัยอำนาจการเมืองที่คุมเสียงข้างมากในสภาออกกฎหมายให้ระงับคดีจนกว่าตัวจะพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง, บางคนก็สู้คดียืดเยื้อเกี่ยวกับการค้าที่ไม่เป็นธรรมอยู่ไม่ได้เลิก, บางคนก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจการเงินที่อาศัยช่องโหว่ของการค้าเงินเอาเปรียบคนอื่น
และอีกหลายคนก็ประสบความสำเร็จจากธุรกิจสัมปทานในประเทศที่ไม่มีความโปร่งใสในเรื่องการให้สัมปทาน โดยเฉพาะในเอเชียและละตินอเมริกา อีกหลายคนรวยขึ้นมาจากผูกขาดในทางปฏิบัติเป็นเวลานาน เพราะอุดหนุนทางการเงินแก่เผด็จการ
ผมจึงไม่แน่ใจว่าในการค้าที่แฟร์จริงๆ แค่ "อ่านเกมออก" จะเป็นคุณธรรมนำไปสู่ความมั่งคั่งล้นเหลือได้จริงหรือไม่ แต่ก็ไม่แน่ใจด้วยว่า คุณธรรมเก่าๆ สำหรับเป็นเศรษฐีนั้นยังใช้ได้ในโลกปัจจุบันหรือไม่
เลยไม่รู้จะแนะนำคนที่อยากเป็นเศรษฐีว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่คนรุ่นหนุ่มสาวในปัจจุบันดูอยากเป็นเศรษฐีกันทุกคน ไม่ค่อยเคยเห็นใครที่อยากเป็นคนธรรมดาบ้าง
ยินดีครับ ที่พวกเราอยู่ในกลุ่มชอบศึกษา ผมก็กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน
ได้ทดลองไปแล้วบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีพอ เป็นเพราะน้ำฝนเข้าไปขังไว้ในถัง
ทำให้มีความชื่นภายในเตาสูง แต่ก็กำลังแก้ไข เมื่อมีฝนตกจะต้องปิดปากท่อ
ควันให้มิดชิด
ณัฐ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ทำให้เห็นความสุขของชีวิตพอเพียงได้ดีทีเดียวเลยครับ
แจ๋วมากเลยเตาเผาแบบเปิดหลัง เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
และขอขอบใจในความเอื้อเฝื้อ เมื่อคิดอะไรได้ใหม่ๆ ก็แบ่งปัน
sawit_khaengkhan
RAYONG MAPTAPHUT
ฮ้วย...ต้มลาวดอกนี่ ข่อยละงึด555