ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมสัมมนาในงาน มหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดย สคส. เมื่อวันที่ 1-2 ธันวาคม 2548 ที่ผ่าน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ ผมต้องขอชื่นชมด้วยใจจริงครับว่า จัดได้ดีมากและ ผมได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการจัดการความรู้ที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการทำกันอยู่ และได้ผลมากน้อยเพียงไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ผมสนใจ คือการทำกิจกรรม KM ของภาคเอกชน ซึ่งผมได้มีโอกาสฟังการเล่าประสบการณ์ของ ดร.ปรอง กองทรัพย์โต ซึ่งท่านเป็น Sr.Manager ของบริษัท สแปนชั่น(ประเทศไทย) จำกัด ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนมากทีเดียวครับ เกี่ยวกับการทำ KM ที่เนียนอยู่ในเนื้องานเป็นอย่างไร ผมประทับใจอยู่คำหนึ่ง ที่ท่านได้พูดถึงว่า KM ก็เปรียบเสมือน วิตามิน ที่จะช่วยให้ร่างกายของเรามีความแข็งแรง ซึ่งก็เปรียบเสมือนช่วยให้องค์กรมีความเข้มแข็งนั่นเอง ผมก็เลยคิดต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้น KM ก็ไม่ใช่ยารักษาโรค เพราะถ้าเราคิดว่า KM เป็นยารักษาโรค เราก็จะต้องการมันเมื่อเราป่วย และเมื่อหายป่วยแล้วเราก็ไม่ต้องการมันใช่ไหมครับ ผมเห็นด้วยอย่างมากว่า ถ้า KM เปรียบเสมือน วิตามิน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันโรค เราก็ควรที่จะกินมันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และก็ควรที่จะกินจากการเลือกกินอาหารที่มีวิตามินต่าง ๆ ตามที่ร่างกายต้องการ เช่น ผัก หรือ ผลไม้ชนิดต่าง ๆ และนั่นก็น่าจะหมายถึง การดำรงชีวิตอยู่อย่างชาญฉลาด ด้วยการใช้ปัญญา ถ้าจะว่าไปแล้วก็เปรียบเสมือน การทำงานที่ควรจะต้องมีการจัดการความรู้ให้เนียนอยู่ในเนื้องาน หรือการทำงานตามปกตินั่นเอง ซึ่งก็จะถือได้ว่าเป็นการทำงานที่ฉลาดและใช้ปัญญา และจะช่วยให้เกิดการพัฒนาคน พัฒนางาน และพัฒนาองค์กร ในที่สุด จริงไหมครับ