< เมนูหลัก >
ตอน 2 (3)
"ปฏิวัติวัฒนธรรม" เพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา
คุณภาพ – ปริมาณ
วัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งที่ต้องปฏิวัติ คือ การที่สังคมไทยไม่ค่อยเน้นคุณภาพ แต่มักเน้นเรื่องปริมาณเป็นหลัก และแวดวงวิชาการ-วิจัยก็ตกอยู่ภายใต้วัฒนธรรมนี้
การพิจารณาผลงานวิชาการ เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการ มีแนวโน้มจะเน้นที่ปริมาณของผลงานมากกว่าเน้นคุณภาพ จนในหลายวงการหลายสถาบัน นักวิชาการส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างปริมาณ กับคุณภาพ เช่น จะให้ผลงานวิชาการที่มีคุณภาพระดับ "ดี" 2 ชิ้น มีค่าเท่ากับผลงานระดับ "ดีมาก" 1 ชิ้น
ในการรวบรวมผลงานทางวิชาการเพื่อยื่นเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการมักถามกันว่า ต้องการผลงานกี่ชิ้นกี่หน้าแทนที่จะถามที่ดัชนีคุณภาพของผลงาน
เมื่อกำหนดให้ผู้จะเข้าสู่ตำแหน่งวิชาการต้องมีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร นักวิชาการจำนวนหนึ่งจะพยายามส่งไปตีพิมพ์ในวารสารที่รับตีพิมพ์ง่าย ๆ ไม่เคร่งครัดต่อการตรวจสอบคุณภาพเป็นการสะท้อนสภาพของวัฒนธรรมที่ไม่เน้นในเรื่องคุณภาพ
หากจะให้วงการวิชาการ – วิจัยเจริญก้าวหน้า สังคมไทยจะต้องสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมคุณภาพเน้นคุณภาพในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านคุณภาพของสินค้าคุณภาพของบริการ คุณภาพของการศึกษา การเรียนการสอนรวมทั้งการวิจัย
ผลงานที่มีคุณภาพต่ำจะต้องถูกแยกแยะออกไป และไม่ได้รับการยกย่อง ในทางตรงกันข้าม ผู้มีผลงานที่มีคุณภาพสูง จะต้องได้รับการตอบแทนสูงทั้งในด้านลาภ ยศ และสรรเสริญ
คุณภาพของผลงานวิจัยมีมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานนานาชาติ ผลงานวิจัย จึงควรพิสูจน์คุณภาพ โดยการส่งไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ
หากสังคมไทยสามารถเปลี่ยนไปเป็นสังคม ที่ไม่ยอมรับสิ่งที่ด้อยคุณภาพ นิยมยกย่องสิ่งที่มีคุณภาพสูง คนในสังคมจะถูกชักจูงโดยปริยาย ให้ต้องทำงานสร้างสรรค์คุณภาพ นั่นคือการวิจัยและพัฒนา
บทความพิเศษ ตอน 2 (3) นี้ ได้ จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ปีที่ 9 ล.2788 (104) 9 พ.ค. 39 พิเศษ 6 (บทความไอที)
เขียนโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
วิบูลย์ วัฒนาธร
ไม่มีความเห็น