คุยเรื่องเมืองเวนิส
เวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) จุดหมายปลายฝันสุดโรแมนติกแห่งแคว้นเวเนโต (Veneto) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆจำนวน 118 เกาะเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย (Venetian Lagoon) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบอาเดรียตริก (Adriatic Lagoon) ทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมืองทำให้เวนิสเป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ได้แก่
เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water)
เมืองแห่งแสงสว่าง (City of Light)
เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges)
ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก (Gueen of the Adriatic)
และที่สำคัญยูเนสโกประกาศให้เวนิสเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปีค.ศ. 1987
สัญลักษณ์แห่งเมืองเวนิสได้แก่ เรือกอนโดลา ลำคลอง มหาวิหาร St.Mark's Basilica เวนิสเป็นเมืองที่ใช้คลองแทนถนน และใช้เรือแทนรถ ที่อยู่อาศัยปลูกสร้างลัดเลาะตามสายน้ำ การคมนาคมภายในเมืองเวนิสจะใช้เรือเป็นส่วนใหญ่
คนไทยรู้จักเมืองเวนิสจาก The Merchant of Venice บทละครของวิลเลี่ยม เชคเปียร์ ซึ่งแต่งขึ้นในราวปีค.ศ. 1596 - 1598) เป็นละครประเภทชวนหัว แต่ต่อมาภายหลังได้รับการยอมรับให้เป็นวรรณกรรมโรแมนติก เนื่องจากมีฉากรักที่โดดเด่นมาก
The Merchant of Venice ได้แปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2459 ทรงพระราชนิพนธ์เป็นกลอนบทละครในชื่อว่า "เวนิสวาณิช" เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองเวนิส มีทั้งความรักหวานชื่นของหนุ่มสาวระหว่างบัสสานิโย ชายหนุ่มเชื้อสายผู้ดีตกยาก กับปอร์เชีย สาวงามผู้เพียบพร้อมทั้งรูปโฉม ทรัพย์สินเงินทองและสติปัญญา ความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนชายของบัสสานิโยกับอันโตนิโย ซึ่งยอมเสียสละได้เพื่อเพื่อนผู้เป็นที่รัก และความอาฆาตมาดร้ายของไชล็อก พ่อค้าชาวยิวผู้หมายชีวิตชาวคริสต์เป็นการแก้แค้น ในตอนท้ายของเรื่องเหตุการณ์ต่างๆได้คลี่คลายลงและจบลงอย่างสวยงาม
บทที่มีชื่อเสียงที่สุดใน The Merchant of Venice คือ
The quality of mercy is not strain'd,
It droppeth as the gentle from heaven
พระราชนิพนธ์แปลความว่า
อันความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
ซึ่งในเวลาต่อมาบทพระราชนิพนธ์ตอนนี้ได้ถูกอัญเชิญเป็นส่วนหนึ่งของเพลงมาร์ชพยาบาล
กรุงเทพฯได้รับฉายาจากชาวต่างชาติว่า " เวนิสตะวันออก " (Veneice of the East) ทั้งนี้เพราะในอดีตกรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีคูคลองหลายสาย ผู้คนสัญจรโดยใช้เรือ มีการทำมาค้าขายในคลอง มีบรรยากาศคล้ายกับเมืองเวนิสของประเทศอิตาลี แต่ในสมัยปัจจุบันกรุงเทพฯได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นคูคลองบางส่วนถูกถมกลายเป็นถนนหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ การสัญจรทางบกมาแทนที่การสัญจรทางน้ำ คลองที่ยังเหลืออยู่กลายเป็นคลองระบายน้ำ สภาพน้ำเน่าเสีย ไม่หลงเหลือความเป็นเวนิสตะวันออกให้เห็นอีกต่อไป แม้ว่าจะมีความโครงการต่างๆมากมายที่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ ปรับปรุงสภาพคูคลองให้กลับมาสะอาดสวยงามอีกครั้ง เพื่อให้บรรยากาศความ
เป็นเวนิสตะวันออกกลับคืนมา
เมืองเวนิสมักประสบปัญหาน้ำท่วมเมืองเมื่อกระแสลมแรงพัดให้น้ำจากทะเลสาบหนุนสูงขึ้น เช่นเดียวกับกรุงเทพฯประสบปัญหาน้ำท่วมทุกครั้งที่มีฝนตก และยังไม่มีแนวทางในการแก้ปัญหาน้ำท่วมได้เลย นอกจากจะปรับตัวให้รับสภาพให้ได้
เมืองเวนิสมีโครงการ "โมเสส" ก่อสร้างแบริเออร์ใต้ทะเลสาบที่จะตั้งขึ้นมาเมื่อระดับน้ำเกิน 109 เซนติเมตร ซึ่งน่าจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ แม้ว่าโครงการนี้จะถูกวิจารณ์อย่างมากว่าใช้งบประมาณสูงเกินไป อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จก็นับว่าคุ้มค่ามากในการรักษาเมืองเวนิสให้คงความเป็นเมืองมรดกโลกและเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไว้
สถานที่ : เมืองเวนิส อิตาลี
ขอบคุณภาพน้ำท่วมและภาพคลองในกทม.จากอินเทอร์เน็ต
เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วได้มีโอกาสไปเยี่ยมเมืองเวนิส รุ้สึกเสียดาย และกลัวว่าสักวันในภาวะโลกร้อนเมืองเวนิสคงจมหายไปในทะเลถ้าไม่ป้องกันให้ได้วันนั้นเดินลุยน้ำชมเมืองกัน บางช่วงก็มีสะพานไม้ให้เดินสะดวกขึ้น มหาวิหารน้ำเข้าเต็มพื้นที่ชั้นล่าง คนเมืองนั้นบอกว่าในแต่ละวันน้ำท่วมเป้นช่วง มีน้ำขึ้นน้ำลง