วันนี้
ฉันอาสาเปลี่ยนเวรกับพี่อีกท่านหนึ่งเพื่อมาอยู่เวร ARI Clinic
ตั้งแต่เดือนมีนาคม ฉันได้รับคำสั่งให้มาทำงานที่นี่ แทนที่จะได้ทุ่มเทให้กับการทำงานที่กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาทางการพยาบาลอย่างเต็มที่เต็มเวลา
ถ้าจะมองเรื่องให้ลบก็ได้
หรือจะมองเรื่องให้บวกก็ได้...
อยู่ที่ใจที่เราจะมอง แม้ว่าจะเข้าปีที่ 4 ของการย้ายมาอยู่กลุ่มภารกิจทางการพยาบาล(ชื่อเดิม คือ กลุ่มการพยาบาล) มันก็ยังคงมีเรื่องราวอยู่มากที่จะขับเคลื่อนงานวิจัยในการพัฒนางาน ฉันวิเคราะห์กับตัวเองว่า นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ความรู้ความเข้าใจและทัศนคติต่อการทำวิจัย และการนำผลการวิจัยมาเป็นฐานในการพัฒนางาน เป็นเรื่องที่ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่มากอยู่
ที่ผ่านมาเราถูกบอกความรู้
เพียงแค่ว่า "วิจัยเป็นเรื่องของปริญญาโท ปริญญาเอก
และถ้าจะทำวิจัยในคนทำงาน ก็เพียงเพื่อแค่การทำขอความก้าวหน้าในวิชาชีพหรือเลื่อนตำแหน่งฐานะทางวิชาชีพ"
ส่วนกลุ่มที่มุ่งทำวิจัยเพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มองเห็นคุณค่าของการทำวิจัย และเริ่มมีความเข้าใจในความหมายของการทำวิจัยมากขึ้น
ช่วง 6 เดือนนับตั้งแต่มีนาคม ที่มีโควิด-19 ระบาด การดำเนินในหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนปรับแผนใหม่ ฉันใช้เทคโนโลยีและสื่อโซเซี่ยลมาทำงานมากขึ้นกว่าเดิมจากที่ปกติก็ยังใช้มากอยู่ และก็ใช้เวลาขณะที่อยู่ ARI Clinic ช่วงที่ปลอดคนไข้ นั่งทำงานวิจัย ทั้งในส่วนของการเป็นที่ปรึกษา หรือ Peer review รวมถึงการจัดทำเวิร์คช้อปต่างๆก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องมือ IT ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ แทนการเดินทางไปทำการสอนตามที่ต่างๆ
หลายคนมองว่าฉันไม่ควรมาทำงานที่นี่
ฉันได้แต่สะท้อนไปว่าเป็นมุมมองของผู้บริหาร สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเช่นไรเราสามารถสร้างสรรค์และพัฒนางานเราได้ ยิ่งทำให้เราเติบโตและงอกงามทางปัญญามากขึ้น
และฉันก็ใช้โอกาสของการมาทำงานที่ ARI Clinic นี้คิดค้นหาคำถามการวิจัยและใช้เครื่องมือวิจัยมาใช้ในการพัฒนางานของคลินิคโรคระบบทางเดินหายใจ...ทุกอย่างมันก็สามารถพลิกเรื่องราวของชีวิตได้เสมอ
หกเดือน...นี้ เราได้งานวิจัยเล็กๆ ที่เป็น Pilot study อยู่หลายเรื่องและนำไปสู่การเชื่อมโยงงานวิจัยเชิงระบบในการพัฒนาคลินิก ถือว่ามีคุณค่าและมีความหมายอยู่มากพอในการลงมือทำสิ่งต่างๆ
ซึ่งงานวิจัยเรื่อง ชื่อเรื่อง การศึกษาและพัฒนา New Normal of ARI Clinic
ในระยะ Active Phase ต่อความปลอดภัย
(Study and Development to New Normal of ARI Clinic in Active Phase for 2P Safety.)
เราได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 1ศึกษาสถานการณ์
1. ศึกษาสถานการณ์และการเกิดโรคระบาด URI และ COVID-19
2. ผลของการพัฒนาแนวปฏิบัติต่อการเข้าถึงระบบบริการในผู้ป่วยที่มารับบริการARI Clinic
ระยะที่ 2 เป็นระยะของการพัฒนามาตรฐานของ ARI Clinic สู่การเกิด 2P Safety
1. การจัดการและการบริหารความเสี่ยงต่อการเพิ่ม 2P safety ในคลินิก ARI Clinic
2. Warning Sign to Accumulated Heat เพื่อป้องกันการเกิด Heat Injury ในARI Clinic
3. ผลของรูปแบบการเฝ้าระวังการเกิด Panic จากโรค COVID-19
4. การเข้าถึงความรู้และคัดแยกความแตกต่างระหว่าง URI และ COVID-19 ในกลุ่มผู้มารับบริการคลินิก ARI
ระยะที่ 3 ศึกษาและประเมินผลลัพธ์ของการพัฒนาคลินิก ARI Clinic
จากผลการศึกษาจากงานวิจัย 6 เรื่อง นำมาสู่การสังเคราะห์ผลการวิจัย 7 ประเด็นดังนี้คือ
1. สถานการณ์และความชุกที่เกิดขึ้นในหน่วยบริการโรงพยาบาลยโสธร ในระยะActive Phase
2. ข้อมูลทั่วไปของผู้บริการที่คลินิก ARI
3. ผลของการพัฒนาแนวปฏิบัติต่อการเข้าถึงระบบบริการในผู้ป่วยที่มารับบริการARI Clinic
4. การจัดการและการบริหารความเสี่ยงต่อการเพิ่ม 2P safety ในคลินิก ARI Clinic
5. แสดงผลการเกิด Heat Injury ใน ARI Clinic
6. การเกิด Panic จากโรค COVID-19
7. การเข้าถึงความรู้และคัดแยกความแตกต่างระหว่าง URI และ COVID-19 ในกลุ่มผู้มารับบริการคลินิก ARI
ซึ่งผลงานนี้ได้รับคัดเลือกนำเสนอผลงานในงานประชุมวิชาการ "การสาธารณสุขไทยในยุคการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)" จัดโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ในงานประชุมวิชาการประจำปี 2563
ทบทวนเรื่องราว
ทบทวนวิถี...ก็รู้สึกมีกำลังใจและมีความสุขในการทำงานแม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างนั้นดีเสมอ...
#SelfReflection
10-08-63
ไม่มีความเห็น