เซนได...จุดหมายปลายฝัน วันที่รอคอย (15) ชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกที่ Zao Fox Village

เซนได…จุดหมายปลายฝัน วันที่รอคอย (15) ชมความน่ารักของสุนัขจิ้งจอกที่ Zao Fox Village

สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวในแง่ว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ลึกลับและเจ้าเล่ห์ แต่ก็มีความเชื่ออีกด้านของศาสนาชินโตที่ว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ถือสาส์นจากเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ของการเกษตรและความเจริญรุ่งเรือง ทำให้คนญี่ปุ่นที่นับถือเทพอินาริมักจะนับถือสุนัขจิ้งจอกด้วย

ตั้งแต่สมัยโบราณญี่ปุ่นเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ให้ความสำคัญกับการปลูกข้าว โดยมีความเชื่อว่าในรวงข้าวจะมีเทพเจ้าสถิตย์อยู่จึงมีการทำพิธีกราบไหว้บูชา จนกลายมาเป็นศาลเจ้าอินาริ (Inari Shrine) ที่สถิตของเทพเจ้าแห่งพืชพรรณธัญญาหาร อุคาโนมิทามะโนะ คามิ (Ukannomitama no Kami)

จากศาลเจ้าทั่วประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าอินารินั้นถือว่ามีจำนวนมากเป็นพิเศษ รวมกว่า 32,000 แห่ง และเป็นสิ่งใกล้ตัวที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันสำหรับคนญี่ปุ่น มีการเรียกเทพเจ้าด้วยความรู้คุ้นเคย อย่างเช่น โออินาริซัง (0inari - sen) หรือ โอคึตสึเนะซัง (0kitsune - san)ที่แปลว่า จิ้งจอก

เหตุผลที่ศาลเจ้าอินาริถูกเรียกว่าโอคิตสึเนะซัง เพราะในสมัยก่อนนั้นคิตสึเนะหรือสุนัขจิ้งจอกจะโผล่มาให้เห็นตามบริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ชาวบ้านจึงคิดกันว่าสุนัขจิ้งจอกต้องเป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้าอคาโนมิทามะ โนะ คามิ บ้างก็ว่าเพราะสุนัขจิ้งจอกมาจับหนูที่มากัดกินทำลายพืชพรรณ จึงเหมือนการแสดงความขอบคุณสุนัขจิ้งจอก

ถึงแม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะไม่ใช่เทพเจ้า แต่ภายในศาลเจ้าก็มักมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกวางไว้ ผู้คนจึงรู้สึกคุ้นชินและเชื่อมโยงเรื่องราวระหว่างสุนัขจิ้งจอกและศาลเจ้ามาช้านาน

ในสมัยก่อนเชื่อกันว่าสุนัขจิ้งจอกชอบกิน อาบุระอาเกะ (Abura-age หรือ เต้าหู้ฝานเป็นแผ่นบางๆ ทอดด้วยน้ำมัน) จึงมักมีคนนำอาบุระอาเกะมาถวายสุนัขจิ้งจอกที่ศาลเจ้า จึงเป็นที่มาของการเรียกซูชิอาบูระอาเกะ และเรียกว่า " คึตสึเนะอุด้ง " (Kitsune Udon)

หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก ( Zao Fox Village) ตั้งอยู่ที่เมืองชิโรอิชิ (Shiroishi) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเซนไดเพียง 1 ชั่วโมง เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะจะได้รับคำอธิบายชี้แนะจากเจ้าหน้าที่ก่อนการเข้าไปชมสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ภายในหมู่บ้านที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ แต่มีการฉีดวัคซีนป้องกันเห็บและผ่านการตรวจโรคทุกตัว ข้อควรปฏิบัติในการเข้าชมหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก ได้แก่

• ห้ามนำถุงร้อนเข้าไปเด็ดขาดเพราะสุนัขจิ้งจอกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้ากินเข้าไป
• ห้ามหยุดยืนบริเวณทางเข้า
• ห้ามสัมผัสสุนัขจิ้งจอกเมื่อไม่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่
• ห้ามเดินออกนอกเส้นทาง
  ไม่ควรนั่งบนหินหรือม้านั่งเพราะเป็นที่สำหรับสุนัขจิ้งจอก
• นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารสัตว์ได้เฉพาะโซนให้อาหารเท่านั้น
• ห้ามนั่งลงถ่ายรูปกับพื้นเพราะอาจถูกสุนัขจิ้งจอกเข้ามารุมล้อม และห้ามใช้โดรน
• ระมัดระวังอย่าทำของหล่นเพราะอาจจะถูกฮุบเอาไปฝังหรือทำพัง
• ระวังอย่าล้วงกระเป๋าซึ่งอาจจะทำให้สุนัขจิ้งจอกเข้าใจผิดว่ามีอาหารและกระโดดเข้าใส่หรืองับได้

หลังจากได้รับการแนะนำข้อปฏิบัติในการชมหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกแล้ว ก็เข้าไปชมภายในหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซึ่งภายในมีพื้นที่กว้างขวาง พื้นที่แบ่งออกเป็น 3 โซน โซนที่ 1 เป็นโซนเลี้ยงสัตว์ในกรง มีบริการถ่ายรูปคู่กับสุนัขจิ้งจอกโดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก

โซนที่ 2 เป็นพื้นที่เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกแบบเปิด นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมสุนัขจิ้งจอกที่ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
อย่างใกล้ชิด 
ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกที่สุด ขนของมันจะพองฟูสวยงาม พวกมันจะวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานท่ามกลางหิมะ บางตัวก็จะนอนอาบแดดอย่างมีความสุข ในขณะที่บางตัวก็จะขดตัวเป็นก้อนกลมฝังตัวหลับอยู่ในกองหิมะ

โซนที่ 3 เป็นโซนจำหน่ายของที่ระลึกรูปสุนัขจิ้งจอก ซึ่งมีให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย เช่น เสื้อยืด หมวก ตุ๊กตา พวงกุญแจ ฯลฯ

วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็น หิมะตกโปรยปรายจนขาวโพลนไปทั่วบริเวณ แต่ความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกทำให้หัวใจอบอุ่น ภาพลักษณ์ของสุนัขจิ้งจอกในนิทานที่เคยได้รับรู้ว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์เพทุบาย ชอบรังแกและเอาเปรียบสัตว์ที่อ่อนแอกว่าได้หายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความน่ารัก น่าเอ็นดู  และความเป็นมิตรที่มอบให้กับทุกๆคน

ขอขอบคุณ

• ภาพจากอินเทอร์เน็ต