กราบสวัสดี สำหรับทุกๆคนที่ผ่านมาพบเจอกันในบทความอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้ดิฉันก็กลับมาอีกครั้งกับการนำเสนอหลักแนวคิดที่ดีอีกหนึ่งแนวคิดที่จะช่วยให้เราเข้าใจกับ “โรคซึมเศร้า” มากยิ่งขึ้นค่ะ
จากหัวข้อของบทความที่คุณผู้อ่านได้เห็นนั้น ทุกคนก็อาจจะสงสัยว่า คำว่า Three-Track Mind หมายถึงอะไร แล้วมีเนื้อหาเชื่อมโยงกับคำว่าซึมเศร้าอย่างไร วันนี้ผู้เขียนจะมาขยายความในเรื่องนี้ค่ะ
“ภาวะซึมเศร้า” มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของสมองในส่วนที่มีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมถึงสุขภาพทางกาย โดยผู้ที่จะมีภาวะซึมเศร้าได้นั้น สามารถเกิดได้ในบุคคลทุกเพศทุกวัย ซึ่งการมีภาวะซึมเศร้าเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่อาการของโรคซึมเศร้า และโรคซึมเศร้าก็เป็นสาเหตุให้คนที่เป็นโรคมีโอกาสฆ่าตัวตายได้มากขึ้น แต่ที่คนส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าก็มักจะนึกถึงเพียงอาการหรือสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไป จึงคิดว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดหวัง หรือการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ และจะสามารถรักษาหรือแก้ไขได้ด้วยการให้กำลังใจ ซึ่งในความจริงแล้วนั้น โรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุหนึ่งเกิดจากการทำงานของระบบสมองที่ผิดปกติ ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะนอกจากจะต้องบำบัดอย่างถูกวิธีแล้ว ยังอาจจะต้องใช้ยาในการรักษาร่วมด้วย เพื่อที่ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าจะได้มีอาการที่ดีขึ้นค่ะ
Three-Track Mind หรือเรียกโดยย่อว่า TTM ก็คือเหล่าอัศวิน 3 ทหารเสือซึ่งเป็นการให้เหตุผลทางคลินิกของนักกิจกรรมบำบัด โดยจะมีวิธีคิดที่ถ้าเราสามารถฝึกฝนใช้หลักการนี้ได้อย่างชำนาญแล้ว เราก็จะเป็นคนที่ใช้ความคิดได้อย่างเป็นระบบ มีเหตุผลและมีประสิทธิภาพในการบำบัดผู้ป่วยมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
การที่จะให้เหตุผลทางปฏิสัมพันธ์เริ่มต้นระหว่างนักกิจกรรมบำบัดและผู้รับบริการผ่านการพูดคุยนั้น การตั้งคำถามว่า Why หรือ ทำไม เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการที่จะเป็นคนที่คิดแบบเป็นระบบ Systematic Thinking ซึ่งการคิดแบบ ทำไม จะแบ่งการประเมินได้ 3 ข้อคือ
การให้ “เหตุผล”เชิง “เงื่อนไข” ซึ่งจะคิดถึงเหตุผลของความคิดหรือการกระทำต่อจากการถามคำว่า “ทำไม” ในขั้นตอนแรก ซึ่งจะต้องมีเงื่อนไขในการจำกัดตัวเหตุผลที่ผู้ป่วยได้ให้มา โดยจะมีการแบ่งเงื่อนไขหลายประเภท เช่น
เป็นการคิดแบบมี “ขั้นตอน” เป็นเหตุเป็นผล โดยจะใช้กระบวนการคิดที่เรียกว่า Design Thinking เพื่อจะคิดวิธีการบำบัดรักษาแบบเชิงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ
ในเมื่อทุกท่านได้รู้ความหมายของโรคซึมเศร้า และความหมายของเหล่าอัศวิน 3 ทหารเสือ TTM กันไปแล้ว งั้นเราลองเอาสองสิ่งนี้มาเชื่อมโยงกันดูดีกว่าค่ะ ว่าจะมีวิธีการเชื่อมโยงได้อย่างไร โดยจะขอยกตัวอย่าง ดังนี้
จากภาพที่ได้เห็นข้างต้นนี้ คือคำพูดส่วนใหญ่ที่มาจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ภายในใจ โดยคำที่เห็นได้ชัดที่สุดในรูปก็คือคำว่า “Suicide” (ฆ่าตัวตาย) นั่นเอง
จากข้อมูลที่ทางผู้เขียนได้ค้นคว้ามามีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับและอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างโรคซึมเศร้ากับการฆ่าตัวตาย โดยจะขอนำเสนอแนวคิดของทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของการฆ่าตัวตาย (Interpersonal Theory of Suicide) โดย แวน โอเดน (Van Orden) โดยสามารถสรุปได้ 4 ประการ ดังนี้
ทางออกและการป้องกันการสามารถทำได้อย่างไร
จากการที่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อหาวิธีแก้ไขของปัญหาที่เกิดขึ้น ได้พบวิธีหนึ่งคือ ถ้าหากพบว่าตัวเองหรือคนรอบตัวเป็นหรือมีแนวโน้มจะเป็นโรคซึมเศร้าจะต้องทำอย่างไร โดยจะได้มีข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขและรักษาไว้ 2 ระดับดังนี้
1) ระดับบุคคล
2) ระดับครอบครัวและบุคคลรอบข้าง
เพียงใช้หลักวิธีที่ได้กล่าวไปในข้างต้นและวิธีปฐมพยาบาลทางจิตใจในรูปที่อยู่ด้านบนนี้ ก็จะสามารถช่วยลดภาวะซึมเศร้าที่จะส่งผลไปถึงการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ
ตัวอย่างถัดมา จากเนื้อหาในโปสเตอร์ อาจจะทำให้มีผู้อ่านบางท่านสงสัยว่าบางประโยคนั้น “ทำไม” ถึงห้ามที่จะพูดออกมา วันนี้ผู้เขียนจะขออธิบายในประเด็นของปัญหานี้ค่ะ
คำแต่ละคำที่เราได้พูดออกมาเพื่อให้กำลังใจกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้านั้น แม้จะเป็นการพูดที่เป็นเจตนาที่ดี แต่ก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเผยแล้วว่า คำบางคำที่พูดออกมานั้น ก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจผู้ที่ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้นกว่าเดิม โดยบางประโยคบางประโยคนั้น บางคนอาจจะมองว่ามันจะต้องทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นแน่เมื่อได้ฟัง แต่กลับกลายเป็นคำต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โดยสิ่งไม่ควรพูดคือ คำห้าม คำกดดัน คำพูดเชิงลบ ดังมีประโยคดังต่อไปนี้ เช่น
คำที่ห้ามพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าท่านผู้อ่านก็คงจะทราบแล้ว แล้วทุกคนก็อาจจะสงสัยต่อว่า “แล้วเราควรจะพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างไร ถึงจะเหมาะสม” คำพูดที่เราควรจะพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็คือคำพูดที่เป็นการให้กำลังใจ คำพูดเชิงบวก หรือคำชม โดยผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างคำประเภทนี้ดังรูปภาพต่อไปนี้ค่ะ
หลักจากที่ได้ทุกท่านอ่านหลักการคิดและการแก้ไขในเรื่องของคำพูดที่ควรใช้และคำพูดที่ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามาแล้วนั้น หลังจากนี้ถ้าท่านได้นำไปใช้อย่างถูกวิธีกับคนรอบข้างที่เป็นโรคซึมเศร้า บุคคลเหล่านั้นจะต้องรู้สึกได้ถึงความใส่ใจที่มีและมีความรู้สึกที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
แล้วก็มาถึงตัวอย่างสุดท้ายกันแล้วนะคะ จากรูปที่ใช้ในการเกริ่นนำก่อนจะเข้าเนื้อหา ทุกคนอาจจะสงสัยว่า การกอดจะเกี่ยวอะไรกับซึมเศร้ากันนนะ? ซึ่งจริงๆแล้วการกอด ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในทางที่ดีหรือในทางบวกสำหรับคนที่มีภาวะซึมเศร้าค่ะ จะมีแนวคิดยังไง ไปติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
โดยจากจากการศึกษาพบว่า การกอด หรือสัมผัสร่างกายแบบยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย จะช่วยบรรเทาความรู้สึกที่ไม่ดีลง หลังจากพวกเขาเผชิญกับเหตุการณ์ในเชิงลบที่พวกเขาเจอในแต่ละวัน
