อาการกลัวการกลืน มักเกิดจากประสบการณ์ทางลบจากการทานอาหารหรือดื่มน้ำ เช่น สำลัก ติดคอ หรือ เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานของอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกลืน ทำให้มีความกังวลในการทานอาหารและมีความยากลำบากในการกลืน ส่งผลต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและสุขภาพ ทานอาหารได้น้อยลงหรือไม่สามารถทานได้เลย ทำให้ร่างกายซูบผอม และในบางกรณีไม่สามารถออกไปทานอาหารข้างนอกร่วมกับผู้อื่นได้ เนื่องจากกลัวจะสำลักในที่สาธารณะ ทำให้การเข้าสังคมลดน้อยลง จนถึงขั้นเก็บตัว และเป็นซึมเศร้าได้
ตรวจประเมินและสัมภาษณ์
เทคนิคที่จะนำมาใช้ในการลดอาการกลัวการกลืน
Cognitive restructuring : เพื่อการประเมินความคิด ให้ผู้รับบริการได้สำรวจความคิดของตัวเอง จะช่วยปรับความคิดที่ส่งผลต่อการกลืน เช่น “ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีทางกลืนน้ำได้ และอีกไม่นานตัวเองจะต้องล้มป่วยและตายแน่ๆ” ให้ผู้รับบริการได้ลองประเมินความคิดนี้ว่าส่วนใดจริงไม่จริง
ผู้บำบัดตั้งคำถาม “คุณคิดว่าความคิดนี้จริงหรือ?/เคยมีสักครั้งไหมที่คิดว่าความคิดนี้ไม่จริง” แล้วปล่อยให้ผู้รับบริการได้ทบทวนความคิดและระบุความคิดส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในส่วนของความคิดผู้รับบริการนั้นเป็นความจริงแต่บางส่วนนำมาคิดแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง
ควรปรับเปลี่ยนมุมมองในส่วน “ไม่มีทางกลืนน้ำได้” ซึ่งเป็นความคิดทางลบ ผู้บำบัดอาจหันเหความสนใจโดยชี้ให้เห็นว่าถึงตอนนี้จะยังกลืนน้ำไม่ได้แต่คุณก็ยังสามารถทานอาหารอื่นๆได้ คุณก็จะสามารถดื่มน้ำได้เหมือนกับการที่คุณทานอาหารอื่นๆได้
ใช้ self-disclosure มาช่วยในการปรับเปลี่ยนความคิดและให้ผู้รับบริการได้เห็นมุมมองอื่นๆมากขึ้น โดยจะขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผู้บำบัด “ดิฉันเองเคยประสบกับปัญหากลัวการกลืนยาเม็ด คิดว่าตัวเองไม่มีวันกลืนได้ เมื่อป่วยต้องรอให้หายเอง แต่ดิฉันคิดว่าการที่ตัวเองทำไม่ได้จะส่งผลไม่ดีเป็นแน่ เลยปรับความคิดและวิธีการใหม่ ถ้าเราทำได้เราจะหายป่วยและแบ่งขนาดยาให้เล็กลงจนกว่าตัวเองจะกลืนได้”
Oral exercise
ริมฝีปากและแก้ม : ให้ผู้รับบริการฝึกควบคุมริมฝีปาก
ขากรรไกร : ให้ผู้รับบริการฝึกควบคุมขากรรไกร
ลิ้น : ให้ผู้รับบริการฝึกควบคุมการเคลื่อนไหวของลิ้น
Oral reflex normalization
Sensory re-education : ในกรณีที่ผู้รับบริการมีการรับความรู้สึกลดลง โดยจะใช้ตัวกระตุ้นที่มีผิวหยาบไปนุ่ม เช่น แปรงสีฟัน ให้กดแตะที่ลิ้นจากปลายลิ้นไปโคนลิ้น ความแรงและความเร็วขึ้นกับระดับความทนต่อการสัมผัสของผู้รับบริการ หรือ ให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ เพื่อกระตุ้นการรับรู้อุณหภูมิ ให้ทำก่อนทานอาหารเพื่อกระตุ้นการรับความรู้สึกในช่องปาก
Desensitization : ในกรณีที่ผู้รับบริการมีการรับความรู้สึกไวมากกว่าปกติ โดยจะใช้ตัวกระตุ้นที่มีผิวนุ่มไปหยาบ เช่น ไม้กดลิ้น ไม้พันสำลี ให้กดแตะที่ลิ้นจากปลายลิ้นไปโคนลิ้น ความแรงและความเร็วขึ้นกับระดับความทนต่อการสัมผัสของผู้รับบริการ ให้ทำก่อนทานอาหารเพื่อลดการรับความรู้สึกในช่องปาก
