การหมอบกราบเป็นการกระทำของการยอมแพ้ กล่าวในอีกแง่หนึ่งคือการคลานบนเท้าเป็นการตีความทางร่างกายถึงจิตใจที่
“เธอมีอำนาจเหนือฉัน”
“เธอมีอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์เหนือฉัน”
“ฉันยอมรับ ฉันเชื่อฟัง”
มันเป็นรูปทรงที่มีพละกำลังและทางจิตวิทยาของการควบคุม
อันดับแรก เราหมอบกราบต่อพระเจ้า
ประวัติศาสตร์โลกผูกพันกับการหมอบกราบโดยเฉพาะศาสนา
ในศาสนาพุทธ เราหมอบกราบกับพระสงฆ์, รูปเคารพ, และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในศาสนาคริสต์ เราต้องคุกเข่าต่อหน้าพระเจ้า ในอดีต การหมอบกราบหมายถึงการนอนหงายต่อหน้ารูปกางเขน
ในศาสนาอิสลาม เราหมอบกราบเมื่อเราสวดมนต์
การกระทำมีความหลากหลายตามแต่ละศาสนา แต่จุดประสงค์เหมือนกัน นั่นคือการยอมรับอย่างสุดจิตสุดใจต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จากศาสนาก็เปลี่ยนมาเป็นการเมือง
ในอดีต และบางกรณีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นราชายุโรปหรือสถาบันในตะวันออก เราจะคุกเข่าหรือหมอบกราบ ทำไมน่ะหรือ? เพราะว่าพวกเขาเปรียบเหมือนกับพระเจ้า หรือเป็นลูกพระอาทิตย์, หรือเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า, หรือเป็นการกลับมาเกิดอีกครั้งในโลกของพระพุทธเจ้า
จิตวิทยาเบื้องหลังมันเป็นเรื่องง่ายมาก นั่นคือ ในเมื่อมนุษย์ไม่สามารถทำให้คนอื่นๆมาหมอบกราบได้ แต่สำหรับเทพเจ้า หรือรูปตัวแทนพระเจ้ากลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้หากใครไม่เคารพเทพเจ้า สิ่งที่ได้รับคือการถูกเผาอย่างนิรันดร์ในนรก ดังนั้นเป็นง่ายที่เราจะคุกเข่า
ความกลัวพระเจ้าเป็นสุดยอดของการควบคุม ดังนั้นกษัตริย์ในประวัติศาสตร์จะเชื่อมโยงกับเทพเจ้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในยุคสมัยใหม่ เมื่อเราเจอกับกษัตริย์ การจับมือแบบสุภาพเข้ามาแทนการหมอบกราบที่เป็นส่วนใหญ่ในโลก
แต่แม้กระทั่งไม่ใช่พระเจ้าก็ยังต้องการหมอบกราบ
ในอดีต เจ้าที่ดินและคุณนายยังต้องการหมอบกราบจากเกษตรกร, พวกข้าแผ่นดิน, หรือพวกไพร่ ในยุคสมัยใหม่ ชนชั้นสูงกว่าก็ต้องการการหมอบกราบจากชนชั้นต่ำกว่า พวกครูยังต้องการจากนักเรียน
แต่คำว่าการควบคุม, การยอมตาม, และการเชื่อฟังเป็นคำเชิงลบ แต่เราสามารถแทนพวกมันด้วยคำว่าการเคารพ, มารยาท, และความซื่อสัตย์
และเราฝึกนักเรียนของเราให้ยอมตาม
ในชั้นเรียนของฉันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมีฉากที่เหมือนกันทุกๆภาคเรียน
เด็กๆที่จบจากโรงเรียนนาๆชาติจะเดินกร่างมาหาฉันเหมือนกับนางแบบบนทางเดินแบบ แต่นักเรียนที่มาจากโรงเรียนไทยจะเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางที่แตกต่างกัน 2 วิธี ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความเป็นประเพณีของพวกเขา
บางคนจะเข้ามาจับมือเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ บางคนจะเข้ามาคลานเข่ามาหาฉัน ทำไมน่ะหรือ? เพราะเป็นโรงเรียนของเขาเป็นผู้สอนให้
มันต้องใช้เวลานับทศวรรษในการฝึกใจและวางเงื่อนไขจิตวิญญาณให้มีการยอมรับการเคารพและการหมอบกราบ
มันต้องมีการฝังแน่นในจิตตั้งแต่เรายังเด็ก
การทำซ้ำๆกันกับการหมอบกราบจนกลายเป็นสิ่งปกติ การหมอบกราบเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ มันถูกใส่รหัสในดีเอ็นเอทางวัฒนธรรมของพวกเรา
จากการทำซ้ำๆกัน ในที่สุดทั้งใจและวิญญาณ จึงทำให้เรายอมรับ ดังนั้นการให้การหมอบกราบกับคนที่เราเห็นก่อนต่ออำนาจสูงสุด
ดังนั้นฉันจึงบอกเรื่องนี้กับนักเรียนของฉัน
จงอย่าคุกเข่า ดึงเก้าอี้ออกมา นั่ง และคุยกับฉัน
หากเธอจะทำเคารพฉัน จงทำเพราะฉันสอนสิ่งต่างๆให้เธอ
หากคุณจะกลัวฉัน จงกลัวฉัน เพราะว่าฉันจะให้ผ่านหรือตก
หากเธอยังทำตามมารยาททางสังคม เธอไหว้ฉัน และฉันรับไหว้เธอ นั่นเพียงพอแล้ว
นอกจากนี้เธอเป็นคน ฉันก็เป็นคน เรามานั่งและคุยกัน
บางทีสิ่งนี้เป็นวิถีสำหรับเรา คนไทยกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า หากเรานั่งและคุยกัน มนุษย์กับมนุษย์
แปลและเรียบเรียงจาก
Voranai Vanijaka. Prostration 101: Training students to admit authority.
ไม่มีความเห็น