ที่น่าสนใจคือผลดีจากการสวมกอดไม่ได้ให้ผลแตกต่าง ในระดับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่สวมกอดกัน หมายถึง ไม่จำเป็นว่าผู้ที่กอดและถูกกอดจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดฉันท์คนรักเพียงอย่างเดียว ถึงจะช่วยลดความเศร้าหมองใจให้กับผู้กอดได้
การกอดทำให้รู้สึกปลอดภัย เหมือนการที่แม่อุ้มเด็กทารกตัวเล็กๆ ในขณะที่กำลังร้องไห้ หากเข้าไปอุ้มเขามากอดก็จะทำให้เขาหยุดร้องไห้ได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการกอดทำให้เรารู้สึกว่ามีคนคอยปกป้องคุ้มครองเราอยู่ ทำให้ความรู้สึกเครียดและความวิตกกังวลในสถานการณ์นั้นๆ น้อยลง
การกอดสามารถเปลี่ยนความคิดของเราจากติดลบให้กลายเป็นบวกได้ สาเหตุเพราะในขณะที่เรากำลังกอดใครสักคนนั้น ร่างกายเกิดการกระตุ้นสร้างฮอร์โมนออกซิโตซินออกมา และยังช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีน หรือสารแห่งความสุขออกมามากขึ้น รวมถึงสารแห่งความสุขตัวอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น เอ็นดอร์ฟิน และเซโรโทนิน ที่ส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ส่งผลต่อผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าให้เขารู้สึกดีมากยิ่งขึ้น เหมือนกับการได้รับกำลังใจและการปลอบโยนในเวลาเดียวกันนั่นเอง
เราก็ได้รู้ประโยชน์ของการกอดแล้วใช่ไหมคะ ต่อมาเรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าการกอดกับบุคคลแต่ละช่วงวัยนั้น ต้องกอดอย่างไร
“พลังแห่งการกอด” กับเทคนิคการกอดที่เหมาะสม
การกอดเด็ก – ไม่ควรกอดเด็กแน่นจนเกินไป เพราะเด็กอาจจะเจ็บและไม่ชอบได้
การกอดวัยรุ่น – ต้องระมัดระวังมากขึ้น ในการสัมผัสพื้นที่บางแห่ง เช่น
การกอดผู้สูงอายุ – การกอดจะทำให้ผู้สูงอายุมีความแข็งแรง แต่ต้องเป็นอ้อมกอดที่สื่อถึงความรู้สึกที่อบอุ่น และแสดงความรักจากใจด้วยความรู้สึกที่อยากกอดจริง ๆ ไม่ใช่กอดด้วยการถูกบังคับ อ้อมกอดสำหรับผู้สูงอายุ มีหลายรูปแบบดังนี้
การกอดนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สามารถทำได้กับคนรอบตัวที่ไม่ว่าจะเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้าหรือผู้ที่ไม่มีภาวะซึมเศร้าก็ตาม ถ้าบุคคลรอบข้างเต็มใจที่จะกอดกับเรา ก็สามารถทำการกอดได้ทุกวัน ทุกเวลา เพราะข้อดีของการกอดนั้นมีอยู่มากมายนั่นเองค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการใช้สามทหารเสือ TTM กับการบำบัดรักษาผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า หลักการพูดและการช่วยเหลือทางจิตใจสำหรับคนรอบข้าง ทางตัวผู้เขียนหลังจากที่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อที่จะมาเขียนบทความนี้ก็ได้มีความเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้นเป็นอย่างมากเลยค่ะ ดิฉันก็หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจในการใช้หลักการทางกิจกรรมบำบัดกับผู้มีภาวะซึมเศร้ามากขึ้นนะคะ ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านบทความจนจบค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ✧˖(≧ω≦)
นักศึกษากิจกรรมบำบัด พิมพ์ณดา รุ่งสิริวัฒนะชัย ชั้นปีที่ 2 รหัสนักศึกษา 6323026 มหาวิทยาลัยมหิดล
แหล่งอ้างอิง : โรคซึมเศร้า โรคฮิตหรือแค่คิดไปเอง
https://www.bbc.com/thai/features-50922434
สังเกตและรับมืออย่างไรกับคนใกล้ตัวที่เป็นโรคซึมเศร้า
https://www.nationtv.tv/lifestyle/378650285
คำพูดที่ไม่ควรพูด กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
https://www.winnews.tv/news/25118
ไม่มีความเห็น