สัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันธัญญารักษ์ได้จัดกิจกรรมกรณีศึกษา case study ในผู้ป่วยสุราที่มีปัญหาโรคตับด้วยซึ่งน้องๆ พยาบาลที่เข้าฟังให้ความสนใจดี จึงขอทบทวนเล่าเรื่องโรคตับอักเสบอันเนื่องมาจากสุรา (Alcoholic hepatitis) เพื่อเป็นความรู้ในการดูแลผู้ป่วยต่อไป
เรามาทำความรู้จักกับหน้าที่ของตับกันก่อน ตับเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย
ได้แก่ สร้างเอนไซม์ในการย่อยสารอาหาร
สร้างน้ำดีซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการดูดซึมไขมันและไวตามินชนิดละลายในไขมัน
สร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบในการทำให้เลือดแข็งตัว และขจัดยา
แอลกอฮอล์ และสารที่มีอันตรายต่างๆ
ออกจากกระแสเลือด
ถึงแม้ว่าตับจะมีความสามารถที่จะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ได้
(regeneration) แต่หากได้รับสารพิษ (toxins) เรื่อยๆ
สามารถทำให้ตับถูกทำลายรุนแรงและบางครั้งไม่สามารถจะกลับดีขึ้นได้
สุรา
(แอลกอฮอล์)เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคตับที่รุนแรงเช่นโรคตับอักเสบ
ในผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง จะทำให้ตับมีการอักเสบเรื้อรัง
จนทำให้เนื้อตับตายลง เกิดเป็นแผล
มีเนื้อเยื่อพังผืดแข็งแทรกในตับ กลายเป็นโรคตับแข็ง
(cirrhosis) และตับวาย (liver
failure)ได้ ดังนั้นการเป็นโรคตับอักเสบ
จึงอาจรุนแรงทำให้ตายได้
อาการของโรคตับอักเสบ
อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบจากสุราที่เป็นเล็กน้อยอาจสังเกตไม่พบ
แต่ถ้าลุกลามตับถูกทำลายมากขึ้นอาการจะปรากฏให้เห็น ได้แก่
-
ไม่อยากอาหาร
-
คลื่นไส้และอาเจียน บางครั้งมีเลือดออกมาด้วย
- ปวดท้อง
-
ตัวเหลืองและตาเหลือง (ดีซ่าน)
-
มีไข้
-
ท้องบวมเนื่องจากมีน้ำมาสะสมมาก (ท้องมาน)
- จิตใจสับสน
- อ่อนเพลีย
อาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไป
ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
และมักจะแย่ลงหลังจากดื่มสุรา
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคตับอักเสบจากสุรา อาศัยข้อมูลทางการแพทย์
ซึ่งประกอบด้วยการตรวจร่างกาย
ประวัติการเจ็บป่วยว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับอักเสบหรือไม่
(เช่น การใช้สุรา) หรือ
การส่งตรวจบางอย่างเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมสนับสนุนการวินิจฉัย
ได้แก่
-
การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ โดยตรวจดูการทำงานของตับ (Liver
function test) ซึ่งจะตรวจระดับที่สูงขึ้นของเอนไซม์บางชนิดในตับ
ได้แก่ SGOT, SGPT และ
ALP ซึ่งจะบ่งชี้ว่าตับมีการอักเสบ
-
อัลตราซาวน์ (Ultrasound) ในผู้ป่วยโรคตับอักเสบอาจจะมีตับขยายใหญ่ขึ้น
วิธีนี้ใช้ในการคัดกรองปัญหาอื่นๆ เช่น โรคนิ่วหรือ
ถุงน้ำดีอุดตัน ออกไปได้
- การตรวจเนื้อเยื่อของตับ (Liver biopsy) โดยใช้เข็มเล็กๆ
แต่ยาวเจาะตับ ได้ตัวอย่างเนื้อเยื่อ ส่งตรวจทางกล้องจุลทรรศน์
การรักษา
การเลิกสุราเป็นวิธีการรักษาเดียวที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคตับอักเสบจากสุรา
โดยทั่วไป
ในผู้ป่วยที่ติดสุราและเป็นโรคตับอักเสบอันเนื่องมาจากสุรา
หากมีอาการไม่รุนแรง ถ้าหยุดสุรา
อาการจะดีขึ้น ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
เช่น โรคตับแข็ง
ถึงแม้ว่าเนื้อตับที่ถูกทำลายไปโดยโรคตับแข็งไม่สามารถจะแก้ไขให้เป็นปกติดังเดิมได้
แต่การหยุดดื่มสุรา
จะทำให้การลุกลามของโรคช้าลงไปได้บ้างและเกิดโรคแทรกซ้อนจากตับแข็งน้อยลง
นอกจากนี้ การรักษาอื่นๆ ได้แก่
1.
การรักษาทางโภชนาการ (Nutritional
therapy)
เป็นส่วนที่สำคัญในการรักษาโรคตับอักเสบอันเนื่องมาจากสุรา
เนื่องจากภาวะทุพโภชนาการมีส่วนช่วยเสริมทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้น
ผู้ป่วยควรได้รับการแนะนำอาหารที่มีแคลลอรี่และสารอาหารสูงเพื่อช่วยฟื้นฟูตับ
ควรลดอาหารประเภทไขมัน
เนื่องจากแอลกอฮอล์จะรบกวนการเปลี่ยนแปลงของกรดไขมัน
ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับ (alcoholic fatty
liver)
นอกจากนี้เนื่องจากแอกอฮอล์ทำการดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ไม่ดี
ควรมีการให้วิตามินและเกลือแร่เสริม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี1 บี2 บี6
แคลเซียมและเหล็ก
มีความสำคัญมาก
2. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต (life style
changes) การเลิกบุหรี่ และการควบคุมน้ำหนักให้สุขภาพดี
สามารถทำให้การทำงานของตับดีขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮฮล์
เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถทำให้เกิดตับอักเสบและทำลายตับได้
ซึ่งจะทำให้ตับเสียหายมากขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อาจจะมีการปนเปื้อนของเชื้อราอะฟลาท็อกซิน
เช่น ถั่วลิสงตากแห้ง ข้าวโพดแห้งและพริกป่น
สารอะฟลาท็อกซินสามารถทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับได้มากยิ่งขึ้นในผู้ป่วยที่มีตับแข็ง
3. การรักษาด้วยยา (Drug
therapies)
ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบรุนแรงอาจมีอาการดีขึ้นจากการรักษาด้วย
- ยา corticosteroids เพื่อลดการอักเสบ
- ยา Pentoxifylline ป้องกันร่างกายไม่ให้สร้าง tumor
necrosis factor-alpha ซึ่งป็นสารสำคัญเชื่อมโยงกับการอักเสบ
(inflammation)
4. การให้สารต้านอนุมูลอิสระ
(Antioxidants)
อนุมูลอิสระมีบทบาทสำคัญในโรคตับอักเสบจากสุราโดยเป็นสาเหตุให้เซลล์ตับถูกทำลายลงอย่างกวางขวาง
การรักษาด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Silymarin
สามารถช่วยป้องกันเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลายได้ ยา
Silymarin จะช่วยกระตุ้นการ regenerate ของเซลตับ
มีรายงานการศึกษา (randomised clinical trial)
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับจากสุราที่มีอาการปานกลาง (ค่า SGPT และ SGOT
< 200 U/ml) และยังคงมีความผิดปกติของค่า LFT
หลังจากอดสุราแล้วอย่างน้อย 1 เดือน
ให้การรักษาโดยให้ silymarin 420 mg/วัน เป็นระยะเวลา 4
สัปดาห์ พบว่า ค่าเฉลี่ยของ SGPT และ SGOT ลดลง 30.1% และ 40.8
% ตามลำดับ ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญกับผู้ป่วย
placebo ที่มีค่าเหล่านี้เพิ่มขึ้น 5.4 % และ 2.8 %
ตามลำดับ ผลการรักษาของ silymarin
เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ จะทำให้ระดับเอนไซม์ SGOT, SGPT
ลดลงจากตับ และระดับของพลาสม่าโปรตีนอยู่ในภาวะปกติ
5. การผ่าตัดเปลี่ยนตับ (Liver
transplant) ถ้าตับเสียมากจนทำหน้าที่ไม่ได้
อาจจำเป็นต้องให้การรักษาโดยผ่าตัดเปลี่ยนตับ
ถึงแม้การผ่าตัดเปลี่ยนตับจะประสบความสำเร็จถึง 80-90%
แต่ค่อนข้างยุ่งยาก ตั้งแต่เริ่มต้นคือการหาตับมาเปลี่ยน
และผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันร่างกายปฏิเสธตับใหม่ซึ่งจะต้องกินเป็นระยะเวลานานและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
เอกสารอ้างอิง
1. http://www.mayoclinic.com/health/alcoholic-hepatitis/
2. http://www.thailiverclub.org/magazine/mag07.html
3. http://medscape.com/viewarticle/422884_5
4. คัดลอกจากบันทึกของกลุ่มงานเภสัชฯ อีกทีครับ
ไม่มีความเห็น