สรุปเรื่อง รีวิวสารคดี The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ (2023 netflix)


สรุปเรื่อง รีวิวสารคดี The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ (2023 netflix)  เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงโดยนำเสนอภาพจริง ฟุตเทจจริงและเสียงจริง คดีของคนที่อ้างว่าถูกปีศาจเข้าสิง ให้ทำเรื่องราวที่เลวร้ายจนกลายเป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นใน คอนเนตทิคัต ช่วงทศวรรษที่ 80's ซึ่งเป็นการนำเสนอการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความชั่ว

ดูคลิปที่นี่

#ปีศาจคุกคาม
เดวิด แกลตเซล มาเล่าเรื่องราวถูกปีศาจเข้าสิงตอนอายุ 11 ปี เขาเป็นลูกชายของคู่รักคู่หนึ่งในบรุ๊คฟิลด์ ที่ครั้งหนึ่งมีพฤติกรรมแปลก ๆ และเกี่ยวข้องกับ อานี่ จอห์นสัน ชายที่ก่อเหตุฆาตกรรม อ้างว่าทำไปเพราะถูกปีศาจเข้าสิงเป็นผู้บงการ

เขาอยากเล่าเรื่องที่ถูกต้องให้ทุกคนฟัง

เดวิดเป็นเด็กที่เงียบ ๆ อยู่กับพี่น้องและเล่นแบบมีความสุขเหมือนเด็กทั่วไป เป็นปกติสุขแบบครอบครัวทั่วไป แต่เรื่องมันเริ่มที่ เด็บบี้ พี่สาวของเดวิดที่คบหากับอาร์นี่ จอห์นสัน ได้เจอบ้านหลังหนึ่งที่นิวทาว์น จึงย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน วางแผนแต่งงานกัน

วันที่ 2 กรกฎาคม 1980 ครอบครัวแกรตเชลได้ไปช่วยเด็บบี่กับอาร์นี่ย้ายบ้าน เมื่อไปถึงบ้านหลังใหม่ทุกคนก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีความแปลกไม่สามารถอธิบายได้ ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ส่วนเดวิดทำความสะอาดที่ห้องนอนใหญ่คนเดียว ไม่นานเดวิดก็วิ่งออกจากห้องนั้นไปนอกบ้าน แสดงความความหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องนอน เขาอยากกลับบ้านให้ได้ แต่แม่บอกให้ทำงานให้เสร็จถึงจะได้กลับ แต่เขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลว่าสิ่งที่เห็นในห้องนอนคืออะไร

ทุกคนกลับบ้าน กินข้าวเย็นด้วยกัน ทุกอย่างปกติ แต่เดวิดแสดงอาการมีบางอย่างกวนใจ

จากนั้นเดวิดเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านพี่สาวให้ทุกคนฟัง

ในห้องนอน เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย กำลังจ้องมองเขาทำงาน จากนั้นมันก็ผลักเดวิดจนล้มลงบนเตียง สิ่งที่เห็นคือ ปีศาจแต่งตัวด้วยชุดในวันฮาลาวีน ดวงตาสีดำขลับเหมือนก้อนถ่าน มันพูดกับเขาให้ระวังตัว มันจะเอาวิญญาณของเดวิดไป เขากลัวมากจนต้องวิ่งออกมานอกห้อง

ในคืนนั้นเอง เดวิดนอนไม่หลับ รู้สึกว่าบางอย่างกำลังเข้าใกล้เขา เข้าใกล้บ้านมากขึ้น และกำลังยืนมองเขาจากนอกบ้าน

จูดี้แม่เริ่มกังวลเรื่องเดวิดลูกชาย จึงโทรศัพท์ให้คุณพ่อเดนิสขอให้มาประกอบพิธีที่บ้าน คุณพ่อก็มาที่บ้านพร้อมกับของศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้ำมนต์ กำยาน ไม้กางเขนมาปัดเป่าทั้งบ้าน ทุกคนก็สบายใจ

แต่หารู้ไม่ว่าความสยองขวัญและการคุกคามจากปีศาจเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

คืนนี้นประมามตีสาม เดวิดกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้าน "มันมาแล้ว มันจะลงโทษผม" จากนั้นบ้านก็สั่นสะเทือนราวกับว่ามีคนขับรถบรรทุกชนบ้าน เสียงเหมือนกับบ้านจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ  ไฟติด ๆ ดับ ๆ แก้วตกแตก เดวิดก็ตะโกนว่า "มันมาแล้ว" ตลอดเวลา เหตุการณ์ดำเนินไปประมาณ 40 วินาทีจากนั้นทุกอย่างก็สงบลง ทุกคนรู้ว่าถูกปีศาจจัดการเข้าให้แล้ว และจะไม่ยอมให้ผีหรือปีศาจมาาไล่พวกเขาออกจากบ้านไปได้

ครอบครัวแกลตเซลจึงรีบหาคนมาช่วย

#การเข้ามาของคู่รักวอร์เรน
และเรื่องนี้ก็ไปเข้าหู เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน นักปีศาจวิทยา (Demonologist) ชื่อดังที่ประกอบพิธีกับการขับไล่ผีและปีศาจมาแล้วนับพันคดีทั่วโลก และคดีที่ทำให้ทั้งคู่รักวอร์เรนโด่งดังมากที่สุดก็คือคดีชายหนุ่มที่ฆ่าพ่อแม่และพี่น้อง 4 คนอย่างเลือดเย็นในบ้านหลังหนึ่งที่ อมิตี้วิลล์ จึงกลายมาเป็นหนังสือขายดีกับหนังที่ชื่อว่า The Amityville Horror หรือผีทวงบ้าน ซึ่งเด็บบี้เป็นคนโทรศัพท์ให้เอ็ด วอร์เรนมาช่วย ซึ่งเอ็ดรับปาก และพาหมอมาที่บ้านของเด็บบี้ด้วย

