พระประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก ตอนที่ ๑๕ มหากัจจายนเถราปทาน


ภายหลังเขาออกบวชแล้วจักสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระโคดมผู้ส่องโลกให้โชติช่วงจักตั้งเขาไว้ในเอตทัคคะ เขาจักตอบปัญหาที่ถูกถามอย่างย่อได้โดยพิสดาร และเมื่อตอบปัญหานั้น จักทำอัธยาศัยให้เต็มได้

พระประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก

ตอนที่ ๑๕ มหากัจจายนเถราปทาน

พลตรี มารวย ส่งทานินทร์

๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑

๓. มหากัจจายนเถราปทานประวัติในอดีตชาติของพระมหากัจจายนเถระ

เกริ่นนำ            

ภายหลังเขาออกบวชแล้วจักสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่มีอาสวะ พระโคดมผู้ส่องโลกให้โชติช่วงจักตั้งเขาไว้ในเอตทัคคะ เขาจักตอบปัญหาที่ถูกถามอย่างย่อได้โดยพิสดาร และเมื่อตอบปัญหานั้น จักทำอัธยาศัยให้เต็มได้             

(พระมหากัจจายนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)             

[๓๑] พระเจดีย์ (วิหารที่ประทับ) ชื่อว่าปทุมะ ของพระผู้มีพระภาคผู้เป็นที่พึ่งพระนามว่าปทุมุตตระ ข้าพเจ้าให้ทำแผ่นศิลาไว้ภายใต้แล้วใช้ทองคำไล้ทาแผ่นศิลานั้น             

[๓๒] และได้กั้นฉัตรซึ่งทำด้วยรัตนะแล้ว ถือพัดวาลวีชนีพัดถวายพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของสัตว์โลก ผู้คงที่             

[๓๓] ภุมมเทวดา(เทวดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดิน) มาประชุมกันทั้งหมดเท่าที่มีในครั้งนั้น ด้วยหวังว่า พระศาสดาจักตรัสผลแห่งการกั้นฉัตรซึ่งทำด้วยรัตนะ             

[๓๔] พวกเราจักฟังพระศาสดาตรัสเรื่องทั้งหมดนั้น จะพึงเกิดความร่าเริงอย่างยิ่งในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า             

[๓๕] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระสยัมภู เป็นบุคคลผู้เลิศประทับนั่งบนอาสนะทองแล้ว มีหมู่ภิกษุห้อมล้อม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า             

[๓๖] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ได้ถวายอาสนะซึ่งทำด้วยทอง และกั้นฉัตรซึ่งทำด้วยรัตนะนี้ ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด             

[๓๗] ผู้นั้นจักเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ ๓๐ กัป จักแผ่รัศมีไป ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ             

[๓๘] ผู้นั้นจักมาเกิดยังมนุษยโลก เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าปภัสสระ จักเป็นผู้มีเดชแผ่ไป             

[๓๙] ผู้นั้นจักได้เป็นกษัตริย์ ส่องสว่างไป ๘ ศอก โดยรอบทั้งกลางวันกลางคืน เหมือนดวงอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น             

[๔๐] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป) พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก             

[๔๑] ผู้นั้นถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต มาเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์มีนามว่ากัจจานะ ตามโคตร             

[๔๒] ภายหลังเขาออกบวชแล้วจักสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่มีอาสวะ พระโคดมผู้ส่องโลกให้โชติช่วงจักตั้งเขาไว้ในเอตทัคคะ             

[๔๓] เขาจักตอบปัญหาที่ถูกถามอย่างย่อได้โดยพิสดาร และเมื่อตอบปัญหานั้น จักทำอัธยาศัยให้เต็มได้             

[๔๔] ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้อภิชาตบุตรในตระกูลที่มั่งคั่ง จบมนตร์ สละทรัพย์และข้าวเปลือกแล้ว ออกบวชเป็นบรรพชิต             

[๔๕] เมื่อถูกถามปัญหาแม้โดยย่อ ข้าพเจ้าก็กล่าวแก้ได้โดยพิสดาร ทำอัธยาศัยของชนเหล่านั้นให้เต็ม ให้พระผู้มีพระภาคผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์ทรงพอพระทัยได้             

[๔๖] พระมหาวีระผู้เป็นพระสยัมภู เป็นบุคคลผู้เลิศ ข้าพเจ้าทำให้ทรงพอพระทัยแล้ว ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในเอตทัคคะ             

[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล             

ได้ทราบว่า ท่านพระมหากัจจายนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้

มหากัจจายนเถราปทานที่ ๓ จบ

----------------------------------

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

๕๔. กัจจายนวรรค๑. มหากัจจายนเถราปทานประวัติในอดีตชาติของพระมหากัจจายนเถระ             

(พระมหากัจจายนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)             

[๑] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้หมดตัณหา ทรงชนะสิ่งที่ใครๆ เอาชนะไม่ได้ ทรงเป็นผู้นำ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป             

[๒] พระองค์เป็นผู้แกล้วกล้า มีพระเนตรเหมือนกลีบบัว มีพระพักตร์ปราศจากมลทินดุจดวงจันทร์ มีพระฉวีวรรณดุจทองคำ มีพระรัศมีเสมอด้วยแสงอาทิตย์             

[๓] ดึงดูดดวงตาและดวงใจของสัตว์ไว้ได้ ประดับด้วยพระลักษณะอันประเสริฐ ไม่ยึดถือถ้อยคำทุกชนิด ผู้อันหมู่มนุษย์และเทวดาสักการะ             

[๔] ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ทรงช่วยเหล่าสัตว์ให้ตรัสรู้ ทรงนำไปได้อย่างรวดเร็ว ทรงมีพระสุรเสียงไพเราะ มีพระอุปนิสัยเนื่องด้วยพระกรุณา ทรงแกล้วกล้าในท่ามกลางบริษัท             

[๕] ทรงแสดงธรรมอย่างไพเราะ ซึ่งประกอบด้วยสัจจะ ๔ ทรงช่วยเหลือหมู่สัตว์ ที่จมอยู่ในเปือกตมคือโมหะได้             

[๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นดาบส เที่ยวไปแต่ผู้เดียว อาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์ กำลังไปยังมนุษยโลกทางอากาศก็ได้เห็นพระชินเจ้า             

[๗] ข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้ว ฟังพระธรรมเทศนาของพระธีรเจ้า ผู้ทรงพรรณนาคุณอันยิ่งใหญ่ของสาวกอยู่ว่า             

[๘-๙] ‘เราไม่เห็นสาวกอื่นบางรูปในธรรมวินัยนี้เหมือนพระกัจจายนะนี้ ผู้ประกาศธรรมที่เราแสดงไว้โดยย่อให้พิสดารได้ ทำชุมชนและเราให้ยินดี เพราะฉะนั้น พระกัจจายนะนี้เป็นผู้เลิศในตำแหน่งที่เลิศนั้น ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจำไว้อย่างนี้เถิด’             

[๑๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ฟังพระดำรัสที่รื่นรมย์ใจแล้ว เกิดความอัศจรรย์ใจ จึงไปยังป่าหิมพานต์นำกลุ่มดอกไม้มา             

[๑๑] บูชาพระผู้เป็นสรณะของสัตว์โลก แล้วปรารถนาตำแหน่งนั้น ครั้งนั้น พระผู้เป็นที่อยู่แห่งสรณะทรงทราบอัธยาศัยของข้าพเจ้าแล้ว ได้ทรงพยากรณ์ว่า             

[๑๒] ‘เธอทั้งหลายจงดูฤๅษีผู้ประเสริฐนี้ ซึ่งเป็นผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำที่ไล่มลทินออกแล้ว มีโลมชาติชูชันและมีใจเบิกบาน ยืนประนมมือนิ่งอยู่             

[๑๓] ร่าเริง มีนัยน์ตาเต็มดี มีอัธยาศัยน้อมไปในคุณของพระพุทธเจ้า มีใจเบิกบาน ซึ่งเกิดแต่ธรรม มีรัศมีเรืองรองเหมือนถูกรดด้วยน้ำอมฤต             

[๑๔] ข้าแต่พระมหามุนี ข้าพระองค์ได้ฟังคุณของพระกัจจายนะแล้ว จึงได้ยืนปรารถนาตำแหน่งนั้น ในอนาคตกาลของพระโคดมพุทธเจ้า             

[๑๕] ฤๅษีผู้นี้มีนามว่ากัจจายนะ ตามโคตร เป็นธรรมทายาท เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดา             

[๑๖] เขาจักเป็นพหูสูต มีญาณยิ่งใหญ่ รู้อธิบายชัดแจ้ง เป็นมุนี จักถึงตำแหน่งนั้น ดังที่เราพยากรณ์ไว้’             

[๑๗] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า             

[๑๘] ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๒ ภพ คือ (๑) ภพเทวดา (๒) ภพมนุษย์ คติอื่นข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า             

[๑๙] ข้าพเจ้ารู้เฉพาะ ๒ ตระกูล คือ (๑) ตระกูลกษัตริย์ (๒) ตระกูลพราหมณ์ จะไม่เกิดในตระกูลที่ต่ำ นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า             

[๒๐] ในภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดเป็นพราหมณ์ปุโรหิต ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนีที่รื่นรมย์             

[๒๑] เป็นบุตรของพราหมณ์ชื่อว่าติปีติวัจฉะ เป็นผู้ฉลาด เรียนจบพระเวท ส่วนมารดาของข้าพเจ้าชื่อว่าจันทนปทุมา ข้าพเจ้าชื่อว่ากัจจายนะ เป็นผู้มีผิวพรรณสวยงาม             

[๒๒] ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าแผ่นดินทรงส่งไปเพื่อพิจารณา(สืบข่าว)พระพุทธเจ้า ได้เห็นพระผู้นำซึ่งเป็นประตูของโมกขบุรี (โมกขบุรี หมายถึงบุรีคือพระนิพพาน) เป็นที่สั่งสมพระคุณ             

[๒๓] และได้ฟังพุทธภาษิตที่ปราศจากมลทิน เป็นเครื่องชำระล้างเปือกตมคือคติ ได้บรรลุอมตธรรมที่สงบระงับ พร้อมกับบุรุษที่เหลืออีก ๗ คน             

[๒๔] ข้าพเจ้าเป็นผู้รู้อธิบายในอมตบทที่ยิ่งใหญ่ของพระสุคต และมีมโนรถอันสำเร็จด้วยดี ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเอตทัคคะ             

[๒๕] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ             

[๒๖] การที่ข้าพเจ้ามาในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นการมาดีแล้วโดยแท้ วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว             

[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล

             ได้ทราบว่า ท่านพระมหากัจจายนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้

มหากัจจายนเถราปทานที่ ๑ จบ

------------------------------

 

คำอธิบายนี้นำมาจากบางส่วนของอรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ 

เถราปทาน ๔. กุณฑธานวรรค

๓. มหากัจจายนเถราปทาน (๓๓)

    ๓๓. อรรถกถามหากัจจานเถราปทาน  

 

               แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ.
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาล พอเจริญวัยแล้ว วันหนึ่งได้ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้เห็นภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่ (สามารถ) จำแนกเนื้อความที่พระศาสดาตรัสไว้โดยย่อให้พิสดารได้ แม้ตนเองก็ปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้าง จึงตั้งปณิธานทำบุญมีทานเป็นต้นไว้เป็นอันมาก แล้วท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก.
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ได้เป็นวิทยาธร เที่ยวไปทางอากาศ ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ซึ่งประทับนั่งในชัฏแห่งป่าแห่งหนึ่ง มีใจเลื่อมใสได้เอาดอกกรรณิการ์มาทำการบูชา.
               ด้วยบุญอันนั้น เขาจึงกลับไปมาเฉพาะแต่ในสุคติอย่างเดียว.
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เขาได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล ในกรุงพาราณสี เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ได้เอาแผ่นอิฐทองคำมีค่าราคาแสนหนึ่ง ทำการบูชา ณ ที่สุวรรณเจดีย์สำหรับบำเพ็ญกัมมัฏฐาน ได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า ด้วยผลแห่งบุญอันนี้ ขอให้สรีระของข้าพระองค์จงมีวรรณะดุจทองคำ ในที่ที่ได้บังเกิดแล้วๆ เถิด ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ทำแต่กุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดพุทธันดรหนึ่ง.
               ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในเรือนปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนี ในวันตั้งชื่อเขา มารดาคิดว่า ลูกของเรามีสีกายดุจทองคำ เขาถือเอาชื่อของตนเองมา (แต่เกิด) ดังนี้จึงตั้งชื่อเขาว่ากัญจนมาณพทีเดียว.
               เขาเจริญวัยแล้ว เล่าเรียนจบไตรเพท พอบิดาล่วงลับดับชีวิตแล้ว ก็ได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทน ว่าโดยอำนาจโคตรเขาปรากฏแล้วว่า กัจจายนะ.
               ต่อมาพระเจ้าจัณฑปัชโชตได้ทรงสดับว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น จึงส่งเขาไปหาด้วยพระราชดำรัสว่า ท่านอาจารย์ ท่านจงไปที่พระอารามนั้นแล้ว ทูลนิมนต์พระศาสดามาในวังนี้ ท่านปุโรหิตนั้นมีตนเป็นที่ ๘ เข้าไปเฝ้าพระศาสดา.
               พระศาสดาได้ทรงแสดงธรรมแก่ปุโรหิตนั้นแล้ว. ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ท่านปุโรหิตพร้อมกับคนทั้ง ๗ ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔.
               ท่านได้บรรลุอรหัตผลแล้วอย่างนี้ ระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน.
               ลำดับนั้น พระศาสดาทรงเหยียดพระหัตถ์ตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด. ในขณะนั้น พวกภิกษุเข้านั้นได้มีผมและหนวดยาวประมาณ ๒ องคุลี ทรงบาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ ได้เป็นคล้ายพระเถระบวชมา ๖๐ พรรษา พระเถระทำประโยชน์ของตนให้สำเร็จแล้วอย่างนี้ (วันหนึ่ง) จึงกราบทูลพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเจ้าจัณฑปัชโชตปรารถนาจะไหว้พระบาท และฟังธรรมของพระองค์ พระเจ้าข้า.
               พระศาสดาตรัสว่า กัจจายนะ เธอนั่นแหละจงไปในวังนั้น เมื่อเธอไปถึงแล้ว พระราชาจักทรงเลื่อมใส.
               พระเถระมีตนเป็นที่ ๘ ได้ไปในพระราชวังนั้น ตามพระบัญชาของพระศาสดา ได้ทำให้พระราชาทรงเลื่อมใสแล้ว ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้ในอวันตีชนบทเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาเฝ้าพระศาสดาอีก.
               ด้วยอำนาจความปรารถนาในครั้งก่อนของตน ปกรณ์ทั้ง ๓ คือ กัจจายนปกรณ์ มหานิรุตติปกรณ์ และเนตติปกรณ์ จึงได้ปรากฏแล้วในท่ามกลางสงฆ์.
               ต่อมา ท่านได้รับสถาปนาจากพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงสันโดษไว้ในตำแหน่งที่เลิศ ด้วยพระดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหากัจจายนะเป็นเลิศกว่าสาวกทั้งหลายของเราผู้จำแนกเนื้อความที่เรากล่าวไว้โดยย่อ ทำให้พิสดารได้ ดังนี้แล้ว ท่านก็อยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่พระอรหัตผลแล.

               จบอรรถกถามหากัจจายนเถราปทาน               
               ------------------------------- 

 

             

คำสำคัญ (Tags): #พระมหากัจจายนะ
หมายเลขบันทึก: 712895เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2023 10:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2023 10:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท