การทำความเข้าใจแนวคิดนี้ สามารถช่วยคุณระบุวิธีส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
แนวทางการทำงานร่วมกัน
Guide to Working Together
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
23 มีนาคม 2567
บทความเรื่อง แนวทางการทำงานร่วมกัน (Guide to Working Together) ดัดแปลงมาจากบทความเรื่อง Guide to Working Together: Benefits and 9 Ways To Promote It จากเว็บไซต์ Guide to Working Together: Benefits and 9 Ways To Promote It | Indeed.com เมื่อ February 28, 2023
ผู้ที่สนใจเอกสารนี้ในรูปแบบ PowerPoint สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ https://www.slideshare.net/slideshow/guide-to-working-together-benefits-and-9-ways-to-promote-it-in-thai-languagepdf/266929471
เกริ่นนำ
- การสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้บุคคลทำงานร่วมกัน จะเป็นประโยชน์ต่อทีมและองค์กร
- พนักงานเมื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้งานโครงการสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การทำความเข้าใจแนวคิดนี้ สามารถช่วยคุณระบุวิธีส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
การทำงานร่วมกันหมายถึงอะไร?
- การทำงานร่วมกัน เป็นวิธีหนึ่งที่บริษัทช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการอนุญาตให้สมาชิกในทีมทำงานร่วมกัน และเสนอความช่วยเหลือหรือแบ่งปันคำแนะนำ
- เป้าหมายคือ การทำให้บรรลุเป้าหมายโครงการและงานให้สำเร็จได้ง่ายขึ้น
- นอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานแล้ว เมื่อพนักงานรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ร่วมกับคนรอบข้าง ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นบวกมากขึ้น
เมื่อสถานที่ทำงานทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผล
- สถานที่ทำงานที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน จะสร้างความสามัคคีระหว่างแผนกและทีมที่สมาชิกมาจากหน่วยงานที่แตกต่างกัน
- กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ตระหนักว่า พวกเขามีเป้าหมายหรือแรงจูงใจร่วมกัน ในความมุ่งมั่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนองค์กร และความต้องการขององค์กร ดังนี้
- 1. เสริมสร้างความผูกพัน: ยิ่งบุคคลเหล่านี้ทำงานร่วมกันมากเท่าไร ความผูกพันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ด้วยประสบการณ์การแบ่งปันเหล่านี้ สมาชิกในทีมสามารถเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และยังพบว่าการทำงานร่วมกันและสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น
- 2. เพิ่มประสิทธิภาพ: ทีมที่ทำงานร่วมกันได้ดี จะมอบหมายงานที่สอดคล้องกับจุดแข็งของสมาชิก ช่วยให้แต่ละบุคคลสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงสุด และเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพโดยรวมของทีม
- 3. ให้การสนับสนุนเพิ่มเติม: เมื่อสมาชิกในทีมทำงานร่วมกัน พวกเขาสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้เมื่อจำเป็น ความช่วยเหลือนี้ป้องกันไม่ให้พนักงานต้องดิ้นรนอยู่กับงาน และทุกคนจะร่วมมือกันหาวิธีแก้ไขปัญหาของทีมได้
- 4. ส่งเสริมการเรียนรู้: การทำงานเป็นทีมส่งเสริมการเติบโต เนื่องจากสมาชิกในทีมสามารถเรียนรู้ทักษะหรือเทคนิคจากกันและกัน พวกเขาอาจเรียนรู้ผ่านการสังเกตหรือการแบ่งปันคำแนะนำ และให้คำแนะนำที่เกี่ยวกับหัวข้อที่พวกเขามีความเชี่ยวชาญมากที่สุด
- 5. ปรับปรุงขวัญกำลังใจ: เมื่อพนักงานทำงานร่วมกันได้ดี จะทำให้งานง่ายขึ้นและสร้างบรรยากาศเชิงบวกมากขึ้น นอกเหนือจากการได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานภายในทีมแล้ว การให้ผู้คนเพลิดเพลินกับสถานที่ทำงาน ยังช่วยปรับปรุงการรักษาพนักงานไว้ได้อีกด้วย
แนวทางการทำงานร่วมกัน
- เมื่อสนับสนุนให้บุคคลทำงานร่วมกัน มีสองแนวทางหลักที่สามารถใช้ได้
- ทั้งสองทางเลือกสามารถประสบความสำเร็จได้ และอาจพบว่าสถานการณ์บางอย่างได้รับประโยชน์จากทางเลือกหนึ่ง ในขณะที่อีกทางเลือกนั้นเหมาะสมกับอีกสถานการณ์มากกว่า
แบบดั้งเดิม
