peter
นาย กฤษณะพงศ์ ต่อ สุวรรณโชติ

นายดี


สุขภาพตาน่ะสำคัญ
เร็วๆ นี้มีข่าวในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ หรือรายการในทีวีกล่าวถึงการใช้คอมพิวเตอร์นานๆ อาจนำไปสู่โรคต้อหินทำให้ตาบอดได้

ดูรายละเอียดแล้วเป็นผลงานของจักษุแพทย์ชาวญี่ปุ่น คณะหนึ่งได้ศึกษาภาวะต้อหินในชาวญี่ปุ่นในวัยทำงานอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำจำนวนหมื่นกว่าคน

พบว่า

เป็นต้อหินถึงหนึ่งร้อยหกสิบคน หรือโดยอัตราส่วนเป็นร้อยละหนึ่งจุดหก ในรายงานนั้นดูเหมือนว่าจะสรุปว่าต้องเป็นผู้ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์หลายปี และใช้งานวันละหลายชั่วโมง

โดยเฉพาะผู้นั้นมีสายตาสั้นร่วมด้วย ยิ่งมีโอกาสเป็นต้อหินมากขึ้นด้วย
ต้อหินเป็นโรคที่มีการทำลายประสาทตาอย่างช้าๆ

โดยผู้ที่เป็นมักมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือความดันในตาสูง ทำให้ลูกตาแข็งกว่าปกติอันเป็นที่มาอันเป็นที่มาของชื่อที่ว่า “ต้อหิน” นอกจากดวงตาจะแข็งเหมือนหินแล้ว ยังเป็นโรคที่การรักษาค่อนข้างจะยุ่งยากหรือค่อนข้างหินตามภาษาชาวบ้าน

หากรักษาไม่ได้ตาจะบอดเกือบทุกราย

ซ้ำร้ายต้อหินบางชนิด นอกจากทำให้ตาบอดแล้วยังเจ็บปวดอีก คือแม้ตาไม่เห็นแล้วเจ้าตัวยังมีอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนบางคนยอมให้แพทย์เอาตาออกเพื่อระงับความเจ็บปวด
การมองเห็นของคนปกติ การมองเห็นของคนเป็นต้อหิน

ต้อหินมีด้วยกัน 3 ชนิด

ชนิดแรกเป็นต้อหินโดยไม่ทราบสาเหตุพบมากที่สุด

ชนิดที่สองเป็นต้อหินเนื่องจากมีโรคอื่นอยู่ก่อนแล้วเกิดแทรกซ้อนด้วยโรคต้อหินตามหลังพบรองลงมา

และชนิดที่สามพบน้อยที่สุดเป็นต้อหินในเด็กมาแต่กำเนิด คือเป็นโรคต้อหินตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลยทีเดียว เกิดเนื่องจากการกำเนิดลูกตาระหว่างที่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มีความผิดปกติ

ทำให้น้ำภายในลูกตาไหลเวียนไม่สะดวก มีน้ำคั่งในลูกตาทำให้ความดันตาสูงขึ้น
ต้อหินที่สำคัญเป็นต้อหินชนิดแรกที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเหตุใดจึงเกิดกับคนๆ นั้นในขณะที่ผู้อื่นไม่เป็นกัน

ต้อหินชนิดนี้เป็นโรคสำคัญที่ทำให้ประชากรของโลกตาบอด รองลงมาจากต้อกระจก ต้อหินชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ยังแบ่งออกได้ 2 ลักษณะตามอาหารแสดงที่มาพบแพทย์ เรียกกันว่า

“ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรัง” และ “ต้อหินมุมปิดซึ่งมักจะเรียกกันว่าต้อหินเฉียบพลัน”
สำหรับต้อหินเฉียบพลันนั้นคนที่เป็นมักมีอาการอย่างกะทันหัน

โดยมีอาการ

• ปวดตา
• ปวดศีรษะ
• ตาแดง
• และตามัวอย่างฉับพลัน

จึงไม่ค่อยมีปัญหาในการมาพบแพทย์นัก เนื่องจากมักจะทนไม่ไหวกับอาการเจ็บปวด ส่วนต้อหินเรื้อรังค่อนข้างจะเป็นปัญหาในบ้านเรา เพราะว่าเป็นต้อหินที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่เจ็บปวด

อีกทั้งตาไม่แดงแต่สายตาจะมัวลงอย่างช้าๆ กว่าเจ้าตัวจะรู้ก็เกือบจะบอดแล้ว เป็นต้อหินที่สัมพันธ์กับการใช้คอมพิวเตอร์ที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้
ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรังแม้

เราไม่รู้สาเหตุของการเกิดอย่างแท้จริง แต่ก็ได้พยายามศึกษาถึงลักษณะของโรค พยายามแก้ไขไม่ให้ผู้ที่เป็นต้อตาบอด สิ่งที่เราทราบก็คือต้อหินชนิดนี้มักพบในคนสูงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป มักพบในผู้ที่เป็นเบาหวาน
ผู้ที่เป็นโรคของต่อมไทรอยด์

ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ ผู้ที่นอกกรนมากจนหยุดการหายใจ (sleep apnea) ความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีสายตาสั้น

จนบางคนอาจกล่าวว่า

ยีนส์ของการถ่ายทอดโรคทางกรรมพันธุ์ของต้อหิน เบาหวาน และสายตาสั้นคงจะอยู่ชิดกันมาก จึงพบโรคทั้ง 3 ในคนเดียวกันเสมอๆ
ต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรังนี้

สัมพันธ์กับการใช้คอมพิวเตอร์จากการศึกษาของแพทย์ชาวญี่ปุ่นอย่างไร ตามที่กล่าวแล้วว่าต้อหินชนิดนี้พบในคนสูงอายุ การศึกษานี้ก็ตรวจเฉพาะคนสูงอายุเช่นเดียวกันมีการศึกษาของหลายประเทศตามอุบัติการณ์ของต้อหินชนิดนี้ได้ 1-2% อยู่ในตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน

ชาวญี่ปุ่นมีอุบัติการณ์สายตาสั้นค่อนข้างมาก จึงน่าเชื่อว่าชาวญี่ปุ่นที่นำมาศึกษาน่าจะมีสายตาสั้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอันหนึ่งของการเป็นต้อหิน
ส่วนอีกประการหนึ่ง

การที่สายตาสั้นแม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่เชื่อกันว่าผู้ที่ใช้สายตาเพ่งมองใกล้มาก พวกหนอนหนังสือ ผู้ที่มีไอคิวสูงมักจะมีสายตาสั้น ทั้งหมดจึงอาจเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้กันมานานแล้ว

การศึกษาของจักษุแพทย์ชาวญี่ปุ่นนี้จึงเน้นย้ำให้สิ่งที่รู้กันมานานแล้ว
การศึกษาของจักษุแพทย์ชาวญี่ปุ่นนี้

จึงเน้นย้ำให้ประชาชนระวังถึงโอกาสการเป็นต้อหิน ซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์โดยตรงที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดในปัจจุบัน ภาษิตโบราณว่าถ้าจิ้งจกทักเรายังต้องระวัง

ในกรณีนี้แนะนำให้

ใช้คอมพิวเตอร์ในระยะที่เหมาะสม แม้จะไม่ได้ป้องกันโรคต้อหินแต่ก็ทำให้ไม่มีภาวะสายตาเมื่อยล้า ตาแห้งจากการใช้คอมพิวเตอร์มากไป
อย่างไรก็ตามเราคงไม่ต้องตื่นกลัว

การเป็นต้อหินจากการใช้คอมพิวเตอร์ตามข่าวนี้ แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉยกับโรคนี้ ด้วยอุบัติการณ์ที่พบได้ 1-2% ในคนสูงอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยไม่มีอากรรอะไรนำมาก่อน

ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

จึงควรได้รับการตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อที่ว่าหากพบโรคนี้ในระยะแรก การรักษาในระยะแรกจะทำให้คุณมีโอกาสสูญเสียสายตาน้อยที่สุด
และยิ่งถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก

เช่น เป็นโรคเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง มีโรคหลอดเลือด มีภาวะสายตาสั้น มีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว คุณควรต้องเฝ้าระวังโดยการตรวจหาภาวะต้อหินอย่างสม่ำเสมอ

ซึ่งเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในโลกของข้อมูลข่าวสารปัจจุบันควรใช้คอมพิวเตอร์ครั้งละ 2 ชั่วโมง พักสายตาไปทำงานอื่น 15 นาที แล้วกลับมาทำใหม่ การจัดระบบของโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมทำให้คุณสบายตา ไม่เมื่อยล้า

และอาจจะชะลอมิให้คุณมีสายตาที่สั้นเพิ่มขึ้น ลดปัจจัยของการเป็นต้อหินก็เป็นได้
คำสำคัญ (Tags): #เพื่อสุขภาพ
หมายเลขบันทึก: 68395เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2006 14:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท