กรณีศึกษา: คุณจันทร์(นามสมมุติ)
Occupational Profile
ชื่อ : จันทร์(นามสมมุติ) เพศ : หญิง อายุ : 90
ศาสนา : พุทธ สถานะ:โสด มือข้างถนัด : ขวา
ลักษณะภายนอก(GA): รูปร่างผอม ผมหงอกสั้น ผิวขาวเหี่ยวย่น แสดงสีหน้าเหมาะสม ให้ความร่วมมือดี
โรคประจำตัว(Dx) : โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ประวัติการศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 3
ประวัติครอบครัว : ลูกคนสุดท้อง ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ทำงานเพราะมีหน้าที่ดูแลพ่อแม่เป็นหลัก ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านพักผู้สูงอายุคามิลเลี่ยน หลานมาเยี่ยมทุกวันหยุด พาไปโรงพยาบาลทุกเดือนตามวันที่หมอนัด และเที่ยวช่วงเทศกาล
Interest : ผู้รับบริการมีความสนใจและชอบทำกิจกรรมทางศาสนาพุทธ (สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน บริจาคเงินในวันพระ)
Value : ผู้รับบริการมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ นำหลักคำสอนทางพุทธสาสนามาปรับใช้ในชีวิต
need: ผู้รับบริการต้องการใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายได้อย่างมีความสุข
Strengths and concerns in relation to performing occupations and daily life activities:
Areas of potential occupational disruption, supports and barriers:
Priority and identified ลำดับความสำคัญในการวางแผนการรักษาจากความต้องการของผู้รับบริการ ความสามารถของผู้รับบริการที่นักศึกษาประเมิน :
Diagnostic Reasoning
DX: Diabetes Mallitus Hypertension ภาวะผู้สูงอายุ มีอาการมือชา หูตึง สายตาพร่ามัว มีปัญหาการทรงตัว มีความเสี่ยงล้ม ใน 1 ปีล้มไปแล้ว 3 ครั้ง ส่งผลให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่ใช้สายตา และการทรงตัวขณะยืน เดิน
วินิจฉัยทางกิจกรรมบำบัด: Occupational imbalance เนื่องจากสามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง ต้องระวังในเรื่องการทรงตัว ไม่มีกิจกรรมยามว่างเพื่อผ่อนคลาย
Interactive Reasoning
นักศึกษานั่งพูดคุยกับผู้รับบริการในระดับเดียวกัน สบตา ชวนพูดคุยโดยใช้คำกระชับ เข้าใจง่าย เสียงโทนต่ำดังชัดเจน เนื่องจากผู้รับบริการมีอาการหูตึง
เริ่มจากพูดคุยในเรื่องทั่วไปขณะทำกิจกรรมกลุ่มทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน เช่น
OTs: “อาหารที่ชอบรับประทานที่สุดคะ”
Pt: “ชอบก๋วยเตี๋ยว แต่ต้องไม่เผ็ดนะคะ หมอไม่ให้กินอาหารรสหวาน มัน เค็ม”
ถามคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น
OTs: “ช่วงนี้อากาศหนาว สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างคะ”
Pt: “แข็งแรงดี ทำอะไรได้เอง มีมือชาเท้าชา แล้วก็ล้มบ่อย ปีนี้ล้มมา 3 ครั้งแล้ว”
OTs: “เพราะอะไรคุณยายถึงล้มบ่อย ล้มแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ”
Pt: “มือกับเท้ามันชา ล้มตอนเข้าห้องน้ำ จะก้มหยิบของ แต่ไม่มีแผลหรอก”
และถามถึงความเป็นอยู่ในบ้านผู้สูงอายุ ความต้องการของผู้รับบริการ
OTs: “อะไรคือความต้องการในชีวิตตอนนี้คะ”
Pt:“ไม่มี ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ รอวันนั้นมาถึงค่ะ หนูต้องแต่งงานนะ จะได้ไม่เป็นแบบยาย”
OTs: “ที่บอกว่าใช้ชีวิตเรื่อยๆ ช่วยเล่าถึงความเป็นอยู่ที่บ้านพักให้ฟังเพิ่มได้ไหมคะ”
Pt: “ก็ใช้ไปเรื่อย รอไปวันๆ ตอนนี้แก่แล้ว ดีที่ทำอะไรเองได้ ลูกก็ไม่มีไม่ได้แต่งงาน พ่อหวงใครมาขอก็ไม่ให้ ต้องมาอยู่ที่นี่ ถ้ามีลูกก็ไม่ต้องเสียเงินทุกเดือน หนูรู้ไหมตั้ง 14,000 แต่งงาน มีลูกเถอะ ไม่ต้องเป็นภาระหลาน ให้ลูกดูแล ได้มีครอบครัวไปเที่ยว ไปเล่น ทำอาหาร จัดชุดบิณฑบาต ทำบุญด้วยกัน”(Narrative Reasoning)
