ภาพที่ 1:
ภูฏานมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ (identity) หลายอย่าง ทำให้คนทั่วโลกอยากไปเที่ยว
นิตยสารบนเครื่องสายการบินดรุคแอร์ (Drukair) มีภาพที่สื่อให้เห็นถึงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมมากมาย... ถ้าชาวภูฏานช่วยกันรักษาวัฒนธรรมเช่นนี้ไว้ ต่อไปคงจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศอีกมากมายทีเดียว
ภาพที่ 2:
ภาพในนิตยสารบนเครื่อง สายการบินดรุคแอร์ (Drukair) มีภาพสิ่งก่อสร้างที่เดิมเป็นป้อมค่าย เข้าใจว่า คงจะคล้ายๆ ปราสาท
ภาพที่ 3:
ภาพสนามบินกาย่า (Gaya)...
การเดินทางไปเมืองกาย่า (Gaya) หรือพุทธคยา (Boddh Gaya) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
ผู้เขียนไปอินเดียครั้งแรกในปี 2542... ตอนนั้นไม่มีเที่ยวบินไปพุทธคยา ต้องเดินทางไปลงที่กัลกัตตา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของอินเดีย
วิธีที่สองสำหรับคนทั่วไปคือ นั่งรถทัวร์วนไปวนมารอบเมือง พอค่ำลงค่อยเข้าไปในสถานีรถไฟกัลกัตตา ซึ่งคนเข้าออกมากแบบปลวกแตกรัง
ที่ยุ่งหน่อยคือ รถไฟอินเดียหยิ่งหน่อย... ถึงจะซื้อตั๋วล่วงหน้าก็ไม่บอกที่นั่ง ไก๊ด์ต้องวิ่งไปเดินไป ดูประกาศที่กระดานจึงจะรู้ว่า ไปรถขบวนไหน โบกี้ใด
ท่านเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเรียนปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทย และไปต่อโทที่พาราณสี ทำให้เก่งภาษาทั้งอังกฤษ และฮินดี(ภาษาที่ใช้มากที่สุดในอินเดีย)
ทีนี้มาดูพี่ไทยบ้าง... ทางสนามบินจะถ่วงเวลาจนถึงประมาณ 1 ทุ่ม (19.00 น.)จึงจะให้ออก
เรียนถามจากไก๊ด์ท่านหนึ่ง ท่านว่า ต้องหล่อลื่นประมาณ 2,000-3,000 บาท ไม่อย่างนั้นจะช้ามาก ลูกทัวร์จะไม่พอใจ เพราะทัวร์ไทยเป็นทัวร์ "เชิงปริมาณ (quantitative tour)" ...
การต้องจ่ายค่า "หล่อลื่น" มากๆ นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าทัวร์สังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาลค่อนข้างแพง ส่วนใหญ่ตกในช่วง 45,000-55,000 บาท...
เราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi) ประมาณ 7.45 น. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง น่าจะถึงเวลา 10.45 น. ทว่า... เวลาอินเดียช้ากว่าไทย 1.5 ชั่วโมง จึงไปถึงประมาณ 9.15 น. ออกจากสนามบินประมาณ 10.30 น.
ความจริงน่าจะเร็วกว่านี้ได้สักประมาณ 15-20 นาที... ที่ช้าไป เพราะผู้เขียนเดินทางไปหาคุณหมอ(ชิต)ก่อนไปสนามบินสุวรรณภูมิ การนอนหลับๆ ตื่นๆ บนรถทัวร์ทำให้การคิดอ่านช้าลง เบลอ (blur) ไปหน่อย เลยเขียนหมายเลขวีซ่าท่านพระอาจารย์ประสงค์ และแม่ชีพรทิพย์ผิด
เรียนเชิญดาวน์โหลด:
แหล่งที่มา:
ไม่มีความเห็น