เมื่อคู่รักวอร์เรนมาถึงก็ให้หมอพาตัวเดวิดไปตรวจ ผลการตรวจก็ปกติทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ จากนั้น คู่รักวอร์เรนก็ให้ครอบครัวแกลตเซลตอบคำถามเขาอย่างตรงไปตรงมา โดยมีการบันทึกเสียงเอาไว้ ถามความรู้สึกและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดวิด ปีศาจที่จะเอาเดวิดไป และคืนที่ปีศาจคุกคาม

คู่รักวอร์เรน สนใจคดีนี้มากแต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะต้องเห็นกับตัวเองซะก่อน ต้องสัมผัสให้ได้ก่อน ถึงจะพูดได้อย่างเต็มปากว่าบ้านหลังนี้ถูกปีศาจคุกคาม และยอมเชื่อว่าเดวิดถูกปีศาจเข้าสิงจริง ๆ

ในคืนนั้นเอ็ดท้าทายปีศาจให้ปรากฏตัว ใช้น้ำมนต์ซัดทั่วบ้าน ใช้ไม้กางเกงศักดิ์สิทธิ์ตามวิธีที่หมอปราบผีหรือนักปีศาจวิทยาใช้กัน

ในระหว่างประกอบพิธีเขาก็รู้สึกว่าเห็นอะไรบางอย่าง ตัวเป็น ๆ โผล่เข้ามาในบ้าน เขาท้าทายปีศาจว่าถ้ามีตัวตนจริงให้เคาะสามครั้ง

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น 3 ครั้งจริงเหมือนมีคนใช้ฆ้อนขนาดใหญ่ทุบบ้าน พร้อมกับไฟติด ๆ ดับ ๆ ทุกคนรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเดวิดพูดว่า "เราทุกคนต้องถูกลงโทษ"

จากนั้นลอร์เรนก็เดินไปทั่วบ้าน เธอกระซิบบอกเอ็ดว่า เห็นมวลสีดำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังเดวิด เธอบอกว่านั่นคือปีศาจ ไม่ใช่ผี แต่ทุกคนไม่เห็นเหมือนเธอ ทุกคนก็กลัวทั้งบ้าน

จากนั้นก็เล่าว่าการสิงสู่ของปีศาจนั้นมี 5 ขั้นตอนคือ  เริ่มจากการยินยอมที่ไปเผลออนุญาตให้สิ่งนั้นเข้าครอบงำ เช่นการเล่นกระดานผี จากนั้นผีก็ตามมาที่บ้าน จากนั้นครอบงำจิตใจ บุคคลจะเผลอพฤติกรรมที่มีความรุนแรงมากขึ้น จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการสิงสู่โดยสมบูรณ์ โดยดวงจิตบุคคลไม่ได้อยู่ในในร่างแล้ว แต่เป็นปีศาจเข้าสิงแทน คนที่ถูกสิงจะทำตัวต่างจากเดิม พฤติกรรมจะไม่เหมือนเดิม ปีศาจควบคุมความคิดส่งสารผ่านเขา และแสดงอารมณ์ร้ายขึ้น

คู่รักวอร์เรนให้ครอบครัวแกรตเซลติดต่อไปที่โบสถ์ แต่โบสถ์ช่วยอะไรไม่ได้ เอ๊ดจึงหาทางช่วยอีกทาง โดยทุกคนในบ้านจะต้องบันทึกทุกอย่างที่ผิดปกติ เพื่อเอ๊ดจะนำไปมอบให้อัครสังฆราชบริดจ์พอร์ทตัดสินใจว่าคริสตจักรจะส่งคนมาช่วยในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจหรือไม่ และเตือนให้ทุกคนในบ้านป้องกันตัว

#การสิ่งสู่กับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ทุกคนในบ้าน ก็ไปซื้ออุปกรณ์บันทึกเสียงและกล้องโพลารอยมาบันทึกเหตุการณ์  และช่วยผลัดกันเฝ้าเดวิดทุกคืน จากนั้น ในคืนหนึ่งก็สังเกตเห็นว่าเดวิดมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดก่อนจะสลบไป

ระหว่างนั้นก็มีการบันทึกเสียงของเดวิดเอาไว้ได้ ซึ่งสิ่งที่พูดออกมานั้นไม่ใช่เสียงของตัวเขาเลยพูดว่า

"สวัสดี แกตาย" แม่ถามว่ามันคือตัวอะไร แต่ปีศาจบอกว่า "ไม่ใช่ธุระไรของแก"

แม่สั่งให้ปีศาจออกจากร่างของเดวิด เจ้าปีศาจในร่างของเดวิดก็เริ่มด่าทอด้วยคำหยาบคาย "แกตาย" และก็ร้องคำราม แม่พยายามไล่แต่ไม่เป็นผล สั่งให้คนไปตามตัวบาทหลวงมาช่วย แล้วก็เริ่มช่วยกันสวดมนต์ตามพระคัมภีร์ไบเบิลเพื่อขับไล่ ระหว่างนั้นปีศาจในร่างเดวิดก็กรีดร้องอีก สลับกับการหัวเราะเยาะ

ทุกคนในบ้านทำอะไรไม่ถูก หวาดกลัว

ในคืนต่อ ๆ มาปีศาจในร่างของเดวิดเริ่มทำรุนแรงมากขึ้นโดยการบีบคอแม่และบีบคอทุกคนในบ้าน  บางครั้งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นหลายนาที บางครั้งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นนับชั่วโมง

ทุกครั้งเมื่อเดวิดมีสติขึ้นมา เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย

แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้รู้สึกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็คือ พ่อไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากสิ่งเหนือธรรมชาติ เชื่อว่าเดวิดนั้นมีอาการทางจิต และสิ่งที่ทุกคนรับรู้มันก็เป็นเพียงแค่อุปทานหมู่เท่านั้น และปลีกตัวเองออกไป กว่าจะรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นก็แทบจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

จู้ดี้จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาคู่รักวอร์เรนอีกครั้ง เล่าทุกอย่างให้ฟัง ส่งหลักฐานให้ดู ทั้งสองจึงวิเคราะห์ว่าเดวิดนั้นกำลังอยู่ในระยะถูกสิง วัตถุประสงค์ของเจ้าปีศาจก็คือทำให้คนในครอบครัวตาย หรือไปฆ่าคนอื่น

จูดี้กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้

เอ๊ดจึงเสนอว่าครอบครัวนี้ต้องประกอบพิธีการขับไล่ผีหรือปีศาจทันที ซึ่งในระหว่างการประกอบพิธีนั้นเหตุการณ์จะน่ากลัวอย่างที่สุด เพราะปีศาจจะสู้กับและตอบโต้แบบเอาเป็นเอาตาย  จากนั้นก็พาตัวเดวิดไปประกอบพิธีขับไล่ ซึ่งต้องผ่านเอกสารและขั้นตอนมากมาย

#การประกอบพิธีกรรมไล่ผีปราบปีศาจ
เมื่อโบสถ์ได้เห็นหลักฐานทั้งหมดที่เอ็ดได้ส่ง ก็วิเคราะห์ได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงและอันตราย ต้องมีคนเข้าช่วยเหลือ ทำให้คาดินัลใส่ชุดสีแดงมาที่บ้านของแกรตเซลทันที

จากนั้นครอบครัวแกรตเซลถูกนำตัวไปที่โบสถ์เชนต์โจเซฟ ที่บรุ๊คฟิลด์ คุณพ่อเวอร์จูนแล๊ก ผู้ที่เป็นบาทหลวงได้เตือนกับทุกคนว่าการประกอบพิธีไล่ผีป่าปีศาจนั้นอาจจะรุนแรงถึงขนาดเสียชีวิตได้

เริ่มต้นพิธีเหมือนกับมิซซาโดยทั่วไป ประกอบพิธีกรรมไปได้สักพักอากาศที่อยู่ภายในโบสถ์นั้นก็เริ่มเย็นยะเยือก พฤติกรรมของเดวิดก็เปลี่ยนไป สั่นไปทั้งตัว ร่างกายกระตุก ซ้ายทีขวาที เริ่มมีเสียงโหยหวนออกมาจากตัวของเดวิดแล้วก็เริ่มด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อบาทหลวง

เจ้าปีศาจในร่างของเดวิดต่อสู้อย่างรุนแรง และมันดิ้นจนหลุดจากพันธนาการเข้าไปทำร้ายคุณพ่อ ทุกคนช่วยกันจับตัวไว้อย่างวุ่นวาย จังหวะนั้นร่างกายของเดวิดก็ขยับ และร่างกายบิดไปบิดมาในแบบที่คนธรรมดาไม่น่าจะสามารถทำได้ ปีศาจตะโกนออกไป  "พระเยซูจะต้องตายในนรก"

มันสู้สุดตัวเพราะรู้ว่านี้คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมัน จากนั้นอาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสัน ก็เอาไม้กาวเขนไปวางที่หน้าผากของเดวิด เดวิดดิ้นพร่าน เดวิดแทบหายใจไม่ออก

อาร์นี่ทนไม่ได้ จึงตะโกนใส่ปีศาจจนสุดเสียงว่า " ให้ปล่อยเด็กไปและเอาตัวเขาแทน"

อาร์นี่รับรู้ถึงความเย็นประหลาดที่สัมผัสตัวเขา จากนั้นเดวิดก็สงบลง

ลอร์เรนพูกับอาร์นี่ว่า "คุณพระช่วย คุณทำอะไรลงไป" เอ๊ดพูดกับอานี่ว่า "คุณทำแบบนี้ไม่ได้" เพราะนั่นมันคือการท้าทายปีศาจและการเปิดประตูให้ปีศาจเข้าโจมตีโดยตรง

ในคืนนั้นปีศาจออกจากร่างของเดวิดแล้ว วันต่อมาเขาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติทั่วไป ชีวิตในบ้านแกรตเซลเริ่มต้นใหม่

