การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์


การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์

ยุคสมัย คือ ช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้แบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ออกเป็น ๒ สมัย

                             สมัยก่อนประวัติศาสตร์

                             สมัยประวัติศาสตร์ 

1.สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (Per-History) ( ช่วงเวลา 500,000-1,500 ปีมาแล้ว)คือ สมัยที่มนุษย์ยังไม่มีลายลักษณ์อักษรเพื่อใช้ในการสื่อสาร

1.ยุคหิน ( ประมาณ 500,000 ถึง 4,000 ปี )

1.1 ยุคหินเก่า (PALEOLITHI  AGE ) อายุประมาณ  500,000 - 4,000   ปีมาแล้วมนุษย์ยุคนี้รู้จักการทำเครื่องจากหินอย่างง่ายๆ

1.2 ยุคหินใหม่ (NEOLITHIC AGE)อายุประมาณ 4,000-2,000 ปี มาแล้วพึ่งพาธรรมชาติน้อยลง รู้จักสร้างบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำ เลี้ยงสัตว์ เพาะปลุกและทอผ้ารู้จักพัฒนาเครื่องจากหินให้ทันสมัยขึ้น  การทำเครื่องปั้นดินเผา

2.ยุคโลหะ อายุประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว แบ่งเป็น

2.1 ยุคสัมฤทธิ์ รู้จักนำทองแดงและดีบุกมาหลอมผสมเป็นสัมฤทธิ์มีระบบการปกครอง ปกครองโดยหัวหน้าหรือผู้ปกครอง

2.2 ยุคเหล็ก (IRON AGE)  รู้จักนำเหล็กมาใช้ทำเป็นเครื่องมือ

2. สมัยประวัติศาสตร์  (History)  แบ่งเป็น

        2.1) ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ  (Ancient History ) ช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักการตั้งถิ่นฐานแบบถาวร สร้างอารยธรรม วัฒนธรรม อักษรต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งในแต่ละประเทศ สมัยโบราณจะมาถึงเร็วหรือช้า จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลาใดทีประเทศนั้นอยู่ในช่วงสร้างและประดิษฐ์อารยธรรม ที่จะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าอารยธรรมของประเทศนี้เริ่มต้นขึ้น

แล้ว ช่วงเวลานั้น ของประเทศนั้น ก็จะจัดอยู่ในช่วงสมัยโบราณอยู่ระหว่าง ประมาณ 3,500 ปีก่อนค.ศ.  ถึง ค.ศ. 476       

อารยธรรมที่สำคัญ ได้แก่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ( เมโสโปเตเมีย ) เช่น อารยธรรมของ สุเมเรียน 

บาบิโลเนีย อัสเซีย ฟินิเซีย เปอร์เซีย

 อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์     เช่น  อารยธรรมอียิปต์

อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ คงคา และพรหม  เช่น  อารยธรรมอินเดีย 

อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห แยงซีเกียง   เช่น  อารยธรรมจีน

อารยธรรมทวีปอเมริกาใต้ 

อารยธรรมริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

2.2) ประวัติศาสตร์สมัยกลาง (Medieval History) 

               เริ่มประมาณ เมื่อ ค.ศ. 500 ถึง ค.ศ. 1500   ยุคที่ศาสนามีบทบาทในสังคม  ระบบศักดินาสวามิภักดิ์  (Fendalism) 

2.3) ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (Modern History) 

เริ่มประมาณ ปี ค.ศ. 1500 จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

เหตุการณ์สำคัญ

               การปฏิวัติอุตสาหกรรม ลัทธิจักรวรรดินิยม การสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2

การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มักเป็นแบบผสมระหว่างหลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากลกับหลักเกณฑ์ของไทย

        โดยหลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากลจะกำหนดให้สมัยประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เริ่มขึ้น มนุษย์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้คือ อักษรคูนิฟอร์ม ของชาวเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณ 5,500ปีล่วงมาแล้ว

        โดยเรียกว่า"สมัยประวัติศาสตร์" สำหรับช่วงเวลาก่อนที่มนุษย์จะมีตัวอักษรใช้เรียกว่า"สมัยก่อนประวัติศาสตร์

สำหรับหลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยของไทยจะคล้ายคลึงกับแบบสากลตรงที่แบ่งเป็นสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์โดยในสมัยประวัติศาสตร์ก็จะแบ่งย่อยลงไปอีกอาจใช้ราชธานีหรือลักษณะการปกครองเป็นตัวกำหนดก็ได้ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย

สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษร

การแบ่งยุคสมัยจึงนิยมแบ่งตามนักโบราณคดี ซึ่งกำหนดยุคสมัยจึงนิยมแบ่งตามนักโบราณคดี ซึ่งกำหนดยุคสมัยตามหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ สมัยก่อนประวัติศาสตร์นิยมแบ่งช่วงเวลาออกเป็นยุคหินกับยุคโลหะ

1) ยุคหิน แบ่งย่อยออกเป็นยุคต่าง ๆ ดังนี้
1.1 ยุคหินเก่า มีอายุประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว ดังพบหลักฐานประเภทเครื่องมือหินกรวดกะเทาะหน้าเดียวเพื่อใช้สับ ตัด ขุด แหล่งที่พบ เช่น บ้านแม่ทะ จังหวัดลำปาง มนุษย์ยุคนี้เป็นพวกเร่ร่อน เก็บหาของป่า ล่าสัตว์ อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ

1.2 ยุคหินกลาง มีอายุประมาณ 10,000 - 4,300 ปีมาแล้ว มนุษย์ยุคนี้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีความประณีตขึ้น สามารถทำภาชนะดินเผาใช้ในชีวิตประจำวันโดยมีทั้งภาชนะแบบผิวเกลี้ยงและมีลวดลายที่เกิดจากการใช้เชือกทาบ แหล่งที่พบหลักฐานยุคหินกลาง เช่น ที่ถ้ำไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

1.3 ยุคหินใหม่ มีอายุประมาณ 4,300 ปีมาแล้ว มนุษย์ยุคนี้รู้จักการตั้งถิ่นฐานทำเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ ทำเครื่องมือหินขัดที่มีความคม มีผิวเรียบ ทำเครื่องปั้นดินเผาแบบสามขา เช่น ที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี

2) ยุคโลหะ แบ่งออกได้ดังนี้
2.1 ยุคสำริด มีอายุประมาณ 3,500 ปีมาแล้ว ดังพบหลักฐานเครื่องมือสำริดที่เป็นอาวุธ เครื่องประดับ เครื่องมือเครื่องใช้ กลองสำริด เครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี เช่น ที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี

2.2 ยุคเหล็ก มีอายุประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว ดังพบเครื่องมือเหล็กที่ทนทานและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเครื่องมือสำริด เช่น ที่บ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี สังคมยุคนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น มีการติดต่อกับต่างถิ่น มีชนชั้น ดังจะเห็นได้จากการฝังศพ ที่บางศพมีข้าวของเครื่องใช้และเครื่องประดับมากมาย แสดงถึงการเป็นบุคคลสำคัญ

สมัยประวัติศาสตร์ของไทย

สมัยประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่ปรากฏหลักฐานลายลักษณ์อักษร หลักฐานสมัยประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนไทย คือ ศิลาจารึก ในหลายพื้นที่พบศิลาจารึกที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ที่ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ซับจำปา จังหวัดลพบุรี 

          ส่วนจารึกที่ปรากฏศักราชชัดเจนที่สุด คือ จารึกอักษรปัลลวะ เป็นภาษาสันสกฤตและเขมร พบที่ปราสาทเขาน้อย จังหวัดสระแก้ว ระบุมหาศักราช 559 หรือตรงกับ พ.ศ. 1180

1.สมัยอาณาจักรรุ่นแรก ๆ นับช่วงเวลาก่อนการตั้งอาณาจักรสุโขทัย เช่น อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) อาณาจักรละโว้ (พุทธศตวรรษที่ 12-18) หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น ศิลาจารึก เหรียญจารึก รัฐโบราณเหล่านี้มีการสร้างสรรค์อารยธรรมภายใน และมีการรับและแลกเปลี่ยนอารยธรรมจากภายนอก เช่น การรับพระพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู การติดต่อค้าขายกับพ่อค้าต่างแดน เป็นต้น

2.สมัยสุโขทัย ตั้งแต่การสถาปนากรุงสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1792 จนสุโขทัยถูกรวมเข้ากับกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2006 สมัยสุโขทัยเป็นช่วงที่มีการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยหลายประการ เช่น ตัวหนังสือ การนับถือพระพุทธศาสนา การสร้างสรรค์ศิลปะที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เช่น เจดีย์ทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ พระพุทธรูปปางลีลา เป็นต้น

3.สมัยอยุธยา ตั้งแต่ พ.ศ. 1893 - 2310 สามารถแบ่งออกเป็นสมัยย่อยได้อีก โดยแบ่งตามสมัยของราชวงศ์และแบ่งตามลักษณะสำคัญของประวัติศาสตร์
1) แบ่งตามราชวงศ์ที่ปกครอง ได้แก่ ราชวงศ์อู่ทอง (พ.ศ. 1893-1913 และ พ.ศ. 1931-1952) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (พ.ศ. 1913-1931 และ พ.ศ. 1952-2112) ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ. 2112-2173) ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ. 2173-2231) ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ. 2231-2310)

2) แบ่งตามลักษณะสำคัญของประวัติศาสตร์ ได้แก่
1.สมัยการวางรากฐานและการสร้างความมั่นคง เริ่มตั้งแต่การตั้งอาณาจักรเป็นสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ใน พ.ศ. 1893 จนถึงสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ในพ.ศ. 1991 เป็นช่วงที่อาณาจักรยังมีขนาดเล็ก ต่อมาได้ขยายอำนาจไปโจมตีอาณาจักรขอม ทำให้ราชสำนักอยุธยาได้รับวัฒนธรรมขอมเข้ามา รวมทั้งการทำการค้ากับต่างชาติ เช่น จีน

2.สมัยแห่งความมั่นคงทางการเมืองและเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1991 ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใน พ.ศ. 2231 เป็นช่วงที่ระบบการปกครองมีระเบียบแบบแผน มีความมั่นคง มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติอย่างกว้างขวาง

3. สมัยเสื่อมอำนาจ ตั้งแต่ พ.ศ. 2231-2310 เป็นสมัยที่มีกบฏภายใน มีการแย่งชิงอำนาจกันเองหลายครั้ง ส่งผลให้ราชสำนักอ่อนแอและเสียกรุงใน พ.ศ. 2310

4.สมัยธนบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2310-2325 เป็นสมัยของการฟื้นฟูบ้านเมืองหลังเสียกรุงศรีอยุธยา มีการทำสงครามเกือบตลอดเวลา

5.สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2325-ปัจจุบัน มีการแบ่งเป็นสมัยย่อยโดยยึดตามการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองและการปกครองร่วมกัน โดยแบ่งได้ดังนี้
1.สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2325-2394 อยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 3 เป็นช่วงการฟื้นฟูอาณาจักรในทุกด้านต่อจากสมัยธนบุรี

2.สมัยรัตนโกสินทร์ยุคกลางปรับปรุงประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2394-2495 อยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4-รัชกาลที่ 7 เป็นช่วงที่มีการติดต่อกับต่างชาติ มีการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย

3.สมัยประชาธิปไตย ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน เป็นช่วงที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดในการปกครองประเทศประชาชนมีสิทธิเสรีภาพทางการเมือง บ้านเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว

หมายเลขบันทึก: 695870เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2022 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม 2022 16:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท