เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2563 ได้มีโอกาสไปพบปะพี่นุช ผศ.ดร.รัชฎา ตั้งวงค์ไชย ที่ร้านกาแฟคณะเทคโนโลยี TE Lake Café ด้วยเหตุว่านัดกันทานกาแฟมาร่วม 10 ปี แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบปะกัน และเหตุนี้เองที่ทำให้เราได้มาพบปะกันประมาณหนึ่งชั่วโมงที่ร้านกาแฟ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และร้านเริ่มเปิดให้บริการและสามารถนั่งทานในร้านได้
พี่นุช เป็นสาวเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่นที่ 23 แล้วกลับมาเป็นอาจารย์ที่สาขาวิชาที่จบ จึงเป็นคนที่อยู่กับคณะเทคโนโลยีมาอย่างยาวนานพอสมควร และเป็นศิษย์เก่าอีกคนที่รักคณะ รักมหาวิทยาลัยขอนแก่นไม่น้อยเลย นักศึกษาหรือคนที่คุ้นเคยจะรู้ว่าอาจารย์นุชจะแทนตัวเองว่า “ช้านนนนนน”
ผมเริ่มรู้จักกับพี่นุชเมื่อครั้งผมเรียนต่อปริญญาโทและเป็นผู้ช่วยวิจัยในโครงการที่มีทีมคณะเทคโนโลยีเป็นทีมหลักเรื่องผักและผลไม้ปลอดภัยในภาคอีสานตอนบน สนับสนุนโดยสถาบันคลังสมองของชาติ ผมเป็นผู้ช่วยวิจัยอาจารย์วีระ ภาคอุทัย จึงได้ไปประชุมและช่วยภารกิจวิจัยพี่นุชและทีมอยู่บ่อยครั้งจนงานวิจัยสำเร็จ
หลังจากผมเรียนจบปริญญาโท และยังทำงานที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และพี่นุชก็ไปทำหน้าที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัย เราจึงได้พบกันบ่อยตามงานต่าง ๆ แต่กระนั้นก็เถอะ กาแฟหอมกรุ่นที่เราหวังจะได้นั่งจิบด้วยกัน พูดคุยกันก็เพิ่มพูนจำนวนขึ้นตามปี เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยไปกว่าสิบปี ก็แซวพี่นุชว่าหากคำนวณปีละ 3 แก้ว ก็ราว ๆ 30 แก้วนะครับที่พี่นุชจะต้องเลี้ยงกาแฟผม...และจะไม่นับเพิ่มจนกว่าจะครบ 30 แก้ว
ผมเกริ่นบอกพี่นุชว่าเดือนมิถุนายนผมจะไปรับหน้าที่ใหม่ด้านศิษย์เก่าสัมพันธ์ พี่นุชจึงแสดงทัศนะศิษย์เก่าสัมพันธ์ให้ฟัง ยกกรณีที่พี่นุชเป็นศิษย์เก่าปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมพอจะจับใจความสำคัญได้บางส่วนว่า การสร้างสัมพันธภาพที่ดีและมีศิษย์เก่าที่มีคุณภาพ และเชื่อมต่อความรักความผูกพันได้ดี ต้องสร้างตั้งแต่เขาเป็นนักศึกษา ตอนที่เขาเรียนอยู่ ไม่ใช่ไปสร้างตอนเขาเรียนจบไปแล้ว เขาไม่ผูกพัน เวลามหาวิทยาลัยขอความร่วมมืออะไรไป เขาก็อาจจะเฉย ๆ เพราะไม่ได้ผูกพันอะไร และอาจารย์จะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่าและมหาวิทยาลัย เพราะนักศึกษาหลายคนมีสัมพันธภาพที่ดีกับอาจารย์...
แล้วในโอกาสนี้เอง ผมก็มาสานสัมพันธ์กับศิษย์เก่าคนแรกเป็นปฐมฤกษ์ ด้วยเสียงดังฟังชัดของพี่นุชกลางร้านกาแฟทำให้การสนทนาก็สนุกสนานและได้อรรถรส เพราะโซนที่เรานั่งก็มีกันแค่สองคน ด้วยอยู่ในช่วงของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม... แต่ความสัมพันธ์ของเรายังแนบแน่น
การไปคุยกับพี่นุชในครั้งนี้ จึงได้โจทย์สำคัญมาทำงานต่อ จริงแล้วมหาวิทยาลัยเองก็เคยทิ้งโจทย์นี้ไว้แล้วเมื่อหลายปีก่อนว่าทำอย่างไรศิษย์ปัจจุบันจะรู้สึกว่าสักวันหนึ่งเขาเองก็จะกลายเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับรุ่นพี่....(ที่กลับมาช่วยเหลือภารกิจของมหาวิทยาลัยหรือทำคุณงามความดีเพื่อตนเองและสังคม)
ขอบคุณกาแฟแก้วแรก กาแฟแห่งมิตรภาพและความสัมพันธ์ แล้วแก้วต่อไปจะมาเมื่อไหร่ คงต้องรอติดตามตอนต่อไปครับ
ณ มอดินแดง
9 กรกฎาคม 2563
ปล.เป็นบันทึกที่ใช้เวลาเขียนข้ามเดือน
เหลืออีก 29 แก้ว ถ้านับจนเกษียณอายุอีก 8 ปี เราต้องมี coffee meeting 3-4 แก้วต่อปี หรือ 1 แก้วทุกไตรมาส