ผมดูคนแก่ทุลักทุเลมาส่งหลาน ยายเป็นมะเร็งเต้านมจูงหลานสองคนที่กำพร้า เด็กพิเศษกล้ามเนื้อพิการ คนอายุ 60และ 70 มาส่งลูกหลาน
นักเรียนในโรงเรียนของผมล้วนคนยากจน ไม่มีค่ารถ ค่าเรียนพิเศษ กำพร้าพ่อแม่เพราะแยกทางกัน เพราะตายด้วยโรคเอดส์
แม่แต่งงานกับฝรั่งไปอยู่เมืองนอก
นโยบายยุบรวมให้ไปเรียนต่างโรงเรียน ทำให้ผมปวดหัวและสงสาร เด็กเหล่านี้ เพราะไม่มีหลักประกันอะไรว่าใครจะรับผิดชอบเขา
พวกเขาเป็นเด็กส่วนน้อยในหมู่บ้านชานเมือง ที่ยากจน
การไปเรียนต่างหมู่บ้านไม่มีหลักประกันเรื่องรถรับส่ง ไม่มีหลักประกันความปลอดภัย ความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการ เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นหรืออเมริกา โรงเรียนในหมู่บ้านค่อย ๆ ทยอยปิดไป คนในหมู่บ้านต้องดิ้นรน มากขึ้น
หากมีหลักประกันที่ชัดเจนในระบบราชการไทยคงไม่มีปัญหา แต่นี้เคว้งคว้างไปกับนโยบายรายวัน งบประมาณที่ได้กลายเป็นแบ่งปันให้กับโรงเรียนใหญ่ ๆ และมีพลังกว่า ที่เรียกว่าโรงเรียนแม่เหล็ก โรงเรียนคุณภาพฯลฯ
ในปี 2566 นี้ มีนโยบายให้ครูธุรการมารวมที่เขต ลดอำนาจทางการเงินของผู้บริหารที่นักเรียนต่ำกว่า 60 คน เพิ่มภาระให้โรงเรียนและลดความคล่องตัวตามแนวทางโรงเรียนคือนิติบุคคลปัญหายิ่งรุนแรง เพราะโรงเรียนดูแลตนเองไม่ได้ โรงเรียนมีแนวโน้มยุบเพิ่ม
คนพอดิ้นรนได้ก็ไปเอกชน และโรงเรียนอปท.ส่วนคนจนคงหาที่ไปยากเสียแล้ว
รัฐบาลจะแก้ปัญหาการศึกษาด้วยการส่งเสริมการศึกษาเอกชนให้เข้มแข็ง
โรงเรียนก็คงเป็นแค่ที่มั่วสุมวัยรุ่นและพวกติดยา
ชาวนา กรรมกร หาทางออกยากขึ้น
ทั้งอาชีพและการศึกษา