แต่นั่นมันไม่ใช่เลย

#ปีศาจสิงร่างอาร์นี่
หลายวันต่อมาคู่รักวอร์เรนได้ไปที่สถานีตำรวจเก่าของเมืองบรุ๊คฟิลด์ตรงถนนเกรย์บริดจ์ เล่าให้ตำรวจฟังเรื่องการประกอบพิธีไล่ปีศาจให้เดวิด และวันนี้อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสัน ท้าทายปีศาจที่สิงร่างเดวิดให้มาสิ่งร่างเขาแทน

ลอร์เรน พูดด้วยน้ำเสียงแห่งความโกรธว่าอาร์นี่ไม่ควรทำแบบนั้น เธอเห็นในนิมิตรว่ามีการบาดเจ็บรุนแรงและการเสียชีวิตด้วยมีด เธอจึงรีบมาเตือนตำรวจก่อนจะมีเหตุการณ์อาชญากรรมเกิดขึ้น ซึ่งตำรวจก็แค่รับฟัง

แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์เลวร้ายนี้ก็ได้เกิดขึ้นจริง ๆ

อาร์นี่กับเด๊บบี้เช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ด้วยกัน แด๊บบี้ได้ทำงานในร้านตัดขนสุนัข

ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1981ผ่านไปห้าเดือนหลังจากการประกอบพิธีไล่ผีป่าปีศาจให้กับเดวิด

เช้าวันนั้นอานี่กับเด็บบี้ ตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่เหมือนกับการป่วย แต่ทั้งสองก็ขับรถไปหาพี่น้องของอาร์นี่ที่บริดพอร์ท เพราะสุดสัปดาห์นี้พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทุกคนสไปกินข้าวกับอลัน โบโน่นายจ้างของเด็บบี้ ดื่มไวน์นิดหน่อย โบโน่เริ่มโวยวาย อาร์นี่บอกให้พี่น้องทุกคนกลับตอนนี้ ทุกคนเริ่มลงบันไดออกไป จากนั้นอาร์นี่ก็ไม่รู้สึกตัวเลย

ราว 1 - 2 ทุ่ม มีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านแกรตเซล เดวิดเป็นคนรับ โดยเด๊บบี้ร้องไห้ที่ปลายสาย ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เดวิดก็ได้เห็นนิมิตว่า มีผู้ชายคนนึงเสียชีวิตจากการถูกแทง จูดี้บอกให้สามีรีบขับรถไปที่ร้านตัดขนสนัข

จากนั้นเดวิดก็บอกกับคนอื่นว่า อลัน โบโน่ เสียชีวิตแล้ว โดยอาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสันถูกปีศาจสิง และมันฆ่าโบโน่

#ปีศาจสั่งให้ผมทำ
ศูนย์วิทยุตำรวจรับแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางตำรวจลาดตระเวนก็ไปที่ร้านของโบโน่ ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการทะเลาะกันในอพาร์ทเม้นของโบโน่ โดย อาร์นี่กับโบโน่ดื่มกันจนเมา มีปากเสียงกัน ทะเลาะกันชกต่อยกัน แล้วก็ไปจบที่สนามหญ้าหน้าบ้านรับเลี้ยงสุนัขที่ห่างจากประตูหน้าบ้านประมาณ 4 เมตรครึ่ง อาร์นี่ได้หยิบมีดที่ใส่ปลอกขึ้นมาแทงอลัน โบโน่ ซ้ำ ๆ จนล้มลง จากนั้นอาร์นี่ก็หนี้ข้าไปป่าไป เด๊บบี้คิดว่าน่าจะหนีไปบ้านของครอบครัวที่อยู่ไม่ไกลบนถนนโอ๊คโกรฟ

ในขณะเดียวกันเดวิดก็เห็นภาพนิมิตว่า อาร์นี่พร้อมมีดกำลังเดินไปที่บ้านของเขา เขารู้ทันทีเลยว่าอาร์นี่ถูกปีศาจเขาสิงแล้ว และเชื่อว่าอาร์นี่จะมาฆ่าเดวิด ครอบครับจึงป้องกันบ้านเอาไว้

แต่ทางตำรวจสามารถจับตัวอาร์นี้ไว้ เพราะคนขับรถพยาบาลที่ไปส่งโบโน่ที่โรงพยาบาลเห็นกลางทางพอดี จึงแจ้งตำรวจจับตัวได้ก่อน

ระหว่างตำรวจสอบปากคำ อาร์นี่บอกว่า ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจจึงบอกว่าเขาได้ฆ่าเพื่อนของเขา อาร์นี่ก็ได้ปฏิเสธกับตำรวจไป อาร์นี่พูดด้วยความเป็นปกติ ไม่ตื่นกลัว ไม่ร้องไห้ จำเหตุการณ์ฆาตกรรมไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสันก็ถูกดำเนินคดีจนได้

ทางสำนักข่าวได้รายงานว่า ทนายฝ่ายจำเลยในคอนเนตติคัตจะพิสูจน์ว่าลูกความของเขาไม่ได้ก่อเหตุฆาตกรรม เพราะจำเลยอายุ 19 ปีกล่าวอ้างว่าเขาถูกปีศาจสิงขณะลงมือ

อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสัน ชายอายุ 19 ปีนั้นไม่เคยมีประวัติการใช้ความรุนแรงเลย แต่กลับถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมอลัน โบโน่ เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ด้วยมีด เขาอ้างว่าถูกปีศาจสิงขณะลงมือและจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันเกิดเหตุ

เด๊บบี้แฟนสาวก็ให้การยืนยันว่าเห็นแต่การผลักกันไปมา ไม่เห็นการใช้มีด เธอใมั่นใจว่าแฟนของเธอถูกปีศาจสิงจริง ๆ เพราะเธอมีประสบการณ์ที่น้องชายถูกปีศาจเข้าสิงมาแล้ว เธอมั่นใจว่าสามารถพิสูจน์สิ่งนี้ได้ด้วย

อย่างไรก็ตามมาร์ติน มิเนลล่าทนายของจอห์นสันก็ไม่ได้เอ่ยถึงปีศาจแต่อย่างใดในขณะขึ้นศาล เขารอรายงานจากการชันสูตรเท่านั้น แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจแต่อย่างใดด้วย นั่นมันก็เลยทำให้เขาจำเป็นต้องหาข้อมูล โดยไปปรึกษากับเอ็ดและลอร์เรน วอเลน ซึ่งทั้งสองคนก็ได้บอกกลับมาร์ตินไปว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของอาร์นี่ จอห์นสันอย่างแน่นอน มันเกิดจากปีศาจที่ควบคุมร่างของของอาร์นี่

มาร์ตินก็ได้ตามไปที่บ้านของเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน ได้เห็นห้องเก็บของอาถรรพ์ที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์สิ่งเหนือธรรมชาติ แล้วได้เห็นตุ๊กตาแอนนาเบลอันเลื่องชื่อ ที่บ้านเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน ได้เปิดเทปบันทึกเสียงกว่าสิบม้วนกรณีที่เดวิดถูกปีศาจเข้าสิงให้มาร์ตินฟัง นำภาพถ่ายจำนวนมาให้ดู นั่นมันทำให้มาร์ตินรู้สึกว่า สิ่งที่เขาได้ยินและได้ฟังนั้นมันน่าเชื่อถือมากจริง ๆ เขาเชื่อในขนาดที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่น่าจะมีทนายคนไหนยอมว่าความให้ด้วย

จากนั้นมาร์ติน ก็ไปตามสืบจนพบว่าที่อังกฤษนั้นมีคดีแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 3 คดี 2 คดีแรกคือคดีวางเพลิง อีกหนึ่งคดีคือข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ และทั้ง 3 คดีนั้นได้ถูกตัดสินออกมาว่า จำเลยไม่มีความผิดเพราะถูกปีศาจสิงในขณะเกิดเหตุ มาร์ตินจึงนำคดีดังกล่าวมาใช้ประกอบในคดีของอาร์นี่

สื่อมวลชนให้ชื่อคดีนี้ว่า "The Devil Made Me Do It" สื่อมวลชนบางสำนักก็ได้ตามไปที่บ้านของเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน และก็ได้รับอนุญาตให้นำเทปเสียงเดวิดที่ถูกปีศาจสิงนำไปออกอากาศในรายการวิทยุด้วย

นั่นมันทำให้ผู้คนในอเมริกาสนใจคดีนี้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ ส่วนคนที่เชื่อก็มีหลายคน มีนักปีศาจวิทยาและร่างทรงหลายคนเสนอตัวมาช่วย ส่วนคนไม่เชื่อก็มองว่าไร้สาระ แม้แต่คาร์ลพี่ชายคนโตของเดวิดก็ไม่เชื่อว่าการการทำของอาร์นี่เกิดจากปีศาจสั่งให้ทำ

คาร์ลเล่าในมุมมองของตัวเองว่า ในขณะที่เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน มาที่บ้านของเขาเพื่อทำการตรวจดูอาการของเดวิด เขาก็เห็นว่าเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน คุยกับทุกคนในครอบครัวและคุยกับเดวิดตรง ๆ เลยว่า อาการการถูกปีศาจเข้าสิงนั้นจะเป็นอย่างไร จะมีการด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง การถุยน้ำลายใส่ คาร์ลก็สงสัยว่าทำไมจะต้องพูดเรื่องแบบนี้ให้กับทุกคนได้ฟังด้วย

และ 2 วันต่อจากนั้นเดวิดก็ทำตามทุกอย่างที่เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนพูด  เมื่อดวิดเกิดอาการ แม่และทุกคนในบ้านก็เหมือนว่าจะตั้งใจบันทึกภาพบันทึกเสียงมากกว่าช่วยกันจับเดวิด

ครั้งหนึ่งเดวิดมีอาการรุนแรง ทำให้พ่อของเขาเดินเข้ามา กระชากเดวิดสั่งให้สงบนิ่ง แล้วเดวิดก็สงบนิ่งตามที่พ่อสั่งจริง ๆ

หรือแม้แต่ในคืนที่เกิดเหตุอาร์นี่แทงโบโน่ คาร์ลกับพ่อไปที่เกิดเหตุทันที แต่ช่วยโบโน่ไม่ได้ เขารับรู้ว่า อาร์นี่กับเด๊บบี้พี่สาวมีความหึงหวงกันเรื่องโบโน่ที่เป็นมือที่สามเป็นทุนด้วย ดังนั้นการอ้างว่าถูกปีศาจสั่งให้ทำจึงเป็นเรื่องไร้สาระ รวมถึงการที่เดวิดถูกสิงก็เป็นเรื่องไร้สาระ

#พิจารณาคดีปีศาจสั่งให้ผมทำ 
การไต่สวนคดีปีศาจฆาตกรรมเริ่มขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 1981 ณ ศาลเทศมณฑลแฟร์ฟิลด์ ผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทางญาติฝั่งจำเลยก็ได้นำหลักฐานที่เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนมอบให้ทนายความ โดยหวังว่าคณะลูกขุนจะเชื่อ

ส่วนทางอัยการก็บอกว่าหลักฐาน รวมถึงเรื่องราวเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนพูดบอกว่าปีศาจสั่งให้ทำเป็นเรื่องไร้สาระ ที่ทั้งสองคนนำเสนอมาในช่วงหลายเดือนมานี้ก็เพราะว่าต้องการผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมาร์ตินทนายความฝั่งจำเลย ก็รู้ตัวว่าหากแพ้คดีนี้ลูกความของเขาจะต้องถูกตัดสินจำคุกถึง 25 ปี หรืออาจจะทำคุกตลอดชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งตัวเขาเองก็หวังว่าคณะลูกขุนนั้น จะเชื่อในหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าหลักฐานที่เป็นความศรัทธา

แต่ผู้พิพากษาได้ให้ความเห็นว่า คำให้การที่ถูกปีศาจเข้าสิงนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ คำพิพากษาในอังกฤษไม่สามารถนำมาใช้เป็นคดีอ้างอิงได้ มันไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และใช้ไม่ได้กับศาลในสหรัฐอเมริกา หลักฐานที่ได้มานั้นมันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และไม่อนุญาตให้นำหลักฐานที่เกี่ยวกับปีศาจมาใช้ประกอบการพิจารณาคดี

เมื่อทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปีศาจไม่สามารถนำมาพูดในศาลได้ การอ้างว่าปีศาจเข้าสิงจนทำให้อาร์นี้แทงโบโน่ก็พูดไม่ได้ มาร์ตินจึงแนะนำอาร์นี้ให้พูดว่าสิ่งที่ทำไปคือการป้องกันตัวเองแทน เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาแทน แต่ปัญหาคือรอบถูกแทงสี่แผลนำมาใช้บอกว่าป้องกันตัวไม่ได้

วันที่ 22 พฤศจิกายน 1981 เป็นวันพิจารณาคดี คำตัดสินที่ออกมาก็คือไม่มีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไตร่ตรอง แต่มีความผิดฐานฆาตกรรมโดยไม่เจตนา แล้วตัดสินลงโทษสูงสุดโดยจำคุกในเรือนจำสูงสุด 20 ปี

เด็บบี้วิ่งไปหาผู้พิพากษาแล้วบอกว่าเขาป่วย จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องพิจารณาคดี

เมื่ออาร์นี้ออกมา อาร์นี่หอมเด็บบี้ บอกให้เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระ ส่วนเด็บบี้ก็บอกว่าจะไม่มีวันทิ้งอาร์นี่

#จากโศกนาฏกรรมสู่ธุรกิจบันเทิง
หลังจากการพิจารณาคดีจบ แม่ของเดวิดก็ได้รับการติดต่อให้เดินทางไปที่ฮอลีวูด ที่นั่น เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน รออยู่ ทั้งสองได้พูดกับแม่ของเดวิดว่ากำลังจะรวยเป็นเศรษฐี เพราะจะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกของเธอรวมถึงอาร์เน่แฟนของลูกสาวเธอจะถูกเขียนเป็นหนังสือ  เอ็ดบอกกับคนเขียนว่า ต้องเสร็มให้เรื่องน่ากลัวขึ้นไปอีก เพราะคนชอบเรื่องน่ากลัว  

อีกหกเดือนต่อมาเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน ก็นำสัญญามาให้เซ็น

พ่อและแม่ของเดวิด ได้เงินค่าลิขสิทธิ์เพียงแค่ 4,500 ดอลล่าร์ ส่วนเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน ได้เงินไปถึง 81,000 ดอลล่าร์ และก็ยังได้เงินค่าลิขสิทธิ์จากหนัง The Devil Made Me Do It ด้วย

The Devil Made Me Do It: เป็นชื่อภาคต่อของ The Conjuring ในภาค 3 คนเรียกผี 3 มัจจุราชบงการ (2021) เล่าเรื่องราวของเอ๊ด และ ลอเรน วอร์เรน นักปีศาจวิทยา ต้องมาพัวพันกับปีศาจที่ดลบันดาลใจให้เกิดการฆ่าอันโหดเหี้ยมทารุณ ถือว่าเป็นแฟ้มคดีหนึ่งที่สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยผู้ก่อคดีอ้างว่าเกิดจากการถูกปีศาจเข้าสิงด้วย

โดยหนังเล่าเรื่องราวในปี 1981 เอ๊ด และ ลอเรน วอร์เรน ได้ไปประกอบพิธีขับไล่ปีศาจให้กับครอบครัวแกรตเซล ในคอนเนคติคัต โดยเจ้าปีศาจร้ายได้เข้าสิงร่างของเดวิด แกรตเซล วัย 11 ขวบ แม้บาทหลวงคราสเนอร์จะมาประกอบพิธีขับไล่แล้วก็ตาม แต่เจ้าปีศาจมันก็มีอำนาจมากเกินกว่าจะไล่ แผลงฤทธิ์ทำลายทุกคนที่อยู่ในนั้น แถมยังทำให้เอ๊ด วอร์เรนแทบปางตาย

ก่อนที่เรื่องราวจะเลวร้าย อาร์นี่ จอห์นสัน แฟนหนุ่มของ เด็บบี้ แกรตเซลพี่สาวเดวิดได้พูดกับปีศาจที่สิงในร่างของเดวิดว่า ให้ปล่อยเด็กไปแล้วมาสิงร่างเขาแทน จอมปีศาจในร่างของเดวิดก็มองหน้ายิ้มให้อาร์นี่ แล้วก็เข้าร่างของอาร์นี่ทันที

ในขณะที่ทุกคนกระจัดกระจายไปคนละทาง เอ็ดได้เห็นว่าปีศาจย้ายจากการสิงร่างเดวิทไปสิงร่างของอาร์นี่จริง แล้วทุกอย่างก็สงบลง

หลังจากนั้นอาร์นี่ จอห์นสัน ก็เริ่มเห็นภาพหลอน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และในวันหนึ่งเขาเข้าไปบ้านของของโบโน่ที่เด็บบี้ทำงาน เขาเห็นโบโน่เป็นปีศาจ จึงใช้มีดแทงโบ่โน่หลายแผล และนี่คือการก่อคดีฆาตกรรมในเมืองนี้เป็นครั้งแรกในรอบนับร้อยปี

อาร์นี่ จอห์นสันถูกจับเข้าคุกถูกตัดสินให้มีโทษประหารชีวิตในข้อหาฆ่าคนตาย แต่เอ๊ด และ ลอเรน วอร์เรนรู้ดีว่าอาร์นี่ตอนกระทำฆาตรกรรมนั้นเขาถูกปีศาจเข้าสิง ทั้งสองคนจึงไปหาทนายที่เก่งที่สุดมาช่วยสู้คดีนี้

ในระหว่างที่ยื่นอุทธรณ์ เอ๊ด และ ลอเรน วอร์เรน ก็ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าปีศาจเข้าสิงอาร์นี่ จอห์นสันจริง และสั่งให้เขากระทำฆาตกรรม ซึ่งเนื้อเรื่องในช่วงนี้ก็ค่อนข้างจะเดินตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แต่ยกให้เอ็ดเป็นพระเอกแบบสุด ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจช่วยครอบครัวแกรตเซลจนถึงเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเลยทีเดียว

ในชีวิตจริง เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนได้เงินจากเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครับแกรตเซลอย่างมาก ครอบครัวแกรตเซลไม่ได้รวยขึ้นเลย พวกเขารู้สึกว่าเอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนกำลังหลอกพวกเขา ครอบครัวแกรตเซลบอกว่า เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน ถนัดในสิ่งที่ทำ รู้วิธีพูดกับคน และดูว่าต้องหลอกล่อยังไง แถมยังสรุปว่าทั้งสองคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋นชั้นยอดอีกด้วย

ส่วนเดวิดที่ถูกปีศาจสิงรู้อย่างเต็มอกว่าอาร์นี่ไม่ผิด เพราะถูกปีศาจเข้าสิงจริง

จากนั้นในปี 1986 อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสันได้แต่งงานกับเด็บบี้ แกรตเซลในเรือนจำ

#ค้นหาความจริง
อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสัน ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในปี 1986 เขากับเด็บบี้ แกรตเซลครองรักกันจนเมื่อเด็บบี้เสียชีวิตในปี 2021

จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เดวิด แกรตเซลหันหาศาสนา เข้าโบสถ์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถูกปีศาจเขาสิงอีกเลย แต่เขาก็รู้จักวิธีการป้องตัว และรู้ว่าอาจเกิดขึ้นจะสวดบทไหน และชีวิตเดินหน้าต่อไป

คดี The Devil Made Me Do It สร้างบาดแผลในใจทุกคนที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พ่อ และ แม่ ของตระกูลแกรตเซลเสียชีวิต คาร์ลลูกคนโตของบ้านที่ไม่เชื่อเรื่องภูติผีปัศาจอยู่เป็นทุน อยากรู้ความจริงและสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่เดวิดนั้นถูกปีศาจเข้าสิงเมื่ออายุ 11 ปี เขาค้นจดหมายและบันทึกจำนวนมากที่แม่ได้เขียนเอาไว้ ซึ่งมีอยู่กระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนเอาไว้

"คืนนี้ทุกคนในครอบครัวกินยาไปแล้ว ไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น"

เมื่อคาร์ลค้นต่อก็รู้ว่าแม่เอายาโซมิเน็กซ์ ยาที่คลาดเครียดและทำให้หลับ ผสมในอาหารให้ทุกคนกินเป็นเวลานาน เหตุผลก็คือแม่ต้องการควบคุมทุกคนในบ้านให้อยู่นิ่ง

แต่เมื่อกินติดต่อกันแล้วจะส่งผลกับผู้กินมีอารมณ์ที่ปวนแปร น้ำหนักขึ้นและเห็นภาพหลอน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเดวิดอาจจะกินยาตัวนี้ติดต่อไปหลายปีจนทำให้เห็นภาพหลอน

แต่เดวิดก็ไม่เชื่อสิ่งที่คาร์ลสันนิษฐาน เขาเชื่ออย่างสุดใจว่า ตอนที่อายุ 11 ปี เขาถูกปีศาจเขาสิงจริง และแม่ไม่มีทางวางยาพวกเขาอย่างแน่นอน

เดวิดเล่าว่า เขาทำงานเหมือนพ่อหาซื้อของไม่ดีมาซ่อม หาอะไรมาทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่าง เพราะถ้าว่างเมื่อไหร่ก็มักจะก่อเรื่องขึ้น....

