การเขียนทางวิชาการ>>>งานไม่หมูของนักศึกษา ป.เอก (2)
การเขียนรายงานการวิจัยที่จะเล่าสู่กันฟังวันนี้เป็นการเขียนบทการทบทวนวรรรณกรรม (Literature Review) ที่พบเห็นกันได้ทั่วไปในการเขียนวิทยานิพนธ์บทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ กับตัดแปะเป็นท่อน ๆ ไม่สละสลวยการเขียนในบทนี้จึงควรมี 3 ส่วนด้วยกันครับ
ส่วนที่ 1. Introduction จะต้องเขียนเล่าก่อนว่าเราไปค้นคว้างานวิจัยอย่างไร สืบค้นจากคำใดบ้าง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แล้วพบงานวิจัยภายใต้คำใดบ้าง มากน้อยแค่ไหนเพื่อแสดงให้รู้ว่าเราค้นคว้ามาแล้วกับงานที่วิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานของเราซึ่งแสดงถึงการรู้สารสนเทศของผู้วิจัยอีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนที่ 2. Body เป็นตัวเนื้อหาและหัวข้อเชิงวิชาการที่เราทบทวนมาแล้วอาจจะเขียนเป็น out line ก่อน โดยได้มาจาก คำถามวิจัย วัตถุประสงค์การวิจัย กรอบแนวคิด รวมไปถึงตัวแปรจากงานวิจัยนั่นเอง
ส่วนที่ 3. Conclusion เขียนสรุปว่างานของเราจะปิด gap หรือช่องว่างของปรากฎการณ์นี้อย่างไร
ลองหาอ่านงานวิทยานิพนธ์ต่างประเทศดูนะครับ แม้ว่าบางสถาบันอาจมีรูปแบบต่างกันออกไป แต่อย่างน้อย ๆ การเขียนลักษณะนี้ก็จะทำให้ผู้อ่านงานของเราเข้าใจงานได้ง่ายขึ้นครับ........
ความเห็น (3)
- สวัสดีครับ
- เห็นด้วยครับว่าบท Literature review ในหลาย ๆ วิทยานิพนธ์โดยเฉพาะในระดับปริญญาโทจะเขียนสรุปเนื้อหาเป็นคน ๆ ไปซึ่งอ่านแล้วมักจะไม่ค่อยได้อะไร ผู้เขียนควรอ่านให้เข้าใจและเขียน + เรียบเรียงใหม่เช่นเดียวกับที่คุณ kitpapon แนะนำครับ
- ถ้าเขียนแบบนี้เวลาตรวจด้วยโปรแกรม plagrarism โดนตัวแดงเยอะแน่ ๆ ครับ >< http://gotoknow.org/blog/kmait/92473
- ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับที่แสดงความคิดเห็น อาจารย์ที่สอนการเขียนทางวิชาการก็บอกครับ ที่ AIT เขาเข้มงวดมากกับ plagiarism ตอนนี้นักศึกษาทุก ๆ คนก็คงต้องพยายามฝึกเขียนกันเยอะ ๆ ครับ วัฒนธรรมของเมืองไทยจะได้ค่อย ๆ เปลี่ยนไปครับ ผมเข้าใจว่านักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มี course เรียนเรื่องพวกนี้ จึงต้องศึกษากันเองครับ
- เพิ่งเห็น blog พี่กิจค่ะ เลยเข้ามาแจม
- คงได้ข่าวคะแนนวิชา academic writing แล้วนะคะ
- sad but not tired