Positioning : แนะนำการจัดท่าทางการนั่งทานอาหารที่ถูกต้องเพราะตำแหน่งของคอมีผลต่อการกลืนเป็นอย่างมาก โดยให้นั่งหลังตรง คอตั้งตรง ดังรูป
Graded exposure : เป็นวิธีที่จะให้ผู้รับบริการค่อยๆเผชิญกับสิ่งที่กลัว โดยใช้การ systematic desensitization ซึ่งจะทำการปรับชนิดและขนาดอาหาร (dietary management) ที่ผู้รับบริการกลัวจากน้อยไปมาก เช่น มีความกลัวที่จะต้องดื่มน้ำและทานอาหารที่ลื่นๆ เนื่องจากทำให้สำลัก ก็จะให้ผู้รับบริการฝึกโดยทานอาหารสัมผัสหยาบ ชิ้นใหญ่ที่สามารถเคี้ยวได้ก่อน โดยจะยกตัวอย่างรายการอาหารที่มีการ grade จากกลัวน้อยไปมาก
ไก่ตุ๋น > มันบด > ซุปข้น > โยเกิร์ต > นมเปรี้ยว > น้ำเปล่า
โดยเทนิคนี้จะทำควบคู่ไปกับการทำ muscle relaxation ซึ่งให้ทำก่อนเริ่มเผชิญกับการกลืนเพื่อช่วยคลายความกังวล ให้นั่งในท่าที่สบายร่วมกับการหายใจช้าๆและลึกๆ เกร็งกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนไล่ไปทีละกลุ่ม หรือ นับ1-10 จนรู้สึกผ่อนคลาย ระหว่างนี้อาจทำการหลับตาใช้การจินตนาการถึงขั้นตอนในการทานไปด้วยเพื่อให้เห็นภาพว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรจะช่วยลดความตื่นกลัว
Self-monitor & Family education : ฝึกการสังเกตอาการและสัญญาณชีพ และการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสำลักเงียบ สังเกตได้จากเสียงก่อนและหลังกลืนเปลี่ยนไป มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการซึมลง ควรเรียกพบแพทย์ทันที
ขั้นตอนการลดอาการกลัวการกลืน21วัน
วันที่ 1
ตรวจประเมินและสัมภาษณ์ , ใช้ Cognitive restructuring ในการประเมินความคิดและปรับความคิด , ผู้บำบัดวางแผนการรักษาร่วมกันกับผู้รับบริการ
วันที่ 2-8
ฝึกองค์ประกอบต่างๆ โดยทำ Oral exercise , Oral reflex normalization , Sensory re-education หรือ Desensitization ขึ้นกับการรับความรู้สึกของผู้รับบริการ (โดยขั้นตอนนี้สามารถทำได้เรื่อยๆไปจนจบการรักษา สามารถลดการกระตุ้นลงได้หากมีการรับความรู้สึกที่ดีขึ้น) และ สอน Self-monitor & Family education
วันที่ 9
ประเมินระดับการรับความรู้สึก การเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆและOral reflex
วันที่ 10-14
เริ่มการ Graded exposure โดยใช้อาหาร เริ่มจากประเภทอาหารที่ผู้รับบริการกลัวน้อยที่สุดไปจนถึงกลัวปานกลาง รวมถึงมีการใช้ Sensory re-education หรือ Desensitization ก่อน การทานอาหาร และ จัดposition ที่ถูกต้อง
วันที่ 15
ประเมินซ้ำอีกครั้งและใช้ Cognitive restructuring เพื่อประเมินความคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
วันที่ 16-20
ใช้ Graded exposure ค่อยๆปรับระดับอาหารไปจนถึงขั้นที่ผู้รับบริการกลัวมากที่สุด ทำ Sensory re-education หรือ Desensitization ก่อนทานอาหาร และจัด position ที่ถูกต้อง
วันที่ 21
ประเมินผลลัพธ์ที่ได้ โดยให้ผู้รับบริการลองทานอาหารที่ตัวเองกลัวการกลืน สังเกตอาการขณะทานอาหาร ว่ามีการไอ สำลักหรือไม่
น.ส. ศลิษา และตี 6223029 เลขที่28
อ้างอิง
ไม่มีความเห็น