อนุทินล่าสุด


ภาณุพงศ์ สุนทโรวาศ
เขียนเมื่อ

มะม่วง (MANGO)

http://prayod.com/wp-content/uploads/2014/02/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87.jpg" alt="มะม่วง" width="448" height="336" style="margin: 1em auto; padding: 0px; font-family: inherit; font-size: inherit; font-style: inherit; font-variant: inherit; font-weight: inherit; vertical-align: baseline; display: block;">

มะม่วง เป็นผลไม้อีกชนิดที่คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบในรสชาติ ทั่วโลกมีมะม่วงไม่น้อยกว่า 1,000 พันธุ์ เฉพาะในประเทศไทยก็มีมากกว่า 150 พันธุ์ โดยมีทั้งแบบกินผลดิบและกินผลสุก พันธุ์ที่นิยมกินผลดิบก็มีทั้งมะม่วงมัน อย่างเช่น พันธุ์เขียวเสวยหรือฟ้าลั่นและมะม่วงเปรี้ยวที่มักกินคู่กับน้ำปลาหวานหรือจิ้มพริกเกลือ เช่น พันธุ์แรดหรือแก้ว ส่วนพันธุ์ที่นิยมกินผลสุก ก็เช่นพันธุ์น้ำดอกไม้หรืออกร่อง

มะม่วงมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เริ่มจากวิตามินซีที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ช่วยป้องกันหวัด และเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งในผลดิบส่วนใหญ่จะมีวิตามินซีสูงกว่าผลสุก เบตาแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอจะพบมากในมะม่วงสุกช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคตาบอดกลางคืน รวมทั้งวิตามินอีที่ไม่ค่อยพบในผลไม้ แต่มะม่วงก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับผลไม้ที่มีวิตามินอีที่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายพร้อมต่อสู้กับการติดเชื้อ ส่วนคาร์โบไฮเดรตในมะม่วงดิบจะอยู่ในรูปของแป้ง เมื่อมะม่วงเริ่มสุกแป้งเหล้านี้จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างกลูโคส ฟรักโทส และซูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เร็ว มีผลให้ร่างกายได้รับน้ำตาลและพลังงานในปริมาณที่เพิ่มขึ้น จึงควรระวังเรื่องปริมาณในการบริโภคมะม่วงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ส่วนโพลีฟีนอลในมะม่วงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดอาการอักเสบและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งและโรคหัวใจ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท