Green Economy กับการพัฒนาที่ยั่งยืน
เศรษฐกิจสีเขียวหรือ (Green Economy) เกิดจากปัญหาของภาวะโลกร้อน หรือ Global warming ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ก๊าซเหล่านี้ทำหน้าที่ดักจับความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ดังนั้น ในราวปี ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) จึงเกิดเป็น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อจะมีเป้าหมายในการลดอุหณภูมิเฉลี่ยของโลกในช่วงปี ค.ศ. 1990 (พ.ศ.2533) แต่เมื่อระยะเวลาผ่านมากว่า 20 ปีก็ดูเหมือนว่าความพยายามขององค์การสหประชาชาติยังไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุสำคัญ คือ ไม่ได้รับความร่วมมืออย่างจริงจังจากหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจขนาดใหญ่ นอกจากยังไม่สนใจในการช่วยลดอุณหภูมิของโลกแล้ว ยังเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากออกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ.2551) องค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมโลก จึงผลักดันเรื่อง Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว ขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจโลกไปสู่ทิศทางของการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ
หลักการของการพัฒนาระบบ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เป็นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นให้เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และความเท่าเทียมทางสังคม โดยสามารถลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทรัพยากร และระบบนิเวศอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว จึงเป็นความพยายามในการพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ ไปพร้อมๆกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทดแทนการแสวงหาผลประโยชน์จากกำไรเพียงอย่างเดียว และลดการดำเนินกิจกรรมที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง และก่อมลพิษ
โดยการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ต้องตั้งอยู่บนฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน คำนึงถึงความสัมพันธ์ของระบบนิเวศ และพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การลงทุนของภาครัฐและเอกชนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการใช้ทรัพยากร ทั้งยังต้องการป้องกันการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และดูแลฟื้นฟูระบบนิเวศให้คงสภาพ
องค์การสหประชาชาติเริ่มผลักดันการพัฒนาภายใต้แนวคิดเรื่อง “เศรษฐกิจสีเขียว” ตามโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ขึ้นในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ.2554) โดยมีเป้าหมายให้ระบบเศรษฐกิจสีเขียว นำไปสู่การยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ และความเป็นธรรมทางสังคม อยู่ภายใต้แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้นำเรื่องของ เศรษฐกิจสีเขียว บรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (ระหว่างปี พ.ศ. 2566 - พ.ศ. 2570) ในหมุดหมายที่ 10 สะท้อนว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา แม้อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยยังไม่เข้าใกล้จุดวิกฤติ แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากกิจกรรมที่เกิดจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ยังจำเป็นต้องปรับกระบวนวิธีการจัดการในรูปแบบใหม่ ขณะที่ปัญหาขยะและสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเลส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และธรรมชาติยังอยู่ในระดับสูงเช่นกัน แต่ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่13 ก็มีความมุ่งหวังในการผลักดันเรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนาสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตลอดการลดก๊าซเรือนกระจกลงในทุกภาคส่วน โดยรัฐมีเป้าหมายที่สำคัญกับการขับเคลื่อนโมเดล การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
หัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว อันดับแรกจำเป็นต้องสร้างสำนึกที่สำคัญของคนทั้งสังคม คือ “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ถือเป็นหัวใจแรกของการขับเคลื่อน หัวใจที่สองของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่
เศรษฐกิจสีเขียว เป็นเป้าหมายของการพัฒนารัฐในยุคใหม่ของทั้งวันนี้และอนาคตของสังคมโลก ด้วยหลักการและเหตุผลที่กล่าว ดังนั้น ความมุ่งหวังสู่ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว จำเป็นต้องมีแนวคิดอย่างเป็นรูปธรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างเป็นระบบใน 4 ด้าน ดังนี้
โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำ จำเป็นต้องควบคุมการใช้การบำบัดอย่างเป็นระบบ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำงานและการดำเนินชีวิตตามหลักการ 3 R ( Reduce Reuse Recycle) และสิ่งที่สำคัญคือรัฐจำเป็นต้องมีกฎหมายที่สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยหน่วยงานภาครัฐต้องเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลง
จากปัญหาภาวะโลกที่มีอัตราเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสภาวะเรือนกระจกตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติที่กระตุ้นความพยายามในการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบเศรษฐกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคม นั่นคือทิศทางและเป้าหมายสู่ความสำเร็จของความเป็นรัฐสมัยใหม่
Carbon Footprint กับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว
Carbon Footprint คือ ดัชนีชี้วัดสำคัญในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกสู่ธรรมชาติ
Carbon Footprint ใน 2 รูปแบบ คือ
1. Carbon Footprint ที่มีผลต่อกระบวนการผลิตสินค้า (อุตสาหกรรม และบริการ)
2. Carbon Footprint ที่มีผลต่อการบริหารกิจกรรมขององค์กร
Carbon Footprint ใน 2 ภาคส่วนคือ
Carbon Credit สิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ หรือสิทธิที่เกิดจากกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเนื่องมาจากการที่บุคคลหรือองค์กร
ภาสกร อรรถสิษฐ
ไม่มีความเห็น