- แนวทางแบบดั้งเดิม เกี่ยวข้องกับการให้สมาชิกในทีมที่มีประสบการณ์หรือมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดดำรงตำแหน่งผู้นำ ผู้นำสามารถมอบหมายงานให้กับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ และทำการตัดสินใจที่สำคัญเกี่ยวกับงานหรือโครงการของทีมได้
- ในแนวทางนี้ ฝ่ายบริหารจะพยายามเลือกผู้นำที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่เหมาะสม ซึ่งได้รับความเคารพและไว้วางใจได้
- แนวทางนี้มีประสิทธิภาพที่ขึ้นกับผู้นำ เพราะผู้นำต้องทำให้แน่ใจว่าทีมบรรลุเป้าหมาย โดยมอบหมายความรับผิดชอบและติดตามความคืบหน้า รวมถึงทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนความพยายามของทีม
- สมาชิกในทีมได้รับคำแนะนำและความคาดหวังที่ชัดเจนจากผู้นำ ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และทุกคนสามารถรับผิดชอบซึ่งกันและกันได้
แบบทันสมัย
- แนวทางแบบสมัยใหม่ในการสร้างทีม จะกระจายอำนาจความเป็นผู้นำและการตัดสินใจ
- ภายใต้แนวทางนี้ สมาชิกในทีมทั้งหมดหรือหลายคน จะได้รับความไว้วางใจในการตัดสินใจที่สำคัญและเป็นผู้นำการอภิปราย ตัวอย่างเช่น บุคคลสามารถอาสาช่วยในโครงการที่พวกเขาคิดว่าสอดคล้องกับทักษะและความเชี่ยวชาญของตนได้ดีที่สุด แทนที่จะให้ผู้นำตัดสินใจแทนพวกเขา
- แนวทางนี้มีประสิทธิภาพ เพราะสมาชิกในทีมทุกคนรู้สึกมีคุณค่าในทักษะและความสามารถของตน
- เนื่องจากไม่มีผู้มีอำนาจตัดสินใจเพียงผู้เดียว จึงช่วยให้บุคคลรู้สึกสบายใจในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เมื่อทุกคนเปิดใจที่จะแบ่งปันความคิดของตน แนวคิดที่ดีที่สุดก็สามารถปรากฏขึ้นมาได้ และส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
- สมาชิกในทีมสามารถนำเสนอความเชี่ยวชาญของตนต่อกันและกันได้ เพื่อพัฒนากลยุทธ์และแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งทีม
9 วิธีส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
- ผู้ปฏิบัติงานที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับทีมและองค์กร
- คุณสามารถใช้ 9 วิธีนี้ เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และการทำงานร่วมกันในที่ทำงาน
1. สร้างทีมที่เหนียวแน่น (Form cohesive teams)
- คุณสามารถส่งเสริมความสามารถของพนักงานในการทำงานร่วมกัน โดยการสร้างทีมที่เหนียวแน่นตามธรรมชาติ
- เทคนิคนี้อาจเกี่ยวข้องกับการวางทีมตามทักษะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะ หรือการจัดกลุ่มพนักงานภายในทีม โดยใช้บุคลิกภาพหรือสไตล์การทำงานของพวกเขา
- เมื่อเพื่อนร่วมทีมมีความคล้ายคลึงกัน จะพัฒนาความสัมพันธ์และทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น การใช้วิธีนี้อาจต้องมีความเข้าใจสมาชิกในทีมเป็นอย่างดี เพื่อให้แน่ใจว่า คุณสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก ที่สอดคล้องกับความต้องการหรือความสนใจของทุกคน
2. ส่งเสริมการสื่อสารที่เปิดกว้าง (Promote open communication)
- สภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิด สามารถทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกสบายใจที่จะแสดงความเห็น ข้อคิดเห็น และความรู้สึกของตน
- เนื่องจากพนักงานรู้สึกสบายใจที่จะขอความช่วยเหลือ เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นประโยชน์ต่องานของพวกเขา จะช่วยสร้างการทำงานร่วมกันได้มากขึ้น
- สมาชิกในทีมที่ขอความช่วยเหลือ สามารถสื่อสารเพื่อขอวิธีแก้ไขปัญหาของพวกเขา
- นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันนี้ อาจนำพวกเขาไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือสอนสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน
3. จัดประชุมทีมงาน (Organize team meetings)
- คุณสามารถส่งเสริมการทำงานเป็นทีมโดยทำให้ทุกคนทำงานไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
- การประชุมทีมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพด้วยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และติดตามงานเป็นปัจจุบันของทุกคน
- มีการตั้งกฎเพื่อให้สมาชิกในทีมสามารถพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ และถามคำถามหรือขอความช่วยเหลือจากกันและกันได้
- การประชุมความร่วมมือนี้ ช่วยให้ทุกคนแก้ปัญหาหรือพัฒนากลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้สมาชิกในทีมสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันเป็นประจำ
4. จัดกิจกรรมสร้างทีม (Hold team-building events)
- เมื่อเพื่อนร่วมงานมีการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว จะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงาน
- การจัดกิจกรรมการสร้างทีม เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากเป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมกันในทีม
- คุณใช้กิจกรรมเหล่านี้เพื่อสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม เช่น การแก้ปัญหาและการสื่อสาร
- ตัวอย่างเช่น การจัดกิจกรรมที่ห้องหลบภัย จะกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำงานร่วมกันเพื่อไขปริศนา
5. จัดการฝึกอบรมเสริมสร้างทักษะ (Provide skill-building training)
- สมาชิกในทีมอาจไม่มีทักษะที่จำเป็นสำหรับงานหรือโครงการ สถานการณ์นี้ ให้โอกาสในการฝึกอบรมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมได้
- คุณสามารถเสนอการฝึกอบรมให้กับทั้งทีม ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน หรือสมาชิกแต่ละคนที่ต้องการสร้างทักษะเพื่อปฏิบัติงานเฉพาะด้าน
- การฝึกอบรมนี้ ยังช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระดับทักษะของทุกคน และช่วยให้คุณกำหนดความรับผิดชอบที่เหมาะสมกับพวกเขาได้ดีที่สุด
- บุคคลที่มีทักษะหรือความเชี่ยวชาญมากกว่า สามารถสนับสนุนและชี้แนะเพื่อนร่วมทีมที่มีประสบการณ์น้อยกว่าได้
6. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน (Set clear goals)
- ในช่วงเริ่มต้นของโครงการ พยายามกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและบรรลุผลได้
- เมื่อทุกคนเข้าใจว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ ก็จะทำให้พวกเขาทำงานให้เสร็จ และให้การสนับสนุนเพื่อนร่วมงานได้ง่ายขึ้น
- พวกเขาอาจร่วมมือกันพัฒนากลยุทธ์ เพื่อให้กิจกรรมเสร็จสิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และแก้ไขปัญหาที่ขัดขวางความก้าวหน้า
- การมีเป้าหมายสามารถกำหนดความคาดหวังได้ ช่วยให้เพื่อนร่วมงานรับผิดชอบในหน้าที่ของตน
7. สร้างความสัมพันธ์ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงในการให้คำปรึกษา (Create mentorship relationships)
- การสนับสนุนการให้คำปรึกษาภายในทีม สามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก และให้โอกาสในการพัฒนาทางวิชาชีพ
- ในการให้คำปรึกษา พนักงานที่มีประสบการณ์จะให้คำแนะนำแก่เพื่อนร่วมทีมหรือบุคคลที่มีประสบการณ์น้อย
- ความสัมพันธ์เหล่านี้ ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาก สามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและส่งเสริมการพัฒนาของพนักงานรุ่นใหม่ได้
- ผู้ที่มีประสบการณ์น้อยสามารถเรียนรู้จากที่ปรึกษา เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในที่ทำงาน
8. ให้ผลตอบแทนที่ยุติธรรม (Provide fair rewards)
- ความเสมอภาคภายในพนักงาน เป็นวิธีที่ดีในการส่งเสริมการทำงานเป็นทีม เนื่องจากจะช่วยลดการแข่งขันภายในทีมซึ่งส่งผลที่ไม่ดีต่อทีม
- พยายามให้ความสำคัญกับการประเมินการปฏิบัติงานของพนักงาน โดยพิจารณาจากคุณภาพงานมากกว่าลักษณะส่วนบุคคล
- เมื่อพนักงานเห็นการตัดสินใจพื้นฐานของคุณเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมที่มีต่อทีม ก็สามารถจูงใจให้พวกเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงการช่วยเหลือผู้อื่นด้วย
- เมื่อทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความเคารพ ก็จะช่วยลดความรู้สึกของการแข่งขันกันเอง
9. ติดตามผล (Track results)
- เมื่อคุณพัฒนานโยบายหรือขั้นตอนการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม ให้พิจารณาติดตามความพยายามของพวกเขาให้มากที่สุด
- การติดตามผลการปฏิบัติงานของสมาชิกในทีม ช่วยให้คุณระบุจุดที่พวกเขาประสบความสำเร็จและประสบปัญหาในการทำงานร่วมกัน
- หากคุณสังเกตเห็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานหรือการสื่อสาร คุณได้รับรู้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิผล หากไม่ได้ผล คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น การสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ให้ทำงานร่วมกัน หรือจัดการฝึกอบรมหัวข้อการทำงานเป็นทีม
****************************************