ภาวะกลัวการกลืน คำปรึกษาจากนักกิจกรรมบำบัด และทฤษฎี 21 วัน ทั้งสามมีความเกี่ยวโยงกันเพื่อให้คน ๆ หนึ่งมีสุขภาวะที่ดีในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความหมาย
มนุษย์นั้นจะมีสุขภาวะที่ดี (Well-being) ก็ต่อเมื่อมีความสมดุลที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดความไม่สมดุล จะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาวะในภาพรวมซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการมีส่วนร่วมกับสังคม และในบทความนี้จะกล่าวถึงภาวะหนึ่งที่เป็นไปตามดังกล่าวพร้อมบอกแนวทางการแก้ไข ซึ่งนั้นก็คือ “ภาวะกลัวการกลืน(Phagophobia/Eating Phobia)” เป็นภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) เนื่องจากมีความผิดปกติทางจิต จัดอยู่ในกลุ่มโรค(Anxiety Disorders) ประเภทโรคกลัว (Phobia) ผู้ป่วยไม่สามารถกลืนอาหารหรือยา มีความรู้สึกกลัวที่ไม่มีเหตุผล มักมีต้นเหตุจากเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการกลัวการกลืน หรือมีประวัติกลืนลำบาก สำลัก กลัวว่าอาหารจะไม่สามารถผ่านเข้าไปในลำคอได้ ทำให้แสดงอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งทางร่างกาย และจิตสังคม
- ทางร่างกาย : ผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเพราะกลัวการสำลักหรือรู้สึกว่ากลืนลำบากทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ขาดอาหาร รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ขาดสารอาหาร น้ำหนักลด
- ทางจิตสังคม : ผู้ป่วยมักมีความกังวลในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ทำให้ออกห่างจากสังคมเริ่มรับประทานอาหารคนเดียว นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หดหู่ มีผลทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ไม่อยากอาหาร ยิ่งส่งผลให้สุขภาพโดยรวมทรุดโทรมลงไปอีก
จากการพิจารณาอาการในภาพรวมทำให้รู้ถึงสภาวะของผู้รับบริการที่ยังคงหมกมุ่นจมอยู่ในอดีต การมีประวัติการกลืนลำบาก (Dysphagia) ครุ่นคิดกังวลอนาคต ทำเกิดภาวะกลัวการกลืน (Phagophobia)
ดังนั้นในฐานะนักกิจกรรมบำบัดที่ได้ฝึกความรักความเข้าใจในบทบาทตนเอง จึงต้องแสดงบทบาทประเมินผู้รับบริการแบบ "ผู้ให้คำปรึกษา COUNSELLOR" คือ ช่วยแยกแยะปัญหาชีวิต และรับฟังชี้นำผู้รับบริการให้กล้าคิดริเริ่มแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งนักกิจกรรมบำบัดเข้าใจว่า ทุกคนคือมีคุณค่า การช่วยเหลือผู้รับบริการด้วยความรักและปรารถนาให้ผู้รับบริการมีความสุข ให้ผู้รับบริการพ้นทุกข์ เกิดความเห็นใจ (Sympathy) และความเข้าใจ(Empathy) ตลอดจนทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะฝึกลดภาวะกลัวการกลืนของผู้รับบริการ เพิ่มความกล้า และตั้งใจประเมินเพื่อค้นหาคุณค่าภายใน และความมั่นใจในตนเองของผู้รับบริการ เพื่อออกแบบกระบวนการเพิ่มความสามารถของผู้รับบริการในการทำกิจกรรมดำเนินชีวิตอิสระได้อย่างพึงพอใจด้วยตนเอง
โดยใช้เวลา 21 วัน ตามทฤษฎีอุปนิสัย 21 วัน (21-Day Habit Theory) ของ Dr. Maxwell Maltz (2016) ได้ศึกษาพบว่า“บุคคลที่สูญเสียแขนขาและทำการผ่าตัดต่ออวัยวะแล้ว มักมีความรู้สึกเสมือนแขนหรือขานั้นยังอยู่แต่ไม่ปกติและไม่สามารถบังคับได้ เรียกอาการนี้ว่า ภาวะปวดหลอน (Phantom Syndrome) และต้องใช้เวลาถึง 21 วัน จึงจะทำให้บุคคลดังกล่าวหลุดพ้นจากอาการนี้ได้” Dr. Maltz สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ และพบว่า การปรับตนเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในชีวิต การเปลี่ยนอุปนิสัย หรือการบำบัดความรู้สึก จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย21 วัน ชี้ให้เห็นความสำคัญเกี่ยวกับภาพลักษณ์ภายในจิตใจ (Mind Visualize/Self-image) ความเชื่อ ความรู้สึกความสามารถ และการกระทำ จะสอดคล้องตามภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ดังนั้น ตราบใดที่ภาพลักษณ์ภายในจิตใจไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลก็จะถูกครอบงำอยู่ ทำให้เกิดเทคนิคในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน ในการสร้างอุปนิสัยที่ต้องการ ด้วยการลงมือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่องทุกวันอย่างน้อย 21 วัน บนพื้นฐานความเชื่อว่าเรามั่นใจจะเป็นไปได้ และมีสติในการลงมือกระทำ จึงเป็นเทคนิคที่ดีที่นักกิจกรรมบำบัดสามารถนำมาปรับใช้ในการให้คำปรึกษาเพื่อลดภาวะกลัวการกลืนให้แก่ผู้รับบริการ
ดังนั้นขอเสนอแนวทางการให้คำปรึกษา และรวมถึง Home Program ทั้ง 21 วัน (นัดพบเพื่อปรึกษาและฝึกกับนักกิจกรรมบำบัด 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที) ซึ่งออกแบบโดยใช้ 3 เทคนิคหลักคือ Dietary management, Cognitive Behavior Therapy และ 21-Day Habit Theory ดังนี้
วันที่ 1
- Semi-structure Assessment เพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตใต้สำนึก 40 นาที
- นักกิจกรรมบำบัดนำผู้รับบริการ’ประเมินอารมณ์ตึงเครียด’
- จากสภาวะดังกล่าว ผู้รับบริการอาจจะมีอารมณ์ตึงเครียดบริเวณใบหน้าให้ชวนเคาะคลายอารมณ์ลบพร้อมกันด้วยการ’เคาะอารมณ์’ จนกว่าจะลดอารมณ์ตึงเครียดได้
- นักกิจกรรมนำผู้รับบริการหลับตา ‘เดินฝึกจิตใต้สำนึกไปข้างหน้า’ แต่ละก้าวนักกิจกรรมบำบัดจะถามคำถามให้ผู้รับบริการตอบ
- ให้ผู้รับบริการหลับตา เดินถอยหลังและตอบเร็วขึ้น โดยใช้คำถามเดิม
- นักกิจกรรมบำบัดเชิญชวนให้ผู้รับบริการสะท้อนการเรียนรู้ โดยการตั้งคำถาม
- นักกิจกรรมบำบัดกระตุ้นถามผู้รับบริการให้คิดวิเคราะห์ผ่านการเขียนลงบนกระดาษ A4 แล้วค่อยพูดแสดงความคิดเห็นว่า "จากกิจกรรมนี้ คุณจะตั้งเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถสูงสุดของตัวเอง ปรับปรุงนิสัยของตัวเอง หรือ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต ให้มีความสุขมากขึ้นเป็นรูปธรรมได้อย่างไร เช่น คุณกล้าตัดสินใจกี่ % ระบุจุดแข็งหนึ่งข้อจุดอ่อนหนึ่งข้อ วิธีลดความกลัวที่ยั้งยืนคืออะไร คุณเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ทำอย่างไรคุณจะประสบผลสำเร็จในเวลาที่จำกัด คุณจะควบคุมความคับข้องใจได้โดยวิธีอะไร ช่วยสาธิตการวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว เป็นต้น
- นักกิจกรรมบำบัดเชิญชวนแสดงบทบาทสมมติ (Role play) ด้วยกัน ต่อด้วยให้คำแนะนำโดยใช้เทคนิค Sandwich Feedback
- และปิดท้ายด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหา (สาธิตให้ผู้รับบริการเห็นตัวอย่างสถานการณ์จริงและร่วมกันเรียนรู้ผ่านการลงมือทำกิจกรรมแต่ละขั้นตอนโดยไม่พูดย้ำความผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นของผู้รับบริการ)
- ประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้รับบริการว่ามีมากน้อยเพียงใด ใช้คำถามปลายเปิด
- ให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น เช่น พยากรณ์โรค ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย อาจใช้สื่อประกอบได้
- ตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ผู้ป่วยได้รับโดย ใช้ทักษะการถาม ทักษะการสรุปความ
วันที่ 2
- CBT Assessment and case formulation session 45 นาที
- ประเมินอาการกลัวและวิตกกังวลของผู้รับบริการ (Phagophobia)
- ประเมินภาวะที่พบร่วม (Dysphagia)
- ประเมินความเหมาะสมในการทำ CBTของผู้รับบริการ
- อธิบายบทบาทของผู้รับบริการในการรักษา
- อธิบายความสําคัญของ Home Program
- หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการทํา Case Formulation
วันที่ 3
- Therapeutic positioning & Swallowing Exercises 25 นาที
- จัดท่าผู้รับบริการให้เหมาะสม โดยผู้ป่วยนั่งบนเก้าอี้ เท้าวางบนพื้นผิวเรียบ ลำตัวตรง ศีรษะอยู่กึ่งกลาง ก้มเล็กน้อย
- บริหารกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในปากและกระตุ้นการปิดริมฝีปาก ด้วยการฝึกการควบคุมริมฝีปาก เช่น ใช้หลอดเป่าใบพัดกังหัน ฟองสบู่ กระดาษเทียนไข เป็นต้น ฝึกการควบคุมขากรรไกร เช่น อ้าและหุบปากกว้างสุดสลับกัน เป็นต้น ฝึกการเคลื่อนไหวลิ้น เช่น แลบลิ้น และใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หรือออกเสียง ลา ลา ลา คา คา คาเป็นต้น และใช้วิธีการนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อ โดยวิธี Swallowing Exercises ต่างๆ สามารถทำ 5-10 ครั้งต่อวัน
- Dietary management 20 นาที
- Dry and Water Swallowing Test เริ่มฝึกการกลืนโดยให้ผู้รับบริการกลืนน้ำลายตัวเองหรือให้กลืนน้ำแข็งก้อนขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง โดยนักกิจกรรมบำบัดใช้มือลูบบริเวณร่องข้างคอหอยในทิศทางขึ้นถึงใต้คางแล้วดันริมฝีปากผู้รับบริการให้ปิดพร้อมบอกให้ผู้ป่วยพยายามกลืน
- สอนให้ผู้รับบริการใช้เทคนิค Aversion Technique บีบมือตัวเองขณะเคี้ยวแล้วปล่อยเมื่อกลืนลงไป
วันที่ 4-7
- Swallowing Exercises & Dietary management วันละ 15 นาที
- ลิสท์เมนูอาหารที่ชอบ และอยากกิน
วันที่ 8
- ตั้ง Agenda และอธิบายเหตผุ ลของ Agenda ที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้รับบริการมากที่สุด สำคัญสุด มีผลกระทบที่สุดหรือพึ่งเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น อาหารที่ชอบแต่กินไม่ได้ เป็นต้น
- ทบทวนอาการภาวะกลัวการกลืนที่ผู้รับบริการประสบอยู่
- ถามข้อมูลของผู้รับบริการเพิ่มเติมเพื่อนําไปใช้ในการทํา Case Conceptualization ให้เข้าใจความคิดของผู้รับบริการมากที่สุด
- ค้นหาปัญหาผู้รับบริการและตั้งเป้าหมายร่วมกัน
- ให้ความรู้เกี่ยวกับ Cognitive Model
- ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะกลัวการกลืน
- ให้ Home Program และอธิบายวัตถุประสงค์
- สรุปและให้ผ้รับบริการ Feedback
วันที่ 9
- Dietary management 45 นาที
- Thick Puree No liquid เมื่อผู้รับบริการสามารถกลืนน้ำลายไต้ดีแล้วจึงเริ่มป้อนอาหาร โดยเริ่มจากอาหารบดหรือปั่นข้น เช่น ข้าวโอ้ต มันบด สังขยา เยลลี่ เป็นต้น
- สอนให้ผู้รับบริการใช้เทคนิค Aversion Technique บีบมือตัวเองขณะเคี้ยวแล้วปล่อยเมื่อกลืนลงไป
วันที่ 10
- Dietary management 45 นาที
- Thick and thin pure-thick liquids เมื่อผู้รับบริการสามารถกลืนไต้ดีแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นอาหารอ่อนข้น เช่น โจ๊กข้น ข้าวต้มนิ่มๆ เป็นต้น
- สอนให้ผู้รับบริการใช้เทคนิค Aversion Technique บีบมือตัวเองขณะเคี้ยวแล้วปล่อยเมื่อกลืนลงไป
วันที่ 11-14
- Dietary management วันละ 15 นาที
- บันทึกความรู้สึกและอาการขณะทานอาหาร
วันที่ 15
- ทบทวนอาการภาวะกลัวการกลืน
- ตั้ง Agenda
- ทบทวน และตรวจสอบ Home Program ที่ทำและแก้ไขอุปสรรค
- ฝึกให้ผู้ป่วยค้นหา Negative Automatic Thought และให้ผู้รับบริการ Challenge Automatic Thought นั้นๆ โดยสอนผู้รับบริการใช้เทคนิค Cognitive Restructuring
- ฝึกผู้ป่วยให้ค้นหา Phagophobic Assumption และให้ปู้รับบริการ Challenge Assumption โดยสอนผู้รับบริการใช้เทคนิค Graded Exposure
- พูดเรื่องการ Terminate การรักษาและถามปฏิกิริยาของผู้รับบริการ
- ให้ Home Program และอธิบายวัตถุประสงค์
- สรุปและให้ผู้รับบริการ Feedback
วันที่ 16
- Dietary management 45 นาที
- Mechaincal soft-thick liquids หากผู้รับบริการสามารถทานอาหารแบบ Thick Puree No liquid และ Thick and thin pure-thick liquids ได้ดี และในปริมาณมากพอ (อย่างน้อยครึ่งถ้วย) จึงเปลี่ยนเป็นอาหารที่หยาบขึ้นเช่น ข้าวสวยนิ่ม ๆ เนื้อสัตว์บด ผลไม้สุก เป็นต้น
- สอนให้ผู้รับบริการใช้เทคนิค Aversion Technique บีบมือตัวเองขณะเคี้ยวแล้วปล่อยเมื่อกลืนลงไป
วันที่ 17
- Dietary management 45 นาที
- Mechaincal soft diet-liquids as toleralted เมื่อผู้รับบริการเคี้ยว และกลืนได้ดีแล้ว จึงฝึกการดื่มน้ำจากช้อนดูดน้ำจากหลอด และการดื่มน้ำจากแก้ว เป็นต้น
- สอนให้ผู้รับบริการใช้เทคนิค Aversion Technique บีบมือตัวเองขณะเคี้ยวแล้วปล่อยเมื่อกลืนลงไป
วันที่ 18-20
- Dietary management วันละ 15 นาที
- Negative Automatic Thought Record และให้ผู้ป่วย Challenge
- ค้นหา Phagophobic Assumption และ Challenge Assumption
วันที่ 21
- ทบทวนอาการภาวะกลัวการกลืน
- ตั้ง Agenda
- ทบทวน และตรวจสอบ Home Program ที่ทำและแก้ไขอุปสรรค
- สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการรักษา
- ทำ Therapy Blueprint ร่วมกับผู้รับบริการ
- Relapse Prevention
การเชื่อมั่นในคุณค่าของตนเอง การมีวินัยในการฝึกทั้งทางร่างกายและจิตใจและการรักษาความต่อเนื่องของกระบวนการกิจกรรม จะส่งเสริมให้คน ๆ หนึ่งนั้นสามารถดำเนินชีวิตได้มีคุณภาพ โปรแกรมข้างต้นสามารถบ่งบอกถึงบทบาทของนักกิจกรรมบำบัดในการให้คำปรึกษาผู้ป่วยกลัวการกลืนได้ใน 21 วัน ตามความเข้าใจและแหล่งอ้างอิงที่ผมได้ค้นคว้า หากมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อปรับและพัฒนาความรู้ได้อีก ต้องขอบพระคุณอาจารย์และผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างมาก ขอบคุณครับ
แหล่งอ้างอิง
ศุภลักษณ์ เข็มทอง. (2563). กิจกรรมการดำเนินชีวิตจิตเมตตา. กรุงเทพฯ:แสงดาว, สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2564. จาก. https://drive.google.com/file/d/1l2uNhjAUBeJXVlrjkfUo9gbdNt-3XIBF/view?usp=sharing
ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. (2562). 21 วันเปลี่ยนอุปนิสัยได้จริงหรือ, สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2564. จาก. http://hepa.or.th/assets/file/index/21%20วันเปลี่ยนอุปนิสัยได้จริงหรือ%20[ผศ.ดร.ขวัญเมิอง%20แก้วดำเกิง]%20(1).pdf
กันต์นิษฐ์ พงศ์พิพัฒไพบูลย์. (2564). กลืนลำบาก สำลักบ่อย อันตรายในผู้สูงอายุ, สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2564. จาก. https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ผู้สูงอายุ-กลืนลำบาก
นันทยา อุดมพาณิชย์. (2557). กิจกรรมบําบัดในผู้ป่วยกลืนลําบาก, สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2564. จาก. https://li01.tci-thaijo.org/index.php/SRIMEDJ/article/download/23616/20093/
ณัทธร พิทยรัตน์เสถียรและคณะ. (2562). การบำบัดผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โดยเทคนิคการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy:CBT), สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2564. จาก.https://www.thaidepression.com/www/56/CBTdepression.pdf
งานกิจกรรมบำบัด กลุ่มงานเวชศาสตร์ฟื้นฟู. (2550). การฟื้นฟูกิจกรรมบำบัดในผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข:ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ, สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน2564. จาก. http://www.snmri.go.th/wp-content/uploads/2021/03/4.การฟื้้นฟูทางกิจกรรมบำบัดในผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบาก.pdf