ทุนทางสังคม : ทุนทางสังคมมีความใกล้เคียงกับคำว่า “วัฒนธรรมชุมชน” ซึ่งมีนักวิชากรให้ความหมายไว้หลายท่าน หมายรวมถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่นระบบคิด ความเชื่อ ค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคม คือความสามัคคี ความมีน้ำใจ การเสียสละเพื่อส่วนรวม นอกจากนี้ก็หมายถึงภูมิปัญญา ระบบความรู้ และยังหมายถึงสิ่งที่เป็น ระเบียบ กฎเกณฑ์ จารีตต่างๆอีกด้วย
ทุนที่มีอยู่: ผู้บันทึกมีส่วนในการเก็บข้อมูลเพื่อการประเมินผลทุนทางสังคมให้กับ ธนาคารโลก เมื่อปี 47-48 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมี ดร.มณีมัย ทองอยู่ แห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหัวหน้าทีม ผลการศึกษาพบว่า
· ความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน คุณลักษณะผู้นำ ความสามารถในการจัดการกลุ่ม องค์กรในชุมชนล้วนมีอิทธิพลต่อความร่วมมือในประเพณีในหมู่บ้านไทยในปัจจุบัน
· ในหมู่บ้านที่ได้รับโครงการเพื่อทุนทางสังคม เครือข่ายเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการสื่อสาร ส่วนในหมู่บ้านที่ไม่ได้รับโครงการทุนทางสังคม พบว่าการมีกลุ่มและองค์กรที่เข้มแข็งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้คนในชุมชนมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น
· ในหมู่บ้านที่ได้รับโครงการเพื่อทุนทางสังคม เครือข่ายเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อแรงยึดเหนี่ยวของสังคม ส่วนในหมู่บ้านที่ไม่ได้รับโครงการทุนทางสังคม พบว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป็นปัจจัยที่ที่มีผลกระทบต่อแรงยึดเหนี่ยวของสังคม
· ในหมู่บ้านที่ได้รับโครงการเพื่อทุนทางสังคม การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และแรงยึดเหนี่ยวทางสังคมชุมชนมีผลทำให้อำนาจประชาชนและชุมชนเพิ่มขึ้น หมู่บ้านที่ไม่ได้รับโครงการทุนทางสังคม พบว่าอำนาจของประชาชนที่มีเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความร่วมมือและการทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม เช่นการทำกิจกรรมประเพณีและศาสนา และเครือข่าย ส่วนในหมู่บ้านที่ไม่ได้รับโครงการทุนทางสังคม พบว่าเครือข่ายที่มีผลโดยตรงต่ออำนาจประชาชน และเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นปัจจัยร่วมที่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอำนาจประชาชน
2. ทุนที่กำลังร่อยหรอลงไป: น่าดีใจที่ผลการศึกษายืนยันถึงการที่สังคมไทยมีทุนทางสังคมอยู่ในด้านต่างๆแต่ที่น่าเสียดายที่งานวิจัยนี้ไม่ได้ศึกษาในแง่มุมการเปลี่ยนแปลงของทุนทางสังคม ซึ่งเรารู้ เราเห็น เราสัมผัสได้ว่าทุนต่างๆเหล่านั้นกำลังร่อยหรอลงไปทุกวันๆ ด้วยกระแสทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์ ตัวอย่างง่ายๆ
· การคิดค่าแรงงานแทนการลงแขก หรือเอามื้อเอาแรงกัน
· การไม่ไว้วางใจกันมีมากขึ้น
· ผู้นำชุมชนตกเป็นเครื่องมือนักการเมืองมากกว่าจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชุมชนแบบเดิม
· ความเป็นเครือข่ายทางระบบญาติ ซึ่งถือว่าเป็นแรงเหนี่ยวรั้งทางสังคมที่ดีมากนั้นกำลังเสื่อมถอยลงไปมาก เพราะทางเครือญาติไม่มีกิจกรรมใดๆที่ทำให้มาเกาะเกี่ยวกัน เหมือนเดิม เพราะวิถีชีวิตเปลี่ยนไป
· การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันลดลง เพราะวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป
· เมื่อวิถีชีวิตจำเป็นต้องพึ่งพาระบบเงินตรามากขึ้น สังคมชุมชนชนบทก็จำเป็นต้องใช้เงินตรามากกว่าแต่ก่อน คนหนุ่มสาวออกจากบ้านไปหางานทำเพื่อเงิน การออกจากบ้านไปนานๆระบบครอบครัวก็สั่นคลอน ลดความเป็นเอกภาพลง และผลกระทบอื่นๆตามมา
· พ่อแม่ ไม่ได้อยู่กับลูกหลาน เพราะแยกครอบครัวไปเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น
· ประเพณีชุมชนต่างๆลดการถือปฏิบัติลงมา และหรือเมื่อปฏิบัติก็เป็นเพียงพิธีกรรมแต่ไม่เข้าใจความหมายด้านลึกของสิ่งนั้น
· ความเข้มข้นของแก่นการปฏิบัติทางศาสนาลดลงเพียงการระบุในเอกสารทางราชการว่านับถือศาสนาพุทธ
· ระบบการศึกษามุ่งเน้นความสำเร็จทางความรู้มากกว่าหรือไม่ได้สร้างให้เกิดการควบคู่ไปกับจริยธรรม คุณธรรม
· รัฐมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไปที่ GDP หรือค่าของเงินตราต่อครัวเรือน แต่ไม่ได้วัดความเจริญของประเทศที่คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม
· "สนิมเกิดแต่เนื้อใน" เช่น พระผิดศีล ครูทำอนาจารศิษย์ พ่อล่วงเกินเพศบุตรสาว แพทย์ทำลายจรรยาบรรณ นักการเมืองคอรัปชั่นประเทศ
· ฯลฯ
3. ดงหลวงหรือจะรอดพ้น: เดี๋ยวนี้ทุกซอกหลืบของประเทศของเราก็หนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ต่างกันที่มากน้อย และสาระที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ดูได้จากพฤติกรรมวัยรุ่น การแต่งกาย ระบบคิดที่พูดคุยกันออกมา การปฏิบัติต่อกัน การให้คุณค่าของประเพณีดั้งเดิม ฯลฯ
แต่อย่างไรก็ตามน่าเป็นห่วงว่าเด็กที่เกิดมายุคความเสื่อมถอยเหล่านี้ โดยไม่มีแบบอย่างที่ดีให้เปรียบเทียบ ไม่มีผู้ปกครองคอยแนะนำสิ่งที่ถูกต้อง ระบบการศึกษาไม่ได้ชี้แนะสิ่งดีงาม ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ "ของดีที่มีอยู่" ไม่มีใครในสังคมมาวิภาควิจารณ์ให้กระจ่าง ก็เท่ากับเป็นเบ้าหลอมให้เด็กยุคใหม่นี้คุ้นเคยกับพฤติกรรมเหล่านั้น เห็นเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาของสังคม ดังนั้นความเสื่อมทรุดของทุนทางสังคมเดิมจึงมีอัตราเร่งมากขึ้น
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
ความเสื่อมทรุดของทุนทางสังคมเดิมมีอัตราเร่งมากขึ้น..เมื่อมองดูหลายๆประเทศในโลก ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ จีนก่อนเปิดประเทศส่วนใหญ่ขี่จักรยาน แต่งตัวเรียบง่าย ปัจจุบันในขณะที่กำลังทะยานขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีอำนาจต่อรองสูงมากในโลกนี้ จีนเปลี่ยนไป จักรยานเริ่มหายไป โลกของแฟชั่นไหลบ่าเข้าประเทศ อาหารหลากหลายวัฒนธรรมมากมายที่ทะลักเข้าไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นถ้าเทียบกับเราแล้วอาจเป็นอัตราก้าวกระโดด..
ภูมิ = แผ่นดิน , ความสง่าผ่าเผย ความองอาจ สวยงาม
ปัญญา = ความรอบรู้ ความฉลาดเกิดแต่เรียนและคิด
ภูมิปัญญา = ภูมิ + ปัญญา = ความฉลาดรอบรู้ เพื่อแผ่นดิน..เอ ! หรือจะเป็น แผ่นดินที่อุดมไปด้วยความรอบรู้.. หรือว่าเป็น สง่า องอาจด้วยความฉลาดรอบรู้..หรือว่า รอบรู้ ฉลาด องอาจ สง่า ดี..
ที่เล่นคำไปมาก็เพราะเบิร์ดมองว่าคำๆนี้น่าจะเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ต้องไปให้ถึงเพื่อให้เกิดวัฒนธรรม ( ความประพฤติที่ก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม )ใหม่ๆที่สอดคล้องกับวิถีที่จำต้องเปลี่ยนแปลงไปของสังคมน่ะค่ะ..