ขณะสนทนาผู้รับบริการขอให้ช่วยตัดเล็บมือให้ ผู้รับบริการกล่าวขอบคุณ และกอดลา
“ขอบคุณที่มาหา และทำกิจกรรมด้วยกัน หนูเป็นเด็กดี ขอให้สิ่งดี ๆ กลับมาหาหนู”
Procedural Reasoning :
สร้างสัมพันธภาพผ่านการพูดคุย หลังจากนั้นทำการประเมินความสามารถสูงสุดในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตของผู้รับบริการ โดยดูองค์ประกอบผู้รับริการทั้งตัวผู้รับบริการ(Person) สิ่งแวดล้อม(Environment) และกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่เขาทำ(Occupation)
Person :
Environment :
Occupation : โดยเป็นการประเมินผ่านการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตFunctional ADL assessment มีความสามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตด้วยตนเอง(independent) ทั้งการอาบน้ำ(bathing) เข้าห้องน้ำ(toileting) สวม-ถอดเสื้อปละผ้าถุง(Dressing) รับประทานอาหารด้วยช้อน(Eating) การดูแลของส่วนตัว(personal device care) เช่น ฟันปลอม การดูแลความสะอาดตนเองเช่น ล้างหน้า แปรงฟัน(grooming) แต่ไม่สามารถทำการดูแลที่ต้องใช้สายตา เช่น ตัดเล็บ ได้เองต้องมีคนทำให้และช่วยตรวจความเรียบร้อย ความสะอาด(maximal assistance) และสามารถเดิน(Mobility)ไปในที่ต่างๆภายในบ้านพักได้เองโดยจับราวจับ หรือเดินเข็นรถเข็น แต่ไม่มั่นคง(supervision)
Conditional Reasoning
จากการสัมภาษณ์ และประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมดำเนินชีวิต(conditioning) พบว่า
กิจกรรมาทางศาสนา |
Mobility(มีความเสี่ยงล้ม) |
|
Conceptual FoR |
โดยใช้กรอบอ้างอิง Psychospiritual integration FoR ในการมองและส่งเสริมเรื่องการเตรียมความพร้อมในระยะสุดท้ายของชีวิตเพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกมีความสุขและมีคุณค่าในตนเองอย่างที่ผู้รับบริการต้องการ Becoming : ผู้รับบริการทราบความเป็นไป ลักษณะอาการของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง รู้ความต้องการของตนเอง Meaning : ผู้รับบริการไม่มีโอกาสทำกิจกรรมทางศาสนา คือ การบิณฑบาต ซึ่งมีความหมายและตรงกับความสนใจของผู้รับบริการ Centredness :ผู้รับบริการรู้สึกมีความสุข และรับรู้คุณค่าของตนเอง จากการสวดมนต์ บริจาคเงิน และถวายสังฆทาน วึ่งไม่มีโอากาสได้ทำอย่างเต็มที่ Connectedness : ผู้รับบริการอยู่ในสภาะแวดล้อมบ้านพักผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมทางศาสนาคริสต์เป็นหลัก ซึ่งผู้รับบริการนับถือศาสนาพุทธ Transcendence : ผู้รับบริการไม่ได้ทำสิ่งที่มีความหมายและคุณค่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต |
ใช้กรอบอ้างอิง PEO model เพื่อมองภาพรวมในการเคลื่อนไหวให้ครบองค์ประกอบทั้งPerson Environment and occupation เนื่องจากผู้รับบริการมีประวัติการล้มขณะอยู่ที่บ้านผู้สูงอายุ และจากการประเมินด้านร่างกายยังมีความสามารถในการเดินได้เอง ใช้biomechanics FoR ในการมองและคงความสามารถทางร่างกายในการเคลื่อนไหวไว้ คือ ผู้รับบริการคงกำลังกล้ามเนื้อขา คงความสามารถในการทรงท่ามีความทนทานขณะเดินในบ้านผู้สูงอายุ และมีความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงในการล้ม ขณะเดิน |
เป้าประสงค์ทางกิจกรรมบำบัด (occupational goal) |
ผู้รับบริการสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาที่มีความหมายในชีวิต คือ การจัดของบิณฑบาต และมีเพื่อนพูดคุยแลกเปลี่ยนทางศาสนา |
ผู้รับบริการสามารถเดินด้วยตนเองอย่างมั่นคงและปลอดภัยภายในบ้านพัก ผู้สูงอายุ โดยมีความเสี่ยงล้มน้อยลง |
การรักษาทางกิจกรรมบำบัด |
ส่งเสริมให้ผู้รับบริการทำกิจกรรม ยามว่างทางศาสนาที่ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกมีคุณค่าและเป็นกิจกรรมที่มีความหมายกับผู้รับบริการ เพื่อส่งเสริมให้มีความสุขและความรู้สึกมีศักดิ์ศรีในช่วงสุดท้ายของชีวิต โดย - สวดมนต์ให้ผู้บำบัดฟัง เพื่อดูว่าสามารถทำได้ และนำบทสวดมาปรับใช้ในชีวิตอย่างไร ทำอย่างไรให้มีความสุขและมีคุณค่า(meaning) -ทำชุดบิณฑบาต สังฆทาน เพื่อส่งให้ผู้รับบริการได้ทำในสิ่งที่มีความหมาย และความสุขของตนเอง การขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านในการซื้อของเพื่อจัดทำ ระลึกถึงสิ่งดี(Centredness) -พูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับศาสนา เช่น นำพุทธศาสนามาปรับในชีวิต อย่างไร ศีล 5 และ แลกเปลี่ยน ความต่างทางความเชื่อกับผู้บำบัดที่ นับถือศาสนาอิสลาม เรื่องการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้นับถือคนละศาสนาเป็นส่วนใหญ่ และจะทำอย่างไร ผู้รับบริการจึงได้มีการจัดห้องนอนใหม่ วางพระไว้หัวเตียงเพื่อความรู้สึกอุ่นใจ (connectedness) |
-Functional activity ออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อลำตัว hip extension and knee extension ซึ่งมีความสำคัญต่อการเดิน - ฝึกPostural controlขณะเดิน ใช้ gait belt ป้องกันการล้มขณะฝึก(Ethical reasoning ใช้อุปกรณ์ช่วยเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ)ใช้ physical prompt และ verbal prompt feedback - ฝึกใช้อุปกรณ์ช่วย Tripod แทนการจับตามเครื่องใช้ เพื่อเพิ่มความมั่นคง ลดอาการเหนื่อย เมื่อต้องเดินนานกว่าเดิม -สอนให้ผู้รับบริการสังเกต อาการเหนื่อยของตนเอง และสอน energy consevation การนั่งพัก ระหว่างทางเมื่อเหนื่อย เพื่อป้องกันการล้มจากความเหนื่อยล้า -บอกผู้รับบริการ ถึงปัจจัย เสี่ยงการล้มและวิธีลดปัจจัย เสี่ยง เช่น การปรับสภาพ บ้าน จัดของให้ไม่ขวางทาง เดิน ไม่นำของที่ใช้บ่อยวางไว้ที่พื้น ลดการก้มลงหยิบที่ จะทำให้ล้ม ซึ่งผู้รับบริการเคยล้มจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งในการทำการรักษาจะมีอาจารย์อยู่ด้วยเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยเนื่อง จากนักศึกษายังไม่มีใบประกอบโรคศิลป์(Ethical reasoning) |
Pragmatic Reasoning
ในเชิงปฏิบัติการได้มีอภิปรายวางแผนการรักษาระหว่างนักศึกษากับอาจารย์เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมและปลอดภัย
• การคงไว้ซึ่งความสามารถในการเดินและลดความเสี่ยงในการล้มจากบริบทที่ผู้รับบริการใช้ชีวิตอยู่จริง โยคำนึงถึงภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ
•แนะแนวทางการใช้กรอบอ้างอิง Psychospiritual integration FoR ในการวิเคราะห์ ออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุให้เกิดความรู้สึกมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต ส่งเสริมให้มีการรับรู้ถึงความเป็นไปของตนเอง และดึงศาสนาซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและการใช้ชีวิต เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทำกิจกรรมที่มีความหมาย รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านพักผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่นับถือคริสต์ที่เขาจะอยู่ไปจนวาระสุดท้ายให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนบ้าน สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างสงบสุข
อ้างอิงจากวารสาร
Denise Donica. Spirituality and Occupational Therapy: The Application of the Psychospiritual Integration Frame of Reference, 2009.
Janet DeLany. The Role of Occupational Therapy in End-of-Life Care. American Journal of Occupational Therapy, 59, 671–675., 2005.
SOAP note
ครั้งที่ 1
S : หญิงสูงอายุ สีหน้าสดใส ยิ้มแย้ม พูดว่า “ขอบคุณที่มาหา และทำกิจกรรมด้วยกัน หนูเป็นเด็กดี ขอให้สิ่งดี ๆ กลับมาหาหนู” “ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ รอวันนั้นมาถึง”
O : เริ่มทำกิจกรรมก๋วยเตี๋ยวลุยสวนได้เอง สามารถเลือก และหยิบ จดจำและทำได้ตามขั้นตอน มักก้มหน้าไปใกล้ๆจาน เนื่องจากสายตาพร่า และไม่ค่อยได้ยิน หากมีเสียงรบกวนหรือพูดเบา สบตา แสดงออกทางสีหน้าตรงเรื่องที่พูด สามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้เอง แต่ไม่มั่นคงเวลาเดิน มีความเสี่ยงล้ม
A : ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมกลุ่มและเดี่ยว
- ADL independence ยกเว้น
Mobility: Supervision Grooming การตัดเล็บ : Maximal asistance
P : ให้ความรู้เรื่องการป้องกันการล้ม ส่งเสริมการทำกิจกรรมทางศาสนาที่ผู้รับบริการต้องการทำ
ครั้งที่ 2
S : หญิงสูงอายุ ถือยาดมในมือตั้งแต่เข้าไปในห้อง มักพูดว่า “วันนี้ไม่ไหว ไม่สบาย ปวดหัว”
O : ขณะทำกิจกรรมสวดมนต์ สามารถท่องบทสวดได้ สามารถตอบ และทำท่าออกกาลังกายตามได้จนจบ แสดงท่าที่ตนออกกาลังกายประจำสอนผู้บำบัด แต่ทำแค่ท่าละ 1 ครั้ง ใช้ tripod เดินภายในห้องจากเตียงไปโต๊ะด้วยตนเองได้ปลอดภัย แต่มีสีหน้าไม่มั่นใจ เมื่อถึงไม่ทำต่อ ขอนอนพัก
A : ไม่ให้ความร่วมมือในการกิจกรรมจะทำแค่ช่วงเริ่มต้นแล้วบอกเหนื่อย ขอไม่ทำต่อ ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม สามารถพูดคุยโต้ตอบได้ มีความไม่มั่นใจ เมื่อต้องเดินด้วยtripod แต่เมื่อสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องศาสนาสามารถสนทนาได้จนจบ
P : ฝึกตามแผนเดิมแต่ปรับความยากและซับซ้อนของกิจกรรมลง เตรียมสื่อการ สอนที่ชัดเจนทั้งขนาดและสีในการฝึก เสริมสร้างความมั่นใจในการฝึกเดิน
Story telling
ครั้งแรกของการเป็นนักศึกษากิจกกรมบำบัดที่ได้ลงมือทำครบกระบวนการทางกิจกรรมบำบัด ตั้งแต่สัมภาษณ์ สังเกต ประเมิน และให้การรักษาด้วยตนเอง จากที่เคยทำร่วมกับเพื่อน ทำให้รู้สึกกังวลอย่างมาก จึงพยายามเตรียมความพร้อมเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
จากกรณีศึกษาคุณจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ 90 ปี เพศ หญิง อาศัยบ้านพักผู้สูงอายุคามิลเลียน ผู้รับบริการให้ความร่วมมือดี ยิ้มแย้ม ทำให้การประเมินผ่านไปอย่างง่ายดาย สามารถประเมินได้ครบ นอกจากนี้ ยังได้รับกำลังใจ คำอวยพรจากผู้รับบริการ หลังจากนั้นได้ทำการวางแผนและอภิปรายร่วมกับอาจารย์เพื่อหาแนวทางการรักษา ทำให้เห็นกระบวนการที่ชัดเจนมากขึ้น เข้าใจกรอบอ้างอิง และเทคนิคการรักษาในผู้รับบริการสูงอายุ ที่ต้องคำนึงถึงความเหนื่อย เน้นการคงไว้ซึ่งความสามารถ เพื่อไปทำการบำบัดในครั้งถัดไป ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เนื่องจากผู้รับบริการไม่สบาย ทำให้ไม่สามารถทำการบำบัดได้ตามที่วางไว้ทั้งหมด แต่เมื่อพูดคุยเรื่องศาสนาผู้รับบริการสามารถพูดคุยและทำกิจกรรมได้จนจบ ทำให้เห็นความสำคัญของการนำสิ่งที่มีคุณค่า เป็นสื่อในการรักษาและแรงจูงใจ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้อีกว่า อาจไม่สามารถทำตามแผนการรักษาได้ทั้งหมด จากปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ดังนั้นต้องสามารถยืดหยุ่นและปรับแผนให้ได้ตลอด
เมธาพร บุหงาเรือง
นักศึกษากิจกรรมาบำบัด
ไม่มีความเห็น