เศรษฐกิจการเมืองของประเทศซาอุดีอาระเบีย


ซาอุดีอาระเบียกับกิจการน้ำมัน
เศรษฐกิจการเมืองของประเทศซาอุดีอาระเบียซาอุดีอาระเบียกับกิจการน้ำมัน                ประเทศซาอุดีอาระเบียอนุญาตให้แปดประเทศใหญ่ของตะวันตกกลับเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อเข้ามาพัฒนาก๊าซธรรมชาติ โดยมีการลงทุนถึง 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในนโยบายเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียที่แสดงให้เห็นว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบียจะตึงเครียดอันเนื่องมาจากปัญหาอิสราเอลปาเลสไตน์ ซึ่งสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่  ซาอุดีอาระเบียก็ยงรักษาความสันพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯเอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯกับซาอุดีอาระเบียมีความสำคัญ ซึ่งเจ้าชายซาอูด อัล-ฟัยซ็อล เรียกว่า เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ โดยการตกลงได้เสร็จสิ้นลงในช่วงปลายปี แสดงให้เห็นว่าแม้ความสัมพันธ์ทางการเมืองจะไม่ราบรื่น แต่ผลประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศก็สามารถเอาชนะความไม่ลงรอยกันในกรณียิว-อาหรับได้ อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯยาวนานและต่อเนื่องกว่าห้าสิบปี นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะไม่ใช้ อาวุธน้ำมัน มาเป็นเครื่องต่อรองในความขัดแย้งที่มีต่อสหรัฐฯรวมทั้งยุโรปด้วย รัฐมนตรีน้ำมัน นายอะลี อัลนัยอะมี ยืนยันว่าการใช้น้ำมันเป็นอาวุธเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว ซาอุดีอาระเบียไม่ต้องการฆ่าตัวตาย อาวุธทีดีที่สุดของซาอุดีอาระเบียคือเงิน และการที่จะได้เงินมาก็ด้วยการขายน้ำมันเท่านั้น ภายในองค์การของกลุ่มประเทศส่งออกน้ำมัน นั้น สมดุลแห่งอำนาจจะว่างอยู่ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นเบื้องตน ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลก                สำหรับซาอุดีอาระเบีย การสิ้นสุดการบริหารของรัฐบาลคลินตันซึ่งถูกชาวซาอุดีอาระเบียมองว่าเป็นรัฐบาลที่สนับสนุนอิสราเอลมากที่สุดมาหลายปี ได้ทำให้ความแตกแยกระหว่างซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐฯว่าด้วยราคาน้ำมันเบาบางลงไป เพราะในสมัยของประธานาธิบดีคลินตันมีการลดการผลิตโดยกลุ่ม OPEC และไม่ใช่  OPEC  นายบิล ริชาร์ดสัน  รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐฯถึงกับเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรแถบอ่าวของตนเพิ่มผลผลิตเพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง หลังจากนั้นได้มีการพบปะกันระหว่างนายบิล ริชาร์สันกับเจ้าชายซาอูด อัล-ฟัยซ็อล เพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านี้สำหรับซาอุดีอาระเบียซึ่งมีความสัมพันธ์พิเศษกับสหรัฐฯ คงแก้ไขได้ แต่สหรัฐฯก็ต้องการให้ซาอุดีอาระเบียช่วยกดดันประเทศอื่น ๆ ให้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของราคาน้ำมันที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน                อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโส ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีบุช รองประธานาธิบดี นายดิกเวนีย์ รวมทั้งตัวประธานาธิบดีเอง ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้กับกลุ่ม OPEC ในเดือนกรกฏาคม กลุ่ม OPEC ได้ตัดสินใจลดการผลิตลงหนึ่งล้านบาร์เรลต่อวันนับจากวันที่ 1 กันยายน เพื่อผลักดันให้ราคากลับมาที่ 25 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และ 28 ดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับน้ำมันคุณภาพสูง ซึ่งปรากฏว่าค่อนข้างจะได้รับการยอมรับจากสหรัฐฯอเมริกา                การถลุ่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และตึกเพนตากอนในวันที่  11  กันยายน  สร้างความตื่นตะลึงให้กับบรรดาพ่อค้าที่ทำให้ราคาดิบพุ่งไปมากกว่า 3.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหนึ่งบาร์เรลอย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดูเหมือนจะคงที่อยู่ต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรล หากว่าสหรัฐฯจะไม่ทำการโจมตีตอบโต้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเสียก่อน นอกเหนือกจากความมั่นคงในเรื่องการส่งน้ำมันแล้ว โครงการด้านพลังงานของบุชยังมีความพยายามที่จะเพิ่มผลผลิตในประเทศและถ้าน้ำมันราคาแพงก็จะยิ่ทำให้นโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนมากขึ้น นายสเปนเซอร์ อับราฮัม ซึ่งดูแลด้านการพลังงานของประธานาธิบดีบุชได้ปรึกษาเรื่องนี้กับทางซาอุดีอาระเบียเรียบร้อยแล้ว และได้รับการยืนยันจากรัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบียว่าจะไม่ให้ระดับราคาน้ำมันพุ่งสูงไปกว่า 30 ดอลลารืสหรัฐฯท่ามกลางการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโลกอาหรับโดยเฉพาะเจ้าชายอับดุลลอฮ์ และสมาชิกอื่น ๆ ตลอดจนตระกูลสุดัยรี ซึ่งเป็นครอบครัวผู้ปกครองแห่งอัลซาอูดทีแม้ว่าจะมีประเพณีนิยมสหรัฐฯ แต่ในเวลานี้ได้มองว่าสหรัฐฯล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ขณะที่ประธานาธิบดีบุชผู้เป็นบิดาได้รับการนับถือจากประเทศแถบอ่าวว่าเป็นมิตร ได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าชายอับดุลลอฮ์ในเดือนกรกฎาคมเพื่อยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯพยายามที่จะหาทางยุติการนองเลือดที่มาจากการลุกฮือขึ้นต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์                อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากโลกอาหรับไม่เชื่อว่าความสมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียจะได้รับผลกระทบไม่ว่าจะมีแรงกดดันมากแค่ไหนในสถานการณ์ที่แวดล้อมอยู่ก็ตาม อย่างเช่น การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและอหร่าน เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐฯเป็นความสัมพันธ์ทางทางยุทธศาสตร์ที่ลึกล้ำ ไม่อาจกระทบกระเทือนด้วยเรื่องอื่น ๆ ได้ ซาอุดีอาระเบียไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องกับสหรัฐฯทั้งหมด ดังนั้นแถลงการณ์ของซาอุดีอาระเบียที่มุ่งตรงต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ จึงไม่ได้มาจากความเป็นปรปักษ์แต่เป็นการปกป้องสถานะของซาอุดีอาระเบียในฐานะที่เป็นผู้วางมาตรฐานแห่งโลกอิสลาม                อิสราเอลได้มีข้อสรุปเอาไว้เมื่อปี 2000 ว่า อำนาจน้ำมันของซาอุดีอาระเบียอาจคุกคามอิสราเอลอย่างได้ผลมากว่ากองกำลังทหารของโลกอาหรับเสียอีก ด้วยการบีบคับให้สหรัฐฯเลือกเอาระหว่างการยืนเคียงข้างทางการเมืองกับชาวยิวและความต้องการทางยุทธศาสตร์จากน้ำมันอาหรับ การมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จึงทำให้อิสราเอลใช้ความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งความสำเร็จบางประการในการโน้มน้าวให้สหรัฐฯแลเห็นว่าศักยภาพของประเทศแถบอ่าวคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น สหรัฐฯซึ่งได้รับแรงกดดันจากฝ่ายผู้สนับสนุนอิสราเอล จึงพยายามสร้างความสมดุลขึ้นในระหว่างสองฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กันและอาจต้องทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า                ปัจจุบันอำนาจของ OPEC ได้ปิดม่านลงมากกว่าสามทศวรรษแล้วอยู่ในจุดที่ว่าเวลานี้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันต้องกังวัลถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของตน ราคาน้ำมันได้ตกตกต้ำลงในปี 1986 และ 1988 แสดงให้เห็นว่าเวลานรีพวกเขามิได้ควบคุมตลาดหรือรายได้ของน้ำมันอีกต่อไปซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรต้องพบกับการขาดดุลงบประมาณเป็นครั้งแรก และต้องหมดเงินไปถึง 60  พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 1990 -1991 ในสงครามอ่าว นอกจากนี้ความพยายามที่จะใช้น้ำมันเป็นอาวุธเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเมืองของประเทศผู้บริโภคก็กลายเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป ความจริงเหตุการณ์ได้เปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม เพราะสมาชิกสำคัญสามประเทศของ OPEC คือ อิหร่าน อิรัก และลิเบีย ตกอยู่ภายใต้การแซงค์ชั่น ของสหรัฐฯ และสหประชาชาติหรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง โดยทั่วไปมีความเชื่อกันว่าภายในสองทศวรรษศูนย์กลางความสนใจในการผลิตน้ำมันโลกจะอยู่ที่รัฐในอ่าวห้าประเทศคือ ซาอุดีอาระเบีย อิรัก ออหร่าน คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จากรายงานของ Cente for strategic and international studies Strategic Energy Initiative ในหัวข้อ ภูมิรัฐศาสตร์ของพลังในศตวรรษที่ 21 กล่าวว่าหากว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือ ถ้าความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน ขณะเดียวกันอิรัก และอิหร่านจะต้องปลอดพ้นจากการถูกแซงค์ชั่น รายงานได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มที่สำคัญในระหว่างช่วงเวลานี้ได้แก่การพึ่งพิงกันระหว่างการส่งพลังงานและผู้ใช้น้ำมัน เพราะผู้ผลิตน้ำมันในอเมริกาเหนือและยุโรปจะผลิตน้อยและการผลิตในอ่าวก็เพิ่มขึ้นการส่งน้ำมันของประเทศอ่าวก็เพิ่มขึ้นเคียงคู่ไปกับการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว รายงานยังได้กล่าวอีกว่า ภายในปี 2020 รายร้อยละ 50 ของความต้องการน้ำมันของโลกจะอยู่ในประเทศซึ่งความมั่นคงภายในประเทศถูกจัดอยู่ในประเภท น่าสงสัย                ข้อตกลงของซาอุดีอาระเบียในวันที่ 3 มิถุนายน กับบริษัทน้ำมันเท่ากับปิดตายการลงทุนในภาคพลังงานของราชอาณาจักร นับตั้งแต่อุตสาหกรรมน้ำมันถูกให้เป็นของชาติในปี 1975 หลังจากเกิดสงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 1973 และการคว่ำบาตรน้ำมันที่ตามมาภายหลัง                ในการทำให้เศรษฐกิจของราชาอานาจักรมีความหลากหลายซาอุดีอาระเบียได้พัฒนาทุ่งก๊าซธรรมชาติของตนขึ้นมา 440000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับสวีเดน นับเป็นบริเวณที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับการลงทุนในด้านไฮโดรคาร์บอน บริษัทของสหรัฐฯจะเป็นหุ้นส่วนพร้อม ๆ ไปกับบริษัท Royal Dutch/shell บริษัท  british และ petroleum Philips นอกจากนี้สหรัฐฯยังเข้าไปดูพร้อมกับอีกสองบริษัทสหรัฐฯยังเข้าไปดู โดยมีบริษัท Exxonพร้อมกับอีกสองบริษัทของสหรัฐฯเป็นหุ้นส่วนคือ บริษัท Royal dutch /shell รวมทั้งบริษัทฝรั่งเศล คือ total-fina ELF และ Conoco ของสหรัฐฯในชัยบาห์ เมืองรับ อัล-คอลี อันเป็นดินแดนที่กว้างขวางทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบียนอกจานนี้ยังมีโครงการที่เรียกรวม ๆ กันว่า National Gas Initiative เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกับบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการโดยรัฐมากกว่า 30 ปี                บริษัทพลังงานของสหรัฐฯต่างมีความกระตือรือร้นที่จะกลับมาที่ซาอุดีอาระเบียไม่ว่าจะป็นบริษัท ซึ่งเคยเข้ามาดำเนินการในราชาอาณาจักรจนกระทั่งถึงปี 1975 ในฐานะส่วนหนึ่งของบริษัท Arabian American Oil บริษัทของประเทศตะวันตกจะช่วยสร้างผลประโยชน์ให้ซาอุดีอาระเบีย อย่างเช่นการช่วยให้มีการส่งน้ำมันดิบของราชอาณาจักรได้อย่างเสรีมากขึ้น ในขณะมีการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานใหม่และสร้างงานให้กับชาวซาอุดีอาระเบีย                มุงกฎราชกุมารอับดุลลอฮ์ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคญอยู่ในการบริหารกิจการประจำวันของประเทศมากขึ้น นับตั้งแต่กษัตริย์ฟาฮัดทรงประชวรในปี 1995 โดยพระองค์ได้เตือนเพือนร่วมชาติเมื่อสองปีก่อนว่าวันเวลาแห่งความรุ่งเรืองของน้ำมันได้หมดไปแล้ว ซึ่งราชาอานาจักรไม่อาจละเลยเรื่องของโลกาภิวัตน์ได้ และซาอุดีอาระเบียก็เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ พยายามหลีกเลี่ยงการที่เกือบจะต้องพึงพารายได้เกือบทั้งหมดจากน้ำมัน ซาอุดีอาระเบียจึงกระตือรือร้นที่จะแสดงถึงการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมกับองค์กรการค้าโลก (WTO) และขยายธุรกิจเอกชนของซาอุดีอาระเบียออกไป ในปี 2000 ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศแนวทางใหม่ที่มุ่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติซึ่งถือเป็นการปฏิรูปในด้านนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี อิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกสำคัญของ OPEC ก็ต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในด้านอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อการสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อความทันสมัยและการขยายตัว แม้ว่าการแซงค์ชั่นจากสหรัฐฯและการต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมภายในประเทศยังเป็นอุปสรรคอยู่ก็ตาม เช่นเดียวกับคูเวตที่มีแผนจะใช้เงิน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อเปิดทางให้ประเทศใหญ่ ๆ เข้ามาทำกิจการน้ำมันที่บ่อน้ำมันทางเหนือ พร้อมกับยืนยันถึงความจำเป็นที่จะส่งเสริมความสามารถทางการผลิต 2.5 ล้านไปจนถึง .3.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม รัฐสภาของคูเวตกล่าวว่าโครงการดังกล่าวเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญซึ่งห้ามมิให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ                อย่างไรก็ตาม บริษัทน้ำมันต่างชาติทั้งหลายจะต้องรับลิเบียและอิรักกลับมาทันที่ที่การแซงค์ชั่นของสหประชาชาติยุติลง บริษัทของสหรัฐฯ ถูกห้ามเกี่ยวข้องกับสองประเทศอันเนื่องมาจากการแซงค์ชั่น แม้ว่าเจ้าหน้าที่บางคนของรัฐบาลประธานาธิบดีบุชมีความหวังว่าผู้ผลิตน้ำมันในภูมิภาคจะเปิดกว้างให้กับบริษัทใหญ่ ๆ ของต่างประเทศให้เข้ามาพัฒนากิจการน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจะมีผลอย่างลึกซึ้งต่ออนาคตทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับตะวันตก ที่ขึ้นอยู่กับความมั่นคงทางพลังงานที่จะเพิ่มมากขึ้นในทศวรรษหน้า(จรัญ  มะลูลีม อ้างถึงใน วัชรินทร์  ยงศิริและคณะ. 2545 : 343-346 )                ได้มีรายงานเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม  2001  ว่าคณะรัฐมนตรีได้ให้การยอมรับงบประมาณสำหรับปี 2002 โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายอยู่ที่ให้เกิดความมั่นคงต่อฝ่ายใด ๆ สภาแห่งรัฐอาหรับจึงมีความคิดดังต่อไปนี้1.       เรียกร้องให้อิสราเอลพิจารณานโยบายของตนและประกาศว่าสันติภาพที่ยุติธรรมนั้นเป็นข้อเลือกทางยุทธศาสตร์ด้วยเช่นกัน2.       ข้อเรียกร้องที่มีต่ออิสราเอลเป็นการยืนยันว่า                                I.      จะต้องมีการถอนทหารทั้งหมดออกจากดินแดนที่อิสราเอลเข้ายึดครองตั้งแต่ปี 1967 รวมทั้งดินแดนที่ราบสูงโกลันตามเส้นเขตแดนที่ได้กำหนดในเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1976 รวมทั้งดินแดนบางส่วนของเลบานอนที่ยังถูกยึดครองอยู่ทางภาคใต้                              II.      เพื่อใหได้มาซึ่งมติที่ยุติธรรมต่อปัญหาผู้อพยพปาเลสไตน์ โดยจะต้องมีการตกลงกันตามมติที่ 194 ของสมัชชาแห่งสหประชาชาติ                           III.      การยอมรับการสถาปนารัฐเอกราชปาเลสไตน์ในดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองมาตั้งแต่ วันที่ 4 มิถุนายน  1976 ทั้งชายฝั่งตะวันตกและฉนวนกาซาโดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมือหลวง3.       หลังจากนั้นประเทศอาหรับก็จะยืนยันถึงข้อเสนอดังต่อไปนี้                                I.      พิจารณาถึงการสิ้นสุดของความขัดแย้งอาหรับ-อิสราแอล และเข้าสูข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอลโดยการให้ความมั่นคงแก่ทุก ๆ รัฐและทุก ๆ ภาค                              II.      สถาปนาความสัมพันธ์ขั้นปกติกับอิสราเอลในบริบทของสันติภาพที่ครอบคลุม                           III.      เรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลและประชาชนอิสราเอลทุกคนยอมรับข้อเสนอนี้เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งความหวังแห่งสันติภาพและหยุดยั้งการหลั่งเลือดต่อไป และทำให้ชาวอิสราเอลอยู่อย่างมีสันติภาพ เป็นเพื่อนบ้านที่ดี และทำให้คนรุ่นต่อมามีอนาคตมีความมั่นคงปลอดภัยและรุ่งเรือง                           IV.      เชิญชวนชุมชมนานาชาติจากทุกประเทศและทุกองค์กรให้สนับสนุนข้อเสนอนี้                              V.      เรียกร้องให้ประธานในที่ประชุมตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกของรัฐที่เกี่ยวข้องและเลขาธิการของสันนิบาตแห่งรัฐอาหรับที่จะร่วมกันสนับสนุนข้อเสนอนี้ออกไปในวงกว้างในทุกลำดับขั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหประชาติ คณะมนตรีความมั่นคง สหรัฐอเมริกา สหพันธรัสเซียรัฐมุสลิมและสหภาพยุโรป    
คำสำคัญ (Tags): #น้ำมันซาอุดี
หมายเลขบันทึก: 98101เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2007 16:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 15:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท