การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรม
ยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 ความมุ่งหมายของการพัฒนา 1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาประสิทธิภาพโดยใช้สูตร E1 / E2 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 จากการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 3. เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนกิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 โดยวิธีการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t-test) และการทดสอบค่าที (t-test Dependent) 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 โดยใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือจำนวน 5 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามวัดเจตคติต่อการเรียนกิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดโดยวิธีการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ แบ่งเป็น 3 ด้านประกอบด้วย ด้านความรู้ ด้านสติปัญญา และด้านพฤติกรรม จำนวน 1 ฉบับ 30 ข้อ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 มีจำนวน 1 ฉบับ 17 ข้อ
ผลการพัฒนาพบว่า
1. การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาดกิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 มีประสิทธิภาพของกระบวนการ / ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ คือ 85.33 / 82.88
2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 จากการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 16.71 คะแนนคิดเป็นร้อยละ 87.90 เมื่อตรวจสอบความแตกต่างของคะแนนหลังเรียนด้วย t - test พบว่า ค่า t = 20.16 (ค่า t จากตาราง df 33 .01 = 2.457) ซึ่งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. การศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนกิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 โดยวิธีการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ ด้านสติปัญญา และด้านพฤติกรรม ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.36 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61 พบว่า เจตคติหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ กิจกรรมยุวกาชาด กิจกรรมพิเศษ สำหรับยุวกาชาดระดับ 3 มีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50 และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.16
ไม่มีความเห็น