แก้กฎหมายนอมินี


กรณีที่ผู้ถือหุ้นต่างชาติมีสิทธิออกเสียงเกิน 50% นั้นธุรกิจที่มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายบัญชีที่ 1 คือธุรกิจสงวนสำหรับคนไทย และบัญชีที่ 2 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติซึ่งรวมธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคม จะต้องแจ้งแก้กรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในเวลา 2 ปี ส่วนธุรกิจตามบัญชีที่ 3 ธุรกิจบริการทั่วไป ให้แจ้งภายใน 90 วันแล้วสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติต่อไป ส่วนกรณีต่างชาติรวมทั้งการถือหุ้นแทนโดยคนไทยถือเกิน 50% นั้น ในบัญชีที่ 1 และ 2 จะต้องแจ้งภายใน 90 วัน และดำเนินการแก้ไขภายใน 1 ปี ส่วนธุรกิจตามบัญชีที่ 3 ธุรกิจบริการทั่วไป ให้แจ้งภายใน 90 วันแล้วสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติต่อไป
รัฐบาลเปิดทำเนียบพรุ่งนี้แจงหอต่างชาติ สาเหตุแก้กฎหมายนอมินี

9
มกราคม 2550 17:46 น.
รัฐบาลเปิดทำเนียบพรุ่งนี้ชี้แจงหอการค้าต่างประเทศ"ปรีดิยาธร"ระบุ เหตุที่ต้องแก้กฎหมายธุรกิจต่างด้าว เพื่อให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ชี้"กุหลาบแก้ว"ต้องปฏิบัติตามกติกาใหม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติการแก้ไขพ.ร.บ.ธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อแก้ไขปัญหานักลงทุนต่างชาติหลีกเลี่ยงกฎหมายในการถือหุ้นธุรกิจในประเทศไทย หลังจากมีการร้องเรียนกรณีการถือหุ้นแทนหรือนอมีนีในบริษัทกุหลาบแก้วเกิดขึ้น และจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในวันพรุ่งนี้(10 ม.ค.)โดยก่อนที่จะเสนอเข้าที่ประชุมครม.กระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้เวลาประมาณ 60 วันในการพิจารณาแก้ไขร่วมกับภาคเอกชน โดยมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำในหารือร่วมกับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวจะต้องเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ทั้งนี้ ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542ได้มีการแก้ไขคำจำกัดความของคำว่า บริษัทต่างชาติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเขียนให้ชัดว่า บริษัทต่างชาติ คือ บริษัทใดที่ต่างชาติถือหุ้นเกิน 50% ก็แปลว่าเป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งรวมถึงที่ให้คนไทยถือหุ้นแทนด้วย และ 2.กรณีต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 50% แต่ใช้สิทธิออกเสียงเกิน 50% หรือเรียกว่า voting right ซึ่งสามารถครอบงำบริษัทได้เหมือนเดิม วิธีนี้ก็คือ ให้สิทธิออกเสียงก็ไม่เกิน 50% เช่นกัน เขากล่าวว่า เมื่อแก้ไขคำจำกัดความให้ชัดเจนแล้ว บริษัทที่อยู่ในเมืองไทยมานานก็มีโอกาสผิดกฎหมายในข้อ 1 หรือ 2 วิธีการแก้ไข คือ ถ้าผิดเรื่องการออกเสียง ถ้าเป็นธุรกิจในลิสต์ที่ 3 คือ ธุรกิจบริการทั่วไปให้แจ้งภายใน 1 ปี จากนั้น ก็สามารถทำธุรกิจต่อได้ ถ้าอยู่ในลิสต์ 1 คือ อาชีพสงวนของคนไทย คือ เกษตรกรรม และตัดผม เป็นต้น และลิสต์ที่ 2 คือ อาชีพที่เกี่ยวกับความมั่นคง ให้แจ้งภายใน 1 ปี เมื่อแจ้งแล้ว มีโอกาสปรับแก้ voting right และสัดส่วนการถือหุ้นให้อยู่ใน 50% ภายใน 2 ปี นับจากกฎหมายออกและรวมปีที่แจ้งด้วย ส่วนกรณีของนอมินีหรือรวมแล้วถือเกิน 50% ถ้าเป็นลิสต์ที่ 3 ให้มาแจ้งภายใน 90 วัน จากนั้น ก็ให้เดินธุรกิจต่อโดยไม่ต้องลดหุ้น แต่ถ้าเป็นลิสต์ที่ 1 และ 2 ให้มาแจ้งภายใน 90 วัน จากนั้นต้องทยอยแก้ไข โดยลดจำนวนหุ้นลงให้เหลือภายใน 50%ในเวลา 1 ปี"กรณีที่ถือหุ้นไม่เกิน 50% ไม่มีนอมินี แต่ผิดที่ออกเสียงเกิน ตรงนี้ เราบอกว่า ถ้าเป็นบริษัทในลิสต์ที่ 3 คือ ธุรกิจบริการทั่วไป บริษัทกลุ่มนี้สามารถมาแจ้งว่า ถือปฏิบัติมานานแล้วใน 1 ปี ถ้าแจ้งในเวลาดังกล่าว เราถือว่าให้ปฏิบัติต่อไปได้ โดยไม่ต้องลดสิทธิการออกเสียงลง ทั้งนี้ ธุรกิจในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไม่อันตราย เป็นธุรกิจที่รอความพร้อมของคนไทย แต่เมื่อเขาเข้ามาอยู่ในเมืองไทยนาน ก็แค่มาแจ้งให้เราทราบ ดังนั้น กลุ่มนี้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่กระเทือน แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่เข้ามาใหม่หรือภายหลังกฎหมายอนุมัติต้องทำตามที่กฎหมายกำหนด"เขากล่าวเขากล่าวว่า ที่รัฐบาลทำไปทั้งหมด ก็เพื่อให้ธุรกิจต่างชาติที่เคยเข้าลงทุนในไทยนานแล้ว แต่เราไม่เคยใช้กฎหมายบังคับนี้มา ให้เขาสามารถเดินต่อไปได้ และกฎหมายฉบับเคยมีการแก้ไขและมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2542 และเมื่อเป็นกฎหมายแล้วปรากฎว่ามีการใช้คนไทยถือหุ้นแทนหรือเรียกว่านอมินี แต่ไม่มีการร้องเรียน จึงไม่มีการตีความตามกฎหมายว่าใครผิดใครถูก เรื่องก็คาราคาซังเรื่อยมา นอกจากนี้ หลายบริษัทต่างชาติได้ทำตามคำแนะนำของนักกฎหมาย ซึ่งพยายามทำให้ตัวเองตรงคำในกฎหมาย คือ ถือไม่เกิน 51% แต่ที่จริงก็ยังครอบงำบริษัท โดยทำให้สิทธิการออกเสียงหุ้นไม่เท่ากันหรือ voting right คือ ต่างชาติสามารถออกเสียงได้มากกว่า ทั้งสองอันเป็นเทคนิคในการเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งเดิมก็ไม่มีการร้องเรียน จนเกิดกรณีกุหลาบแก้ว ซึ่งมีการร้องเรียนขึ้น ทางกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมธุรกิจการค้าก็พิจารณาตีความและส่งเรื่องให้ตำรวจสอบสวน ทำให้บริษัทจำนวนมากอกสั่นขวัญแขวนว่าจะโดนด้วยหรือเปล่า "เราได้พิจารณาบรรยากาศการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ จริงอยู่มีกลเม็ดที่ไม่ถูกกฎหมายจริง แต่เราปล่อยมานาน ฉะนั้น จำเป็นต้องรักษาบรรยากาศการลงทุน คือ เขียนกฎหมายให้ชัด และ ถ้าบังเอิญเขาอยู่มานาน ก็ต้องให้โอกาสเขาแก้ตัว ให้เวลาปรับให้เข้ากับกฎหมาย เพื่อบรรยากาศการลงทุนจะได้ไม่เสีย ถ้าไม่ทำและปล่อยไปนักลงใหม่ก็ไม่กล้าเข้ามา ส่วนที่เราคุมในบัญชี 1,2,3 นั้นถือว่า เป็นกลุ่มธุรกิจไม่เยอะเมื่อเทียบกับที่ไม่คุมที่มีเป็นแสนๆบริษัท และที่เราทำก็ถือว่า เป็นหลักสากลที่ต่างประเทศเขาก็ใช้"ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวรมว.คลัง กล่าวว่าในวันพรุ่งนี้(10 มกราคม)เวลา 11.00 น.จะชี้แจงถึงรายละเอียดของการแก้ไขพ.ร.บ ดังกล่าวต่อสภาหอการค้าต่างประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย เขากล่าวว่า ส่วนกรณีบริษัทกุหลาบแก้วนั้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญญชีที่ 2 ก็ต้องปฎิบัติ ตามกฎหมาย โดยต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ส่วนในแง่การสอบสวนก็ต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งเราได้เสนอให้สภาฯได้พิจารณาในกรณีนี้ด้วย สำหรับธุรกิจประกันชีวิต และ สถาบันการเงิน ได้แยกออกมา เพราะถือว่า มีกฎหมายเฉพาะ    ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/viewNews.jsp?newsid=146258
หมายเลขบันทึก: 71867เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 13:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 09:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท