ขอขอบพระคุณอาจารย์ป๊อป หรืออาจารย์ศุภลักษณ์ เข็มทอง ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับโรคทางจิตเวช และจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ร่วมกันระดมความคิดในการนำสื่อทางกิจกรรมบำบัดไปใช้กับผู้รับบริการที่มีปัญหาด้านจิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรม
Generalized anxiety disorder ภาวะวิตกกังวลทั่วไป เป็นภาวะทางจิตใจที่ส่งผลกระทบเป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะมีความเครียดหรือกังวลมากไปในหลายๆเรื่อง บางครั้งอาจไม่สามารถระบุสาเหตุของความกังวลได้ ส่งผลให้นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ และอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
ซึ่งอาการสำคัญที่สังเกตได้ของโรคนี้ มีดังนี้
โม - โมโห หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
ร้อน - ร้อนใจ กระวนกระวายใจ
ไม่ - ไม่มีสมาธิ ขาดการจดจ่อกับสิ่งที่ทำ
กล้า - กล้ามเนื้อตึง ปวดเมื่อย
นอน - นอนไม่หลับ ไม่เพียงพอ มีปัญหาในการนอน
ล้า – เหนื่อยล้า อ่อนล้าง่าย
ซึ่ง GAD หรือ Generalized anxiety disorder มีหลักการในการรักษาว่า ความวิตกกังกลที่เกินกว่าเหตุ มีผลมาจากการที่ผู้รับบริการประเมินความรุนแรงต่อสถานการณ์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ผู้บำบัดมีหน้าที่ช่วยค้นหาและปรับเปลี่ยนความคิดเชิงลบของผู้รับบริการ โดยหลักการที่สมาชิกกลุ่มได้เลือกมา คือ CBT (Cognitive behavioral therapy)
การบำบัดด้วย CBT เชื่อว่าความคิดที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริงหรือ dysfunctional thinking
ทำให้เกิดผลกระทบต่ออารมณ์ของมนุษย์ ดังนั้น แนวทางในการบำบัด คือ ถ้าสามารถประเมิน (evaluate) ความคิดให้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรืออยู่ในโลกของความเป็นจริงได้ (realistic) โดยขั้น ตอนคือการทำให้ผู้ป่วยเข้าใจก่อนว่าความคิดนั้น มีความ dysfunctional อย่างไร แล้วให้ประเมินและแก้ไขให้ดีขึ้น เป็นจิตบำบัดชนิดหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการอารมณ์ทางลบของมนุษย์ ด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม ฝึกฝนทักษะในการจัดการกับปัญหาของตนเองให้ดีขึ้น
โดยเริ่มแรกสื่อทางกิจกรรมบำบัดที่สามารถส่งเสริมทักษะการรู้คิด ความคิดบวก อารมณ์ดี และการสื่อสารทางสังคม สำหรับผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลทั่วไป ที่ทางสมาชิกเลือกมา คือ
การทำกิจกรรม Group therapy โดยกิจกรรมที่ทำคือ การวาดภาพอิสระด้วยสีน้ำ โดยให้ผู้รับบริการวาดภาพด้วยสีน้ำตามจิตการหรือความต้องการของตนเอง ไม่มีโจทย์บังคับสามารถวาดได้ตามอิสระ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากการวาดภาพสีน้ำ เป็นการนำศิลปะมาใช้ในการบำบัด ให้ผู้รับบริการได้ถ่ายทอดอารมณ์ ความคิด ที่อยู่ภายในใจออกมาผ่านภาพวาด โดยที่เลือกทำเป็นกลุ่มเนื่องจาก หากอยู่คนเดียวอาจสร้างความกังวลใจให้กับผู้รับบริการจึงเลือกทำเป็นกลุ่มเพื่อให้ผู้รับบริการได้คลายความกังวล และความกดดันลง
เหตุผลที่ใช้สีน้ำ คือ สีน้ำ นั้นมีหลากหลายสีให้เลือก สามารถนำมาสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลาย แต่สีน้ำนั้นก็มีความยากในการควบคุมพู่กันให้ได้ภาพออกมาตามที่ต้องการ ซึ่งในผู้รับบริการที่มีความกังวลอาจไม่กล้าลงมือทำเนื่องจากกลัวว่าตนจะทำผิดพลาด นักกิจกรรมบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องคอยเสริมแรงให้ผู้ป่วยมีความกล้าลงมือทำ ส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพื่อเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและควบคุมความคิดและพฤติกรรมของตนเอง
หลังจากทำกิจกรรมบำบัดด้วยศิลปะไปแล้ว ก็ใช้การบำบัดด้วย CBT เพราะการใช้ศิลปะบำบัดนั้นเบี่ยงเบนความสนใจและความคิดวิตกกังวลได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลคือความคิดที่มากเกินไปกว่าความเป็นจริง ดังนั้นจึงต้องปรับที่ความคิดและพฤติกรรม ที่ส่งผลต่ออารมณ์วิตกกังวล โดยใช้วิธีพูดคุยกับผู้รับบริการ
อันดับแรก คือ การบอกอารมณ์ตนเอง (Identifying Moods) การที่บุคคลสามารถบอกถึงอารมณ์ตนเองได้นั้นจะทำให้เกิดการระลึกรู้ (awareness) และ สามารถตั้ง เป้าหมายได้ว่าจะจัดการกับอารมณ์อย่างไร เพราะอารมณ์นั้นเป็นผลมาจากความคิดที่เกิดขึ้นหลังจากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ หากความคิดมีส่วนที่บกพร่องไปก็จะทำให้อารมณ์และพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้นผิดไป หลังจากรับรู้อารมณ์ของตนเองแล้ว ให้ผู้รับบริการประเมินระดับอารมณ์ของตนเอง เพื่อที่จะได้หาทางจัดการกับอารมณ์นั้นได้อย่างถูกวิธี เนื่องจากอารมณ์แต่ละอย่างนั้นจะมีระดับที่แตกต่างกันไป แล้วแต่สถานการณ์
ต่อมาหลังจากที่รับรู้อารมณ์แล้วนั้น ให้นักกิจกรรมบำบัดพูดคุยเกี่ยวกับความคิดของผู้รับบริการ ทั้งความคิดที่เป็นอัตโนมัติและความคิดที่เกิดหลังจากได้ไตร่ตรองแล้ว เพื่อหาชุดความคิดที่บิดเบือนไปของผู้รับบริการ โดยคำถาม เช่น ตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคุณจำได้ไหมว่าคิดอะไรขึ้นมา? หรือตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคุณนึกเห็นภาพอะไร? เป็นต้น
เมื่อทำการสังเกตความคิดแล้วให้นำมาประเมินความคิด เพื่อบอกให้ผู้รับบริการรับรู้ว่าไม่ควรเชื่อความคิดของตัวเองทั้งหมด เนื่องจากความคิดเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น ไม่ใช่ความจริง ผู้ป่วยควรประเมินความคิดของตนเองบนหลักของความเป็นจริงและความถูกต้อง
สุดท้ายพูดคุยเพื่อทำการปรับความคิด โดยใช้หลักการของความเป็นจริงและประโยชน์ โดยเทคนิคการปรับความคิด เช่น
อาจช่วยให้สามารถหยุดความคิดทางลบของรับบริการได้
สุดท้ายนี้การใช้หลักการ cbt นั้นก็มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับความคิดของผู้รับบริการให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ก่อนที่จะเกิดอารมณ์วิตกกังวล และส่งผลไปถึงพฤติกรรมที่กระทบกับการดำเนินชีวิต
เอกสารอ้างอิง
สมาชิกกลุ่ม
ไม่มีความเห็น