จากนั้นสารคดี The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ ก็จบลง ณ ตรงนี้

#บทวิจารณ์ 
สารคดี The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ ก็มีวิธีการเล่าเรื่องในเชิงสารคดีโดยทั่วไป นำคนที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่บุคคลที่เกิดเรื่องมานั่งพูดเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นหน้ากล้อง มีการนำภาพจริงและเสียงที่ถูกบันทึกจริงมาใช้เปิดประกอบ บางเหตุการณ์ก็ให้คนมาแสดงแทน จำลองฉากนั้นขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรม มีบรรยากาศที่น่ากลัวบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดทำให้เป็นหนังผี สิ่งเดียวที่น่ากลัวสำหรับสารคดีคือ โปสเตอร์ ที่ออกแบบมาได้ดีาก ดึงดูดให้เข้าไปดูสารคดีแบบสุด ๆ

สาคดีได้อธิบายว่าเพราะเหตุใดคู่รักวอร์เรนถึงดังมากในช่วงเวลานั้น เพราะบาทหลวงหรือทางโบสถ์ไม่ค่อยอยากยุ่งกรณีคนถูกสิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาถรรพ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือการอุปโลกขึ้นมาก็ตาม เลยปล่อยให้นักปีศาจวิทยาและคนทรงจำนวนมากเข้ามาจัดการแทน

แต่ เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน เป็นนักปีศาจวิทยาที่เข้าถึงสื่อมวลชนได้มากที่สุด ออกสื่อและบรรยายตามสถานศึกษาบ่อยครั้ง มีงานเขียนจำนวนมาก มีสถานที่เก็บของอาถรรพ์ส่วนตัวจนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ แถมยังอ้างสรรพคุณว่าเคยเกี่ยวข้องกับการขับไล่ผีปีศาจนับพันคดี จึงไม่แปลกอะไรที่ทั้งสองคนจะได้รับความนิยมมากที่สุด

ซ้ำร้ายในสารคดียังให้บุคคลที่เกี่ยวข้อวกับเหตุการณ์เล่าว่า "เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนกำลังหลอกพวกเขา เดวิดบอกว่า เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรน  ถนัดในสิ่งที่ทำ รู้วิธีพูดกับคน และดูว่าต้องหลอกล่อยังไง แถมยังสรุปว่าทั้งสองคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋นชั้นยอดอีกด้วย"

เมื่อเราดูสารคดีเรื่องนี้แล้ว เราอาจมอง เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนเปลี่ยนไปจากมุมมองที่ เจมส์ วานนำเสนอก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม เอ็ดและลอร์เลน วอร์เรนอาจมีส่วนกับคดีปีศาจเข้าสิงเดวิด แกรตเซลก็จริง แต่ในคดีของ อาร์นี่ ชเยนน์ จอห์นสัน พวกเขาเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลกับทางทนายของอาร์นี่เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปมีส่วนประกอบพิธีกรรมขับไล่ตามในแบบที่เราเห็นในหนังเลย แถมข้อมูลก็ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ

ดังนั้น เรื่องราวในหนังสือและหนัง The Devil Made Me Do It จึงเป็นการใส่สีตีไขของผู้เขียนเท่านั้นเอง

#บทสรุป
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเองแล้ว ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจวิทยา นักปีศาจวิทยา และหลงไหลเรื่องราวการประกอบพิธีกรรมการไล่ผีปราบปีศาจแบฉบับโรมันคาธอริกอยู่เป็นทุนอยู่แล้ว และมองว่าเป็นเรื่องของมูลทางคติชนวิทยาประเภทความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวเกี่ยวข้องกับศาสนาเท่านั้นเอง ไม่ชอบที่จะมองหาว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง

ดังนั้นส่วนตัวจึงมองว่า สารคดี The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ จึงมีความสนุกและน่าสนใจสำหรับตัวผู้เขียนเอง มีความสนุก เล่าเรื่องดี และไม่ได้เสนอเพียงมุมมองคนของที่เชื่อเท่านั้น

ส่วนใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างไร ก็เป็นทัศนคติส่วนบุคคล อย่าไปว่าคนที่เชื่อว่างมงาย และคนที่เชื่อก็อย่าไปว่าคนไม่เชื่อด้วย เพราะเอาเข้าจริง ๆ ก็คงไม่มีใครมาสั่งให้เราชอบหรือไม่ชอบได้ แม้แต่ปีศาจก็คงมาบังคับไม่ได้เช่นกัน

และอย่ามองว่าคนอื่นผิดเพียงเพราะเชื่อหรือชอบไม่เหมือนเรา

เนื่องจาก The Devil on Trial พิพากษาปีศาจ เป็นสารคดี จึงขอสงวนสิทธิ์การให้คะแนนมา ณ ที่นี้

@วาทิน ศานติ์ สันติ
17102023

#TheDevilOnTrial
#TheDevilOnTrialNetflix
#TheDevilOnTrial2023
#TheDevilMadeMeDoIt
#เอ็ดและลอร์เลนวอร์เรน
#คดีอาร์เน่จอห์นสัน
#คดีเดวิดถูกปีศาจสิง

หมายเลขบันทึก: 715201เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2023 22:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2023 22:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท