สิ่งที่ต้องเตรียม คือ ใจของเราต้องมีความต้องการรับฟังเพื่อน หูของเราที่ตั้งใจฟังเสียงของเพื่อน และสมองที่จดจำและสะท้อนความรู้สึกของเพื่อนออกมา และสุดท้ายคือเตรียมความรู้สึกของเราที่ต้องเข้มแข็งแต่มีความเอาใจใส่เพื่อน เข้าใจสิ่งแวดล้อมและบริบทของตัวเพื่อนเอง
กระบวนการ Practical solution เพื่อให้เพื่อนรู้สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางแก้ไขร่วมกัน ดังที่พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจสี่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้นั่นเอง และกระบวนการใช้เทคนิค สุจิปุลิ เพื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพและนำไปแก้ไขทักษะปัญหาชีวิตได้ เช่น หากเพื่อนมีปัญหาด้านการเงิน เพื่อนต้องรู้ก่อนว่าการที่เกิดปัญหานั้นมาจากสาเหตุอะไร และแก้ไขที่ต้นเหตุได้ รวมถึงอาจจะใช้เทคนิคเปลี่ยนแปลงตนเองภายใน 21 วันเพื่อสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี
ได้เรียนรู้และฝึกการฟังอย่างไม่คิดแทนคนอื่น เรียนรู้การใช้น้ำเสียง ท่าทาง อารมณ์เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจเมื่อได้มาปรึกษากับเรา ผ่อนคลายอารมณ์ ความเครียดต่างๆ เรียนรู้การใช้คำพูดเชิงบำบัดและระมัดระวังความคิดและคำพูดของตนเองมากขึ้น สุดท้าย คือ เทคนิคต่างๆและประสบการณ์ดีๆในบรรยากาศน่าเรียนรู้ที่ช่วยให้เราได้พัฒนาการฟังมากขึ้นในตลอดเวลาที่เรียน
ส่วนตัวมองว่าการฟังชนิด Biased and Sympathetic Listening skills ดีมากขึ้น เนื่องจากเราได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายมาก ส่งผลให้เรารู้สึกว่าการที่เราไม่เลือกรับฟังอะไรบางอย่างมันจะส่งผลเสียต่อเราในอนาคตและการจับอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นให้เป็นจะช่วยให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น และจากการเรียนในรายวิชานี้เราก็ได้เรียรู้เทคนิคในการตั้งใจฟังอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้มีทักษะที่ดีขึ้น
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ผู้สอนทุกท่านและเพื่อนในคลาสทุกๆคนที่คอยทำให้ชั้นเรียนของเรากลายเป็นวันศุกร์ตอนเช้าที่ผ่อนคลายและเรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะคะ
นางสาวบุญรดา นาคพยนต์ รหัส 6423022
นักศึกษากิจกรรมบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ชั้นปีที่ 2
ไม่